ASTVผู้จัดการรายวัน--อธิบดีอัยการภาค 8 สรุปสั่งฟ้อง 2 ผู้ต้องหาฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า ต่อศาลจังหวัดเกาะสมุยช่วงบ่ายวันนี้ รวมทั้งหมด 6 ข้อหาฉกรรจ์ ยันสำนวนมีความสมบูรณ์ 100% สามารถดำเนินคดีและเอาผิดผู้ต้องได้แน่นอน ด้านตำรวจยอมแจง กสม. แล้ว ปัดซ้อม 2 ผู้ต้องหา ยันใช้ขั้นตอนตามหลักวิชาการทุกประการ "หมอนิรันดร์" ชง สตช. ตั้งกรรมการสอบสวน สร้างความโปร่งใสให้สังคม ระบุกำลังเขียนรายงานสรุป
นายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมพนักงานอัยการ เพื่อพิจารณาตรวจสอบพยานหลักฐานสำนวนคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากใช้เวลาตรวจสอบสำนวนที่มีความหนาประมาณ 1,000 หน้า โดยใช้เวลาประชุมกว่า 4 ชั่วโมงว่า คณะอัยการได้สรุปประเด็นสั่งฟ้องนายซอ ลิน หรือโซเรน อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเวพิว หรือวิน อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 ในข้อหาที่ 1 หลบหนีเข้าเมือง ข้อหาที่ 2 อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาที่ 3 ร่วมกันฆ่านายเดวิท โดยเจตนา ข้อหาที่ 4 ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.ฮานห์นา อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ข้อหาที่ 5 ร่วมกันฆ่า น.ส.ฮานห์น่า เพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง และเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
ส่วนนายเวพิว หรือวิน ผู้ต้องหาที่ 2 ถูกฟ้องเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือ ข้อหาลักทรัพย์เป็นโทรศัพท์มือถือ และแว่นตากันแดดของนายเดวิท โดยทางอธิบบดีอัยการภาค 8 ได้มอบหมายให้นายไพบูลย์ อาชวานันทกุล พนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุย เป็นผู้ยื่นส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย ในช่วงบ่ายของวันนี้ (4 ธ.ค.)
"สำนวนทั้งหมดมีความสมบูรณ์ 100% มีทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล พยานสิ่งแวดล้อม ภาพเชื่อมโยงจากกล้องวงจรปิด และพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ สามารถดำเนินคดี และเอาผิดผู้ต้องได้อย่างแน่นอน"นายธวัชชัยกล่าว
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กล่าวภายหลัง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) เข้าชี้แจงต่ออนุกรรมการฯ กรณีมีการร้องเรียนว่ามีการซ้อมทรมาน 2 ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ภายหลังเลื่อนการชี้แจงมาแล้ว 5 ครั้ง ว่า พล.ต.ต.สุวัฒน์ ชี้แจงว่าได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ให้ไปช่วยทำคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ โดยได้ดำเนินการตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และกระบวนการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา ยืนยันว่าเป็นไปตามหลักวิชาการ ไม่ได้มีการซ้อมทรมานผู้ต้องหาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ การสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ มีการระดมทุกหน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทั้งระดับจังหวัด ระดับภูธร และระดับภาค อาทิ สภอ.เกาะพงัน ตำรวจน้ำ ตำรวจท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งพล.ต.ต.สุวัฒน์ ได้ยืนยันว่าทุกหน่วยงานที่ทำคดีนี้ ได้ใช้แนวทางตามหลักวิชาการในการสืบสวนสอบสวนจับกุมและไม่ได้มีการใช้ความรุนแรงต่อผู้ต้องหา
สำหรับผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการฯ ที่พบว่ามีจุดกดเจ็บบนตัว 2 ผู้ต้องหานั้น เรื่องนี้ทางอนุกรรมการฯ จะนำข้อเท็จจริงจากที่ได้ตรวจสอบและรับฟังคำชี้แจงจาก 2 ผู้ต้องหา และจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน รวมทั้งข้อเท็จจริงต่างๆ มาประกอบการพิจารณาก่อนที่จะเขียนรายงานของอนุกรรมการฯ ต่อไป ทั้งนี้ อนุกรรมการฯ ยังได้เสนอว่าควรที่จะตั้งคณะกรรมการสอบกรณีนี้โดยตรง เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาแล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมว่า สตช. มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.ต.สุวัฒน์ ได้ชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าว่าล่ามที่เป็นชาวโรฮิงญามีการซ้อมทรมาน 2 ผู้ต้องหาหรือไม่ นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเรื่องล่ามนั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ ระบุว่าไม่ใช่ชาวโรฮิงญา เนื่องจากทราบว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีความขัดแย้งกันเรื่องกลุ่ม
นายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมพนักงานอัยการ เพื่อพิจารณาตรวจสอบพยานหลักฐานสำนวนคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากใช้เวลาตรวจสอบสำนวนที่มีความหนาประมาณ 1,000 หน้า โดยใช้เวลาประชุมกว่า 4 ชั่วโมงว่า คณะอัยการได้สรุปประเด็นสั่งฟ้องนายซอ ลิน หรือโซเรน อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเวพิว หรือวิน อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 ในข้อหาที่ 1 หลบหนีเข้าเมือง ข้อหาที่ 2 อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาที่ 3 ร่วมกันฆ่านายเดวิท โดยเจตนา ข้อหาที่ 4 ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.ฮานห์นา อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ข้อหาที่ 5 ร่วมกันฆ่า น.ส.ฮานห์น่า เพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง และเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
ส่วนนายเวพิว หรือวิน ผู้ต้องหาที่ 2 ถูกฟ้องเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือ ข้อหาลักทรัพย์เป็นโทรศัพท์มือถือ และแว่นตากันแดดของนายเดวิท โดยทางอธิบบดีอัยการภาค 8 ได้มอบหมายให้นายไพบูลย์ อาชวานันทกุล พนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุย เป็นผู้ยื่นส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย ในช่วงบ่ายของวันนี้ (4 ธ.ค.)
"สำนวนทั้งหมดมีความสมบูรณ์ 100% มีทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล พยานสิ่งแวดล้อม ภาพเชื่อมโยงจากกล้องวงจรปิด และพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ สามารถดำเนินคดี และเอาผิดผู้ต้องได้อย่างแน่นอน"นายธวัชชัยกล่าว
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กล่าวภายหลัง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) เข้าชี้แจงต่ออนุกรรมการฯ กรณีมีการร้องเรียนว่ามีการซ้อมทรมาน 2 ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ภายหลังเลื่อนการชี้แจงมาแล้ว 5 ครั้ง ว่า พล.ต.ต.สุวัฒน์ ชี้แจงว่าได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ให้ไปช่วยทำคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ โดยได้ดำเนินการตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และกระบวนการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา ยืนยันว่าเป็นไปตามหลักวิชาการ ไม่ได้มีการซ้อมทรมานผู้ต้องหาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ การสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ มีการระดมทุกหน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทั้งระดับจังหวัด ระดับภูธร และระดับภาค อาทิ สภอ.เกาะพงัน ตำรวจน้ำ ตำรวจท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งพล.ต.ต.สุวัฒน์ ได้ยืนยันว่าทุกหน่วยงานที่ทำคดีนี้ ได้ใช้แนวทางตามหลักวิชาการในการสืบสวนสอบสวนจับกุมและไม่ได้มีการใช้ความรุนแรงต่อผู้ต้องหา
สำหรับผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการฯ ที่พบว่ามีจุดกดเจ็บบนตัว 2 ผู้ต้องหานั้น เรื่องนี้ทางอนุกรรมการฯ จะนำข้อเท็จจริงจากที่ได้ตรวจสอบและรับฟังคำชี้แจงจาก 2 ผู้ต้องหา และจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน รวมทั้งข้อเท็จจริงต่างๆ มาประกอบการพิจารณาก่อนที่จะเขียนรายงานของอนุกรรมการฯ ต่อไป ทั้งนี้ อนุกรรมการฯ ยังได้เสนอว่าควรที่จะตั้งคณะกรรมการสอบกรณีนี้โดยตรง เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาแล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมว่า สตช. มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.ต.สุวัฒน์ ได้ชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าว่าล่ามที่เป็นชาวโรฮิงญามีการซ้อมทรมาน 2 ผู้ต้องหาหรือไม่ นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเรื่องล่ามนั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ ระบุว่าไม่ใช่ชาวโรฮิงญา เนื่องจากทราบว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีความขัดแย้งกันเรื่องกลุ่ม