นะกะโซโนะ มิโฮะ (中園 ミホ) นำเสนอ ฝันเฟื่องความแปลกใหม่ในหนังจากเรื่องจริงของชีวิต「物語はファンタジーだけど登場人物はリアルに」ให้กลายเป็นอาวุธลับแห่งความสำเร็จของเธอในยุคหลังฟองสบู่แตก
อะไรคือ ความสุข ในชีวิตของคนเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงในสังคมญี่ปุ่น
แต่งงาน กับ เป็นโสด อะไรคือความสุข? นี่คือสิ่งที่นะกะโซโนะ นำเสนอในหนังชุดพี่สาว หรือ Anego (2005) ที่ ชิโนฮะระ แสดงบทของสาวโสดออฟฟิศวัย 32 โนดะ นะโอโกะ ที่พยายามไขว่คว้าหาสิ่งที่ตนเองเรียกว่าความสุข
ด้วยโครงสร้างอายุของผู้หญิงญี่ปุ่นในวัย 30-40 ปีในปี 2005 หมายความว่าเป็นคนยุค Baby Boom ที่เกิดมาในยุคที่ญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่ความเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา
คนในวัยนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมีอิสรภาพในชีวิตของตนเองและเสมอภาพที่เท่าเทียมกันมากระหว่างชายและหญิง ข้อมูลที่สนับสนุนก็คือ ร้อยละของผู้หญิงญี่ปุ่นที่มีลูกในปี 2005 นั้นเกินกว่าครึ่งมาจากหญิงที่มีอายุเกินกว่า 30 ปี ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในรุ่นแม่ของพวกเธอที่เมื่อ 30 ปีก่อนนั้น(1975) ผู้หญิงที่มีลูกช้ามีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น
การได้แต่งงานของผู้หญิงญี่ปุ่นจึงมิใช่ความสุขหรือเส้นชัยในชีวิตอีกต่อไปใช่หรือไม่เพราะมีหญิงที่มีอายุเกินกว่า 30 ปีจำนวนมากขึ้นที่เพิ่งจะเริ่มมีลูกหรืออีกนัยหนึ่งเลือกที่จะไม่แต่งงาน ขณะที่อัตราการหย่าร้างหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวมีจำนวนมากขึ้น
การอยู่อย่างเป็นโสดนั้นแม้จะสะดวกสบายในปัจจุบันเพราะอิสระทั้งด้านการเงินและปราศจากภาระครอบครัวไม่ต้องมีเลี้ยงดูลูกและปรนนิบัติสามี แต่ก็ต้องอยู่ตัวคนเดียว เมื่อแก่ตัวลงเป็นภาวะที่ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไร นอกจากนี้แล้วเงื่อนไขด้านการเงินก็ยังทำให้หญิงโสดต้องคิดหนักว่า หากไม่มีอาชีพการงานที่ได้เงินดีแล้วจะหาเงินให้พอเพียงที่จะมีที่อยู่และมีเงินบำนาญไว้ใช้อย่างพอเพียงตอนแก่ตัวลงได้อย่างไร
หากใช้อายุเป็นตัวตั้งในการคำนวณมูลค่า ผู้หญิงจึงเริ่มมีมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อพ้นวัยเกิน 35 ปีและเริ่มเข้าสู่โหมดโสดสนิท
สาวโสดออฟฟิศวัย 32 โนดะ นะโอโกะ จึงเป็นตัวแทนของสาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาทำงานเพื่อมุ่งหวังที่จะเปิดโอกาสหาคู่ครองเพื่อมิให้ตนเองต้องอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวและสามารถมีสามีเป็นที่พึ่งพาในปัจจุบันและรวมไปถึงอนาคตหากตนเองมีลูก
นะกะโซโนะ สร้าง ซะวะกิ เอริโกะ (แสดงโดย โทะโมะซะกะ ริเอะ) ให้เป็นผู้หญิงในฝันที่สาวญี่ปุ่นหลายๆ คนรวมทั้ง โนดะใฝ่ฝัน ซะวะกิก็เริ่มต้นจากการเป็นสาวออฟฟิศมาก่อนที่จะพบรักมีครอบครัวมีลูกกับหนุ่มหล่อรูปงามที่สร้างตัวเองขึ้นมาจนมีฐานะ ไม่มีอะไรที่สามีไม่สามารถดลบันดาลให้ไม่ได้ แต่ก็ยังไม่เจอกับความสุข
ชีวิตของทั้งโนดะและซะวะกิจึงเป็นประหนึ่งกระจกเงาที่สะท้อนภาพความต้องการอยากจะเป็นซึ่งกันและกันออกมา
ขนบและประเพณีจึงมิใช่สิ่งที่มากำหนดความสุข เงื่อนไขของความสุขที่แต่ละคนจะสามารถค้นพบจึงอยู่รอบตัวเอง ใกล้นิดเดียวแต่มักมองไม่เห็น ไม่ต้องฟันฝ่าเอาชนะผู้อื่นเพื่อให้ได้มาแต่อย่างใด จะอยู่อย่างโสดหรือเลือกที่จะแต่งงาน ตนเองเท่านั้นที่จะต้องตัดสินใจ หาใช่นำเอาอายุหรือขนบธรรมเนียมใดมาเป็นตัวตัดสินแต่อย่างใดไม่
ชิโนฮะระเล่นหนังเรื่องนี้ได้อย่างลงตัวเพราะ โนดะ ก็มีอายุเท่ากับตัวจริงของเธอในขณะนั้นพอดี ยังมองไม่ออกเลยว่าจะมีใครเหมาะสมกับบทบาทนี้ไปอีกแล้ว ผิดแต่ว่าในชีวิตจริงของเธอเลือกที่จะแต่งงาน หนังเรื่องนี้และ ハケンの品格 ได้สร้างภาพลักษณ์ของเธอให้เป็นตัวอย่างหรือ Idol ของผู้หญิงวัยทำงานที่พนักงานเข้าใหม่ของหลายๆ บริษัทเลือกที่จะเป็น นับได้ว่านะกะโซโนะและชิโนฮะระประสบความสำเร็จในการสร้างบุคลิกของหญิงญี่ปุ่นยุคใหม่ให้กับสังคม
แก่นหนังชุดเรื่อง พี่สาว นี้จึงมิใช่เรื่องของการกินเด็ก หรือแย่งสามีชาวบ้านแต่อย่างใด หากแต่สะท้อนภาพของความสุขที่หลายคนใฝ่หาว่าเป็นอย่างไร แต่หากตนเองไม่มีหรือยังหาความสุขไม่ได้แล้วไซร้ จะอยู่อย่างมีความสุขกับคนอื่นๆ ได้อย่างไร จริงไหม?
ภาพทั้งหมดจาก google
อะไรคือ ความสุข ในชีวิตของคนเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงในสังคมญี่ปุ่น
แต่งงาน กับ เป็นโสด อะไรคือความสุข? นี่คือสิ่งที่นะกะโซโนะ นำเสนอในหนังชุดพี่สาว หรือ Anego (2005) ที่ ชิโนฮะระ แสดงบทของสาวโสดออฟฟิศวัย 32 โนดะ นะโอโกะ ที่พยายามไขว่คว้าหาสิ่งที่ตนเองเรียกว่าความสุข
ด้วยโครงสร้างอายุของผู้หญิงญี่ปุ่นในวัย 30-40 ปีในปี 2005 หมายความว่าเป็นคนยุค Baby Boom ที่เกิดมาในยุคที่ญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่ความเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา
คนในวัยนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมีอิสรภาพในชีวิตของตนเองและเสมอภาพที่เท่าเทียมกันมากระหว่างชายและหญิง ข้อมูลที่สนับสนุนก็คือ ร้อยละของผู้หญิงญี่ปุ่นที่มีลูกในปี 2005 นั้นเกินกว่าครึ่งมาจากหญิงที่มีอายุเกินกว่า 30 ปี ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในรุ่นแม่ของพวกเธอที่เมื่อ 30 ปีก่อนนั้น(1975) ผู้หญิงที่มีลูกช้ามีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น
การได้แต่งงานของผู้หญิงญี่ปุ่นจึงมิใช่ความสุขหรือเส้นชัยในชีวิตอีกต่อไปใช่หรือไม่เพราะมีหญิงที่มีอายุเกินกว่า 30 ปีจำนวนมากขึ้นที่เพิ่งจะเริ่มมีลูกหรืออีกนัยหนึ่งเลือกที่จะไม่แต่งงาน ขณะที่อัตราการหย่าร้างหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวมีจำนวนมากขึ้น
การอยู่อย่างเป็นโสดนั้นแม้จะสะดวกสบายในปัจจุบันเพราะอิสระทั้งด้านการเงินและปราศจากภาระครอบครัวไม่ต้องมีเลี้ยงดูลูกและปรนนิบัติสามี แต่ก็ต้องอยู่ตัวคนเดียว เมื่อแก่ตัวลงเป็นภาวะที่ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไร นอกจากนี้แล้วเงื่อนไขด้านการเงินก็ยังทำให้หญิงโสดต้องคิดหนักว่า หากไม่มีอาชีพการงานที่ได้เงินดีแล้วจะหาเงินให้พอเพียงที่จะมีที่อยู่และมีเงินบำนาญไว้ใช้อย่างพอเพียงตอนแก่ตัวลงได้อย่างไร
หากใช้อายุเป็นตัวตั้งในการคำนวณมูลค่า ผู้หญิงจึงเริ่มมีมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อพ้นวัยเกิน 35 ปีและเริ่มเข้าสู่โหมดโสดสนิท
สาวโสดออฟฟิศวัย 32 โนดะ นะโอโกะ จึงเป็นตัวแทนของสาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาทำงานเพื่อมุ่งหวังที่จะเปิดโอกาสหาคู่ครองเพื่อมิให้ตนเองต้องอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวและสามารถมีสามีเป็นที่พึ่งพาในปัจจุบันและรวมไปถึงอนาคตหากตนเองมีลูก
นะกะโซโนะ สร้าง ซะวะกิ เอริโกะ (แสดงโดย โทะโมะซะกะ ริเอะ) ให้เป็นผู้หญิงในฝันที่สาวญี่ปุ่นหลายๆ คนรวมทั้ง โนดะใฝ่ฝัน ซะวะกิก็เริ่มต้นจากการเป็นสาวออฟฟิศมาก่อนที่จะพบรักมีครอบครัวมีลูกกับหนุ่มหล่อรูปงามที่สร้างตัวเองขึ้นมาจนมีฐานะ ไม่มีอะไรที่สามีไม่สามารถดลบันดาลให้ไม่ได้ แต่ก็ยังไม่เจอกับความสุข
ชีวิตของทั้งโนดะและซะวะกิจึงเป็นประหนึ่งกระจกเงาที่สะท้อนภาพความต้องการอยากจะเป็นซึ่งกันและกันออกมา
ขนบและประเพณีจึงมิใช่สิ่งที่มากำหนดความสุข เงื่อนไขของความสุขที่แต่ละคนจะสามารถค้นพบจึงอยู่รอบตัวเอง ใกล้นิดเดียวแต่มักมองไม่เห็น ไม่ต้องฟันฝ่าเอาชนะผู้อื่นเพื่อให้ได้มาแต่อย่างใด จะอยู่อย่างโสดหรือเลือกที่จะแต่งงาน ตนเองเท่านั้นที่จะต้องตัดสินใจ หาใช่นำเอาอายุหรือขนบธรรมเนียมใดมาเป็นตัวตัดสินแต่อย่างใดไม่
ชิโนฮะระเล่นหนังเรื่องนี้ได้อย่างลงตัวเพราะ โนดะ ก็มีอายุเท่ากับตัวจริงของเธอในขณะนั้นพอดี ยังมองไม่ออกเลยว่าจะมีใครเหมาะสมกับบทบาทนี้ไปอีกแล้ว ผิดแต่ว่าในชีวิตจริงของเธอเลือกที่จะแต่งงาน หนังเรื่องนี้และ ハケンの品格 ได้สร้างภาพลักษณ์ของเธอให้เป็นตัวอย่างหรือ Idol ของผู้หญิงวัยทำงานที่พนักงานเข้าใหม่ของหลายๆ บริษัทเลือกที่จะเป็น นับได้ว่านะกะโซโนะและชิโนฮะระประสบความสำเร็จในการสร้างบุคลิกของหญิงญี่ปุ่นยุคใหม่ให้กับสังคม
แก่นหนังชุดเรื่อง พี่สาว นี้จึงมิใช่เรื่องของการกินเด็ก หรือแย่งสามีชาวบ้านแต่อย่างใด หากแต่สะท้อนภาพของความสุขที่หลายคนใฝ่หาว่าเป็นอย่างไร แต่หากตนเองไม่มีหรือยังหาความสุขไม่ได้แล้วไซร้ จะอยู่อย่างมีความสุขกับคนอื่นๆ ได้อย่างไร จริงไหม?
ภาพทั้งหมดจาก google