ผู้หญิงที่ผมรู้จักและอยากแนะนำในสัปดาห์นี้ เธอมิใช่นักแสดงนักร้องที่เป็นคนหน้ากล้องที่ผู้ชมมักจะรู้จักมากกว่า หากแต่เป็นคนหลังกล้องที่มีบทบาทสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้กำกับการแสดง คนเขียนบทจึงเป็นบุคคลที่มีส่วนสำคัญในการเป็นผู้ทำโครงสร้างของหนังให้สามารถตั้งหรือยืนอยู่ได้ หนังจะดีไม่ดีจึงมิใช่อยู่ที่นักแสดงหรือผู้กำกับการแสดงแต่เพียงลำพัง หากแต่อยู่ที่คนเขียนบทที่อยู่ไกลกล้องมากกว่าเพื่อนที่จะสามารถสร้างเนื้อเรื่องให้ดูน่าสนใจ สร้างบุคคลิกของนักแสดงให้คนดูจดจำได้ เธอผู้นั้นคือ นะกะโซโนะ มิโฮะ (中園 ミホ)
ผลงานของเธอที่สำคัญในฐานะคนเขียนบทที่หลายท่านอาจเคยได้รับชมแล้วก็เช่น anego (2005) ハケンの品格 (2007) ナサケの女(2010) หรือที่กำลังดังระเบิดจนมีผู้ตั้งคำถามว่าจะมีภาค 4 ต่อไปอีกหรือไม่คือ Doctor X (2012-14)
นะกะโซโนะสร้างบุคลิกของตัวละครและสร้างเรื่องให้ดูน่าสนใจได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหนังชุดที่ไม่ได้มีท้องเรื่องมาจากหนังสือหรือนวนิยายที่มีโครงร่างเนื้อหาพร้อมอยู่แล้ว
Ane (姉 พี่สาว) + go (子 เด็ก) เป็นเรื่องราวที่นะกะโซโนะถ่ายทอดความยากลำบากในการดำเนินชีวิตของสาวโสดออฟฟิศวัย 32 โนดะ นะโอโกะ (แสดงโดย ชิโนะฮะระ) ที่ต้องแบกรับการเป็นผู้นำตัวจริงที่ไม่มีตำแหน่งแก้ปัญหาชีวิตการงาน/ส่วนตัวของรุ่นน้องเพื่อนร่วมงานและของตนเองที่อยากจะหาใครสักคนมาเป็นเพื่อนร่วมชีวิต
ขณะที่ ฮะเกง โนะ ฮิคะคุ (ハケンの品格) นั้น นะกะโซโนะวาดภาพของ โอมะเอะ ฮะรุโกะ (แสดงโดย ชิโนะฮะระ) Super Sub-Contractor ที่แม้จะเข้ามาทำงานร่วมกับพนักงานประจำของบริษัทแบบชั่วคราวในฐานะคนนอก ไม่มีสวัสดิการหรือโบนัส และมักจะถูกดูถูกจากพนักงานประจำว่าไร้ซึ่งความสามารถไม่สามารถมอบความรับผิดชอบให้ได้เพราะส่วนใหญ่ตั้งใจจะทำงานเพียงชั่วคราวก่อนที่จะมีสามีเป็นแม่บ้านดูแลครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิง
บุคลิกทั้งสองคนจึงทำงานเก่ง มีปรัญชาเป้าหมายการทำงานที่แน่วแน่ว่า คนนั้นสามารถหักหลังคนด้วยกันเองได้ แต่งานนั้นไม่หักหลังคนอย่างแน่นอน ผลงานจึงเป็นสิ่งพิสูจน์คน ประพฤติปฏิบัติของโอมะเอะที่มีในเวลาทำงานจึงเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพที่มิได้เอาเรื่องส่วนตัวมาปนเปผสมเข้าไปแต่อย่างใด ความเห็นของตนจึงอยู่หลังความจริงของหน้าที่ที่หัวหน้างานสั่ง I do ของเธอจึงมาก่อน Idea ผิดกับผู้คนสมัยนี้ที่อ้างว่าเก่งนั้น มักมีแต่ Idea แต่ไม่มี I do เรียกได้ว่านายจ้างที่จ่ายเงินชั่วโมงละ 3,500 เยนให้เธอทำงานจึงคุ้มค่าทุกเยนก็ว่าได้
หมอเทวดาที่ผ่าตัดไม่เคยพลาด ไดมอน มิชิโกะ (แสดงโดย โยเนะกุระ) จึงเป็นตัวละครที่นะกะโซโนะพัฒนาสร้างขึ้นมาโดยเอาองค์ประกอบหลักมาจาก โอมะเอะ ที่อาศัยความสามารถจากการเป็นมืออาชีพเป็นอาวุธในการได้มาซึ่งงาน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานในลักษณะการทำงานเป็นทีมแบบญี่ปุ่นจึงเป็นศูนย์ คล้ายเป็นคนใจดำ เข้าและออกงานตรงเวลา รังเกียจข้อจำกัด ระเบียบ ระบบอาวุโส ทำเฉพาะในสิ่งที่ตนเองมีความรู้ความสามารถ
เบื้องหลังของการได้มาซึ่งบุคลิกของ โนดะ โอมะเอะ หรือ ไดมอน จึงมิได้ลอยมาจากฟ้าหรือมีนิมิตขึ้นมาเอง หากเกิดมาจากการสร้างสรรค์ของ นะกะโซโนะ ที่อาศัยสิ่งที่เรียกว่า ความสามารถในการเก็บข้อมูลเชิงประจักษ์จากการสอบถามสัมภาษณ์จากแหล่งข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สภาพความเป็นจริงมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงแต่งสร้างบุคลิกตัวละครของเธอ
ในสังคมญี่ปุ่นที่ชายเป็นใหญ่ ผลงานของเธออาจเรียกได้ว่าเป็น Orthodox เพราะตัวละครเอกของเธอนั้น ส่วนใหญ่เป็นหญิงที่มีความรู้ความสามารถของ โนดะ โอมะเอะ หรือ ไดมอน ต่างล้วนถูกกดทับด้วยอำนาจบาตรใหญ่จากฝ่ายชายก็ว่าได้
บุคลิกในตัวละครของเธอจึงสะท้อนออกมาจากตัวเธอไม่มากก็น้อย
ภูมิหลังของเธอเริ่มจากการทำงานในบริษัทประชาสัมพันธ์หลังจากจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยศิลปะ 日本大学芸術学 พ่อตายเมื่อเธออายุได้ 10 ปีขณะที่แม่ก็จากไปเมื่อเธออายุได้ 19 ปี นับว่าเก่งพอตัวที่สามารถเรียนจบได้ทั้งที่ขาดกำลังสนับสนุน ก่อนเริ่มงานเขียนบททำงานมาแล้วหลายแบบรวมถึงการเป็นหมอดูชื่อดัง มีลูกคนแรกอายุ 34 ปีโดยไม่แต่งงาน ขณะที่ใช้เวลาเลี้ยงลูกก็นำเอาประสบการณ์จริงมาเขียนเป็นบทหนังเรื่อง For You (1995) ให้ นะกะยะมะ มิโฮะ (中山美穂) ไอดอลนักร้องชื่อดังเล่นเป็นแม่วัยสาวที่ไม่ได้แต่งงาน ปัจจุบันเธอกลับไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ตนเองจบมา
ความสำเร็จในบทที่เธอเขียนในหนังชุดหลายๆ เรื่องที่แสดงออกโดยร้อยละของผู้ชมนั้นส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่เธอสร้างตัวละครให้เป็นตัวแทนของผู้หญิงญี่ปุ่นที่เมื่อได้ชมแล้วมีความรู้สึกร่วมกันนั่นเอง Doctor X ภาค 3 แม้จะยังไม่ถึงตอนจบแต่มีร้อยละผู้ชมถึงกว่าร้อยละ 20 เกือบทุกตอนซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับหนังชุดภาคตอนต่อที่ส่วนใหญ่มักจะมีแนวโน้มลดลง
บุคลิกความเป็นมืออาชีพ ไม่ยอมอยู่ใต้โครงสร้างองค์กร ท้าทายยอมตกงาน แต่ไม่ยอมทำงานที่นอกเหนือจากวิชาชีพของหมอไดมอนที่ “ไม่เคยพลาด” และ “ไม่ยอมทำ” งานอื่นจึงถูกจริตกับผู้หญิงวัยทำงานญี่ปุ่นที่ต้องทำ “งาน” ทุกอย่าง เช่น ถ่ายเอกสาร เสิร์ฟน้ำชา ยกเว้นแต่ “งานจริงๆ” ในหน้าที่ที่กลับไม่ได้มอบหมายให้ทำ
เคล็ดลับความสำเร็จของ นะกะโซโนะ มิโฮะ จึงน่าจะอยู่ตรงนี้กระมังที่ เธอสร้าง ฝันเฟื่องความแปลกใหม่ในหนังจากเรื่องจริงของชีวิต「物語はファンタジーだけど登場人物はリアルに」
ผลงานของเธอที่สำคัญในฐานะคนเขียนบทที่หลายท่านอาจเคยได้รับชมแล้วก็เช่น anego (2005) ハケンの品格 (2007) ナサケの女(2010) หรือที่กำลังดังระเบิดจนมีผู้ตั้งคำถามว่าจะมีภาค 4 ต่อไปอีกหรือไม่คือ Doctor X (2012-14)
นะกะโซโนะสร้างบุคลิกของตัวละครและสร้างเรื่องให้ดูน่าสนใจได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหนังชุดที่ไม่ได้มีท้องเรื่องมาจากหนังสือหรือนวนิยายที่มีโครงร่างเนื้อหาพร้อมอยู่แล้ว
Ane (姉 พี่สาว) + go (子 เด็ก) เป็นเรื่องราวที่นะกะโซโนะถ่ายทอดความยากลำบากในการดำเนินชีวิตของสาวโสดออฟฟิศวัย 32 โนดะ นะโอโกะ (แสดงโดย ชิโนะฮะระ) ที่ต้องแบกรับการเป็นผู้นำตัวจริงที่ไม่มีตำแหน่งแก้ปัญหาชีวิตการงาน/ส่วนตัวของรุ่นน้องเพื่อนร่วมงานและของตนเองที่อยากจะหาใครสักคนมาเป็นเพื่อนร่วมชีวิต
ขณะที่ ฮะเกง โนะ ฮิคะคุ (ハケンの品格) นั้น นะกะโซโนะวาดภาพของ โอมะเอะ ฮะรุโกะ (แสดงโดย ชิโนะฮะระ) Super Sub-Contractor ที่แม้จะเข้ามาทำงานร่วมกับพนักงานประจำของบริษัทแบบชั่วคราวในฐานะคนนอก ไม่มีสวัสดิการหรือโบนัส และมักจะถูกดูถูกจากพนักงานประจำว่าไร้ซึ่งความสามารถไม่สามารถมอบความรับผิดชอบให้ได้เพราะส่วนใหญ่ตั้งใจจะทำงานเพียงชั่วคราวก่อนที่จะมีสามีเป็นแม่บ้านดูแลครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิง
บุคลิกทั้งสองคนจึงทำงานเก่ง มีปรัญชาเป้าหมายการทำงานที่แน่วแน่ว่า คนนั้นสามารถหักหลังคนด้วยกันเองได้ แต่งานนั้นไม่หักหลังคนอย่างแน่นอน ผลงานจึงเป็นสิ่งพิสูจน์คน ประพฤติปฏิบัติของโอมะเอะที่มีในเวลาทำงานจึงเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพที่มิได้เอาเรื่องส่วนตัวมาปนเปผสมเข้าไปแต่อย่างใด ความเห็นของตนจึงอยู่หลังความจริงของหน้าที่ที่หัวหน้างานสั่ง I do ของเธอจึงมาก่อน Idea ผิดกับผู้คนสมัยนี้ที่อ้างว่าเก่งนั้น มักมีแต่ Idea แต่ไม่มี I do เรียกได้ว่านายจ้างที่จ่ายเงินชั่วโมงละ 3,500 เยนให้เธอทำงานจึงคุ้มค่าทุกเยนก็ว่าได้
หมอเทวดาที่ผ่าตัดไม่เคยพลาด ไดมอน มิชิโกะ (แสดงโดย โยเนะกุระ) จึงเป็นตัวละครที่นะกะโซโนะพัฒนาสร้างขึ้นมาโดยเอาองค์ประกอบหลักมาจาก โอมะเอะ ที่อาศัยความสามารถจากการเป็นมืออาชีพเป็นอาวุธในการได้มาซึ่งงาน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานในลักษณะการทำงานเป็นทีมแบบญี่ปุ่นจึงเป็นศูนย์ คล้ายเป็นคนใจดำ เข้าและออกงานตรงเวลา รังเกียจข้อจำกัด ระเบียบ ระบบอาวุโส ทำเฉพาะในสิ่งที่ตนเองมีความรู้ความสามารถ
เบื้องหลังของการได้มาซึ่งบุคลิกของ โนดะ โอมะเอะ หรือ ไดมอน จึงมิได้ลอยมาจากฟ้าหรือมีนิมิตขึ้นมาเอง หากเกิดมาจากการสร้างสรรค์ของ นะกะโซโนะ ที่อาศัยสิ่งที่เรียกว่า ความสามารถในการเก็บข้อมูลเชิงประจักษ์จากการสอบถามสัมภาษณ์จากแหล่งข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สภาพความเป็นจริงมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงแต่งสร้างบุคลิกตัวละครของเธอ
ในสังคมญี่ปุ่นที่ชายเป็นใหญ่ ผลงานของเธออาจเรียกได้ว่าเป็น Orthodox เพราะตัวละครเอกของเธอนั้น ส่วนใหญ่เป็นหญิงที่มีความรู้ความสามารถของ โนดะ โอมะเอะ หรือ ไดมอน ต่างล้วนถูกกดทับด้วยอำนาจบาตรใหญ่จากฝ่ายชายก็ว่าได้
บุคลิกในตัวละครของเธอจึงสะท้อนออกมาจากตัวเธอไม่มากก็น้อย
ภูมิหลังของเธอเริ่มจากการทำงานในบริษัทประชาสัมพันธ์หลังจากจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยศิลปะ 日本大学芸術学 พ่อตายเมื่อเธออายุได้ 10 ปีขณะที่แม่ก็จากไปเมื่อเธออายุได้ 19 ปี นับว่าเก่งพอตัวที่สามารถเรียนจบได้ทั้งที่ขาดกำลังสนับสนุน ก่อนเริ่มงานเขียนบททำงานมาแล้วหลายแบบรวมถึงการเป็นหมอดูชื่อดัง มีลูกคนแรกอายุ 34 ปีโดยไม่แต่งงาน ขณะที่ใช้เวลาเลี้ยงลูกก็นำเอาประสบการณ์จริงมาเขียนเป็นบทหนังเรื่อง For You (1995) ให้ นะกะยะมะ มิโฮะ (中山美穂) ไอดอลนักร้องชื่อดังเล่นเป็นแม่วัยสาวที่ไม่ได้แต่งงาน ปัจจุบันเธอกลับไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ตนเองจบมา
ความสำเร็จในบทที่เธอเขียนในหนังชุดหลายๆ เรื่องที่แสดงออกโดยร้อยละของผู้ชมนั้นส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่เธอสร้างตัวละครให้เป็นตัวแทนของผู้หญิงญี่ปุ่นที่เมื่อได้ชมแล้วมีความรู้สึกร่วมกันนั่นเอง Doctor X ภาค 3 แม้จะยังไม่ถึงตอนจบแต่มีร้อยละผู้ชมถึงกว่าร้อยละ 20 เกือบทุกตอนซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับหนังชุดภาคตอนต่อที่ส่วนใหญ่มักจะมีแนวโน้มลดลง
บุคลิกความเป็นมืออาชีพ ไม่ยอมอยู่ใต้โครงสร้างองค์กร ท้าทายยอมตกงาน แต่ไม่ยอมทำงานที่นอกเหนือจากวิชาชีพของหมอไดมอนที่ “ไม่เคยพลาด” และ “ไม่ยอมทำ” งานอื่นจึงถูกจริตกับผู้หญิงวัยทำงานญี่ปุ่นที่ต้องทำ “งาน” ทุกอย่าง เช่น ถ่ายเอกสาร เสิร์ฟน้ำชา ยกเว้นแต่ “งานจริงๆ” ในหน้าที่ที่กลับไม่ได้มอบหมายให้ทำ
เคล็ดลับความสำเร็จของ นะกะโซโนะ มิโฮะ จึงน่าจะอยู่ตรงนี้กระมังที่ เธอสร้าง ฝันเฟื่องความแปลกใหม่ในหนังจากเรื่องจริงของชีวิต「物語はファンタジーだけど登場人物はリアルに」