xs
xsm
sm
md
lg

“ธีระชัย” ทิ้งบอมบ์อีก ยัน ปตท.คืนท่อก๊าซไม่ครบ เขียน จม.ถึง “ประยุทธ์” ขอความเป็นธรรม-ช่วยรักษาผลประโยชน์ชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการ - “ธีระชัย” ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้า คสช. ขอความเป็นธรรม หลังออกมาแฉเรื่อง ปตท.คืนท่อก๊าซซึ่งเป็นของสาธารณะสมบัติไม่ครบ แต่ตัวเองกลับโดยฟ้อง ชี้มีหลักฐานจาก สตง.-ผู้ตรวจการแผ่นดินชัด ยัน ปตท.รายงานเท็จต่อศาลปกครองสูงสุด จี้ช่วยรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ

วันนี้ (19 พ.ย.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เผยแพร่ลงในเฟซบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnarubala เรื่อง ขอความเป็นธรรม โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับกรณีที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นฟ้องตนเองต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หลังนายธีระชัยได้เขียนข้อความลงในเฟซบุ๊กดังกล่าวแฉกรณีการคืนท่อก๊าซอันเป็นสาธารณะสมบัติให้รัฐไม่ครบถ้วน พร้อมเอกสารหลักฐานเป็นหนังสือจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมถึงกรณีที่ ปตท. มีการรายงานข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุด

“กระผมจึงขอประทานความกรุณาจากท่านได้โปรดรับทราบความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งมีความเห็นว่าได้มีการรายงานข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุด และกรณีที่กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ยังไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เพื่อท่านจักได้พิจารณาดำเนินการให้ความเป็นธรรมแก่กระผมและประชาชนคนไทยทุกคน รวมถึงรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป” นายธีระชัยระบุ

สำหรับรายละเอียดของหนังสือฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาทั้งหมดดังนี้

หนังสือถึงหัวหน้า คสช ด้วยความเคารพครับ

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557

เรื่อง ขอความเป็นธรรม
เรียน หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. สำเนาหนังสือของผู้ตรวจการแผ่นดิน ด่วนที่สุด ที่ ผผ 07.9/90 ลงวันที่ 4 กันยายน 2557
2. สำเนาจดหมายเปิดผนึกของกระผมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 22 กันยายน 2557

ตามที่ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกระผมเป็นจำเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้คดีหมายเลขดำที่ อ.3733/2557 โดยตามคำฟ้องอ้างว่ากระผมในฐานะจำเลยนำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 14 (1) และอ้างว่ากระผมเป็นเจ้าของและผู้ดูแลระบบเว็บไซต์ facebook.com บัญชีผู้ใช้บริการ “Thirachai Phuvanatnarubala” จึงเป็นผู้ให้บริการซึ่งมีความผิดตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (“พรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ”) นั้น

เนื่องจาก คดีที่อ้างถึงเกิดจากการที่กระผมเขียนความเห็นทางวิชาการเป็นประจำ ลงในหน้า Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala เพื่อเป็นข้อมูลสาธารณะและเป็นประโยชน์ทางวิชาการแก่ประชาชนทั่วไป มีบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

สำหรับข้อเขียนที่มีเรื่องพิพาทนั้น เกี่ยวกับระบบท่อส่งปิโตรเลียม ซึ่งมีการถกเถียงกันในหน้า Facebook ดังกล่าวว่า บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้คืนทรัพย์สินที่เป็นสาธารณะสมบัติให้รัฐครบถ้วนแล้วหรือไม่

ซึ่งในเรื่องดังกล่าวยังมีข้อโต้แย้งจากบุคคลหลายฝ่ายรวมถึงผู้ตรวจการแผ่นดินและสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (“สตง.”) ว่า บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดอย่างครบถ้วน จึงเป็นสิทธิของประชาชนที่จะแสดงความคิดเห็นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ

โดยที่บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) มีฐานะทางกฎหมายเป็นรัฐวิสาหกิจ ถือหุ้นส่วนใหญ่โดยกระทรวงการคลัง จึงเป็นหน่วยงานของรัฐ

กระผมจึงขอความเป็นธรรมต่อท่านในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. กรณีนี้สืบเนื่องจากศาลปกครองสูงสุด ได้พิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.47/2549 คดีหมายเลขแดงที่ ฟ. 3/2550 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 ให้ผู้ถูกฟ้องคดี (รวมถึงบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน)) ร่วมกันกระทำการแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมทั้งแยกอำนาจและสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐออกจากอำนาจและสิทธิของบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4)

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ สตง. เป็นผู้ตรวจสอบรับรองความถูกต้องของการแบ่งแยกทรัพย์สินและสิทธิให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

ต่อมา สตง. ได้มีหนังสือลงวันที่ 10 ตุลาคม 2551 แจ้งบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ว่าทรัพย์สินที่โอนยังไม่ครบถ้วน และ สตง. ได้ส่งรายงานเรื่องนี้ให้แก่บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2551

2. อย่างไรก็ดี บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2551 อ้างว่าได้ดำเนินการตามคำพิพากษาแล้ว และอ้างว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ร่วมกันดำเนินการดังกล่าว

ตุลาการจึงได้บันทึกเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2551 ว่าบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) มิได้แจ้งให้ศาลทราบถึงความเห็นแย้งของ สตง. แต่อย่างใด

หลังจากนั้น ผู้ฟ้องคดีได้ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดขอให้ไต่สวนว่าบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลแล้วหรือไม่

3. ภายหลัง ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ผผ 07.9/90 ลงวันที่ 4 กันยายน 2557ตอบคณะผู้ร้องเรียน โดยในส่วนของคำร้องที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2551 นั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นโดยสรุปว่า “เป็นการรายงานข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุด”

เนื่องจากในคำร้องดังกล่าวบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อ้างต่อศาลปกครองสูงสุดว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินให้กระทรวงการคลังครบถ้วนแล้วนั้น

ข้อเท็จจริงปรากฏภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 แล้ว คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 มอบหมายให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองความถูกต้อง ...

แต่ไม่ปรากฏว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องในรายงานการดำเนินการตามคำพิพากษาของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2551 ดังกล่าวแต่อย่างใด

ดังนั้น การกล่าวอ้างของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในคำร้องที่ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดที่ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดครบถ้วนแล้ว

จึงเป็นการรายงานที่เป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุด ที่ส่งผลต่อการพิจารณาการบังคับคดีของศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้”

4. นอกจากนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้ระบุด้วยว่า

“กรณีดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติหรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ท่านโดยไม่เป็นธรรมตามกฎหมายมาตรา 13 (1) (ก) (ข) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2552” (ตามเอกสารที่ส่งมาด้วยลำดับที่ 1)

5. เนื่องจากกระผมเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กระผมจึงได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในปัจจุบัน แจ้งให้รัฐมนตรีทราบเรื่องนี้

ปรากฏตามสำเนาจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 22 กันยายน 2557 (ตามเอกสารที่ส่งมาด้วยลำดับที่ 2)

ตามที่ได้กราบเรียนข้างต้น กระผมจึงขอประทานความกรุณาจากท่านได้โปรดรับทราบความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน

ซึ่งมีความเห็นว่าได้มีการรายงานข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุด

และกรณีที่กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ยังไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

เพื่อท่านจักได้พิจารณาดำเนินการให้ความเป็นธรรมแก่กระผมและประชาชนคนไทยทุกคน รวมถึงรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

(นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง




กำลังโหลดความคิดเห็น