ผู้จัดการรายวัน360 - คตง.มีมติ ส่ง ป.ป.ช.เอาผิดทางอาญา อดีต รมว.คลัง-กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.และพวก ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ดำเนินการให้มีการคืนท่อก๊าซฯ ปตท.ที่ยังขาดอยู่คิดเป็นมูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท แก่กระทรวงการคลัง ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด พร้อมจี้นายกฯ-ครม.ปัจจุบันจัดการคืนให้ครบใน 60 วัน ด้านปตท.ยันคืนท่อฯครบถ้วนตามคำสั่งศาลฯ
วานนี้ (10 พ.ค.) นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) ได้แถลงข่าวผลการพิจารณาและมติ คตง.กรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและคณะยื่นคำร้องให้ตรวจสอบว่ามีการฝ่าฝืนมติ ครม.ในการส่งมอบท่อก๊าซ ปตท.ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ และมีข้าราชการและหน่วยราชการใดที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
คตง.มีข้อสรุปว่า ครม.รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้มีมติเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ให้กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท,ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครอง โดยดำเนินการคืนท่อก๊าซธรรมชาติให้กระทรวงการคลัง และให้ สำนัหงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองความถูกต้องในการส่งมอบคืน
ต่อมาวันที่ 25 ธ.ค.2551 บริษัท ปตท.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดว่าได้มีการคืนทรัพย์สินตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว และวันรุ่งขึ้น 26 ธ.ค.2551 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งว่ามีการคืนทรัพย์สินเรียบร้อยแล้ว ต่อมามูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับพวก 4,450 คน ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท ปตท. และกระทรวงการคลัง ว่า มีการส่งมอบท่อก๊าซคืนไม่ครบถ้วน ขาดไปคิดเป็นเงิน 32,000 กว่าล้านบาท ขอให้บังคับผู้ถูกฟ้องให้ส่งมอบคืนให้ครบถ้วน แต่ศาลปกครองสูง มีคำสั่งที่ 800/2557 ว่า การส่งมอบท่อก๊าซไม่ครบถ้วนเป็นการฝ่าฝืนมติ ครม. เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันภายในหน่วยงานของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรี
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับคณะ จึงมีหนังสือขอให้ คตง.วินิจฉัยว่า กระทรวงการคลัง และ ปตท.กับพวก ฝ่าฝืนมติ ครม.หรือไม่ คตง.จึงมีคำสั่งให้ สตง.ดำเนินการตรวจสอบ เมื่อ สตง.ตรวจสอบยแล้วได้เสนอผลการตรวจสอบต่อ คตง. และ คตง.ได้ประชุมกันในวันนี้ โดยมีมติดังนี้
1.ท่อก๊าซธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเลเป็นสมบัติสาธารณะของแผ่นดิน เพราะได้มาจากการประกอบกิจการและใช้เพื่อกิจการปิโตรเลียมของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ตาม พ.ร.บ.การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2521 ก่อนการแปรรูปและส่งมอบให้บริษัท ปตท.
2.อดีต รมว.คลัง และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. และพวก ฝ่าฝืนมติ ครม.และมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยส่งมอบท่อก๊าซธรรมชาติไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ขาดไป 32,000 ล้านบาทเศษ และทำให้รัฐขาดประโยชน์จากค่าเช่าที่พึงได้รับ นอกจากนี้ ยังยื่นคำร้องอันเป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุดว่าได้ดำเนินการส่งมองท่อก๊าซคืนครบแล้ว โดยไม่รอผลตรวจสอบและรับรองจาก สตง.ตามมติ ครม.ก่อน และไม่เสนอขอความเห็นชอบจาก ครม.ตาม พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 มาตรา 44 ก่อน
3.ให้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาดำเนินคดีอาญา อดีต รมว.คลัง กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.กับพวก เนื่องจากมีพฤติกรรมอันน่าเชื่อว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ทั้งให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยและความรับผิดทางละเมิดด้วย
4. คตง.อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44, 46 และ 15 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ขอให้นายกรัฐมนตรี รมว.คลัง รมว.พลังงาน และ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.กับผู้เกี่ยวข้องดำเนินการให้มีการส่งมอบท่อก๊าซที่ขาดไปคิดเป็นเงิน 32,000 ล้านบาทเศษ แก่กระทรวงการคลัง และให้ ครม.ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้มีการบังคับคดีที่ถูกต้องครบถ้วนต่อไปภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจาก สตง. มิฉะนั้น คตง.จะดำเนินการตามมมาตรา 17,63 และ 64 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 และปรมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ควารมผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 ต่อไป
“กระทรวงการคลังมีหน้าดูและรักษาทรัพย์สินแผ่นดิน ท่อก๊าซธรรมชาติมูลค่า 32,000 ล้านบาทเศษ เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกาคลัง จะเพิกเฉย ไม่ดำเนินการให้มีการส่งมอบท่อก๊าซให้ครบถ้วนไม่ได้ ส่วนเมื่อมีการส่งมอบแล้ว กระทรวงการคลังจะให้บริษัท ปตท.หรือจะให้ผู้ใดเช่า เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของกระทรวงการคลังต่อไป” ประธาน คตง.ระบุ.
*** ปตท.ยันคืนท่อฯครบถ้วนตามคำสั่งศาลฯ
นายชวลิต พันธ์ทอง ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและบริหารความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่คตง. และ สตง.มีความเห็นถึงกรณีการแบ่งแยกทรัพย์สินไม่เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดและมีการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีนั้น ปตท. ขอยืนยันได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดและมติครม.ตามขั้นตอน พร้อมทั้งได้นำเสนอข้อมูลทรัพย์สินของ ปตท. ทั้งก่อนและหลังการแปรรูป ต่อศาลฯ เพื่อประกอบการพิจารณา โดยศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งหลายครั้งว่า ปตท. ได้ดำเนินการตามคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2559 ศาลฯ ได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2551 อนึ่ง ปตท. ไม่สามารถดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินคืนให้รัฐเกินกว่าคำพิพากษาของศาลฯได้
“ปตท. ขอยืนยันอีกครั้งว่า การแบ่งแยกทรัพย์สินเป็นไปตามคำพิพากษาและหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มิได้มีการลัดขั้นตอนตามความเห็นของคตง.แต่ประการใด ” นายชวลิตฯ กล่าว