เอเอฟพี – การฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจเกาหลีเหนือเพื่อนำไปสู่การรวมชาติในอนาคตอาจต้องใช้งบประมาณสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หน่วยงานซึ่งกำกับดูแลด้านการเงินของเกาหลีใต้แถลงวันนี้(19)
ชิน เจ-ยูน ประธานคณะกรรมการบริการการเงินแห่งเกาหลีใต้ (Financial Services Commission – FSC) ประเมินว่า หากต้องการเพิ่มจีดีพีต่อหัวประชากรโสมแดงจาก 1,251 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปัจจุบันให้เป็น 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะต้องใช้งบประมาณถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 20 ปี
เอฟเอสซี ย้ำว่า ตัวเลข 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยังไม่ตายตัว และไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเกาหลีใต้ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการหารือในอนาคต
ผลสำรวจซึ่งกระทรวงการรวมชาติเผยแพร่เมื่อต้นปีพบว่า ชาวเกาหลีใต้ 70% เห็นด้วยกับแนวคิดรวมคาบสมุทรเกาหลีเป็นหนึ่ง แต่เกือบครึ่งกลับไม่ต้องการสละเงินทองของตัวเองเพื่อช่วยโอบอุ้มเศรษฐกิจโสมแดง
เอฟเอสซี ยังชี้ด้วยว่า จีดีพีเกาหลีใต้ในปี 2013 สูงกว่าเกาหลีเหนือมากกว่า 40 เท่าตัว ในขณะที่ช่องว่างจีดีพีระหว่างเยอรมันตะวันตกและตะวันออกนั้นต่างกันเพียง 10 เท่าตัว ในช่วงที่เกิดการควบรวมประเทศในปี 1990
ชิน แนะนำว่า ครึ่งหนึ่งของงบประมาณมหาศาลนี้อาจจะดึงมาจากสถาบันการเงินสาธารณะ เช่น ธนาคารพัฒนาเกาหลีใต้ (Korea Development Bank) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งเกาหลีใต้ (Korea Exim Bank) ส่วนอีกครึ่งอาจดึงจากธนาคารพาณิชย์ เงินภาษีจากโครงการพัฒนาในเกาหลีเหนือ และองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก เป็นต้น
ปีที่แล้ว กระทรวงการคลังเกาหลีใต้ประเมินว่า การรวมประเทศกับโสมแดงจะทำให้จีดีพีรายปีของเกาหลีใต้หายไป 7% เป็นระยะเวลาถึง 10 ปี ซึ่งเท่ากับเม็ดเงินประมาณ 83,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะต้องเสียไป และเป็นการคาดเดาสำหรับการรวมประเทศแบบ “สันติ” เท่านั้น ซึ่งก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้
ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ ชี้ว่า หากเทคโนโลยีและเงินทุนของเกาหลีใต้ถูกผนวถรวมเข้ากับทรัพยากรทางธรรมชาติและมนุษย์ของเกาหลีเหนือ ก็จะทำให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นดั่ง “ขุมทรัพย์” แต่ถ้อยแถลงที่ว่านี้กลับถูกเปียงยางตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน และเย้ยหยันโซลว่า “ฝันเฟื่อง” ที่จะได้กลืนกินชาติโสมแดง