“ประวิตร” มอบนโยบายนายพลตำรวจ กำชับป้องกันอาชญากรรม ชี้คดี “พงศ์พัฒน์” เป็นเรื่องของบุคคล ไม่ใช่เรื่องขององค์กร แต่วงการสีกากีต้องมีคนดีมากกว่าคนไม่ดี
วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางตรวจเยี่ยมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการขึ้นไป โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวภายหลังการประชุมว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติอย่างมาก เพราะถ้าหากตำรวจปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรู้หน้าที่ของตนก็จะทำให้ประเทศชาติขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างดี ตำรวจเหมือนเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ กระจายไปทั่วทุกหัวระแหง ใกล้ชิดประชาชน มีทั้งกฎหมายและอาวุธ ตำรวจจึงต้องมีวินัยและตระหนักว่าทำอย่างไรให้ประชาชนมีระเบียบวินัย สามัคคีกัน และที่สำคัญได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อย่างไรก็ดี ส่วนตัวคิดว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ให้นโยบายแก่ผู้ใต้บังคับอย่างละเอียดอยู่แล้ว และเชื่อมั่นว่าองค์กรตำรวจภายใต้การนำของ ผบ.ตร.คนปัจุบันจะเป็นไปอย่างประสิทธิภาพและมีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้กำชับเรื่องอะไรเป็นพิเศษเพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและ คสช.อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามตนก็ให้นโยบายเพิ่มเติมไปว่าต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานในส่วนของการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุอาชญากรรมต่างๆ ขึ้นมา มากกว่าที่จะเน้นในเรื่องของการปราบปรามอย่างเดียว เพราะหากไม่มีเหตุเกิดขึ้นการปราบปรามก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นแต่อย่างใด จึงอยากให้ข้าราชการตำรวจทุกนายถือนโยบายเรื่องการป้องกันในทุกๆ เรื่องไม่ให้เกิดขึ้น ให้รักษากฎหมาย และบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมขึ้นในสังคม
ผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนกำลังพูดถึงกฎหมายของตำรวจ อย่าไปพูดถึงเรื่องของความมั่นคงในระดับที่จะสร้างความแตกแยกทางสังคม ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวไม่ควรถามคำถามที่ทำให้เกิดความแตกแยก เนื่องจากตอนนี้ประเทศต้องการความปรองดอง ต้องการความรักความสามัคคีของคนในชาติ
เมื่อถามว่าการทำงานของตำรวจในช่วงที่ คสช.เข้ามาปกครองประเทศถือว่าสอบผ่านหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถือว่าสอบผ่าน เจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งใจปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี ขอยืนยันว่าตำรวจทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และขณะนี้ทุกคนตั้งใจทำงาน ผลงานดีขึ้นตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.อ.สมยศนั้นเป็นผู้ที่มีความตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมขึ้นในสังคม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ให้กำลังใจข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันุธุ์ อดีต ผบช.ก.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องให้กำลังใจ พวกเขามีกำลังใจอยู่แล้ว ตนขอย้ำอีกครั้งว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องของบุคคล ไม่ใช่เรื่องขององค์กร เพราะในองค์กรตำรวจมีทั้งคนดีและคนไม่ดี สำคัญคือจะต้องมีคนดีมากกว่าคนไม่ดี มิเช่นนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะอยู่ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้เสนอเรื่องการปฏิรูปตำรวจ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์คิดได้ เขาเป็นสมาชิก สปช.มีหน้าที่ในการปฏิรูปประเทศก็มีสิทธิ์คิดได้ทุกเรื่อง แต่คิดว่าผู้ที่จะมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการปฏิรูปองค์กรตำรวจดีที่สุดก็คือข้าราชการตำรวจเอง เขาจะต้องรู้ว่าควรดำเนินการอย่างไรในการที่จะกระจายอำนาจไปสู่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเอง เขาสามารถทำได้เอง เนื่องจากตำรวจทั่วประเทศมีจำนวนกว่า 2 แสนนาย ทุกคนมีความรู้ความสามารถในการพัฒนาองค์กรของตนให้เจริญก้าวหน้าได้ทุกคน เชื่อว่าพวกเขามีสมองที่จะช่วยกันคิดได้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลและ คสช.ไม่ได้ปิดกั้นความคิดเห็นต่างๆ ถ้ามีข้อเสนอก็เข้ามาพูดคุยหารือกันว่าจะปฏิรูปอย่างไร ตำรวจเองก็มีวิธีการของเขา ควรมาช่วยกัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จำเป็นต้องตั้งคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นมาเพื่อทำงานร่วมกับ สปช.ในประเด็นปฏิรูปหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีคณะทำงานด้านการปฏิรูปอยู่แล้ว ขณะที่ สปช.ถ้ามีแนวคิดจะปฏิรูปตำรวจอย่างไรก็เสนอเข้ามาเพื่อหารือกันต่อไป