เอเอฟพี – แผนการเจรจาระดับสูงระหว่างรัฐบาลเกาหลีเหนือและใต้ซึ่งมีกำหนดเปิดฉากในช่วงปลายสัปดาห์นี้ส่อแววล่มอีกรอบ เมื่อเปียงยางได้ส่งแฟกซ์แจ้งเกาหลีใต้วันนี้ (27 ต.ค.) ว่า จะเข้าร่วมหรือไม่ “ยังไม่รับรอง”
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โซลและเปียงยางต่างให้คำมั่นซึ่งกันและกันว่าจะรื้อฟื้นการเจรจาระดับสูง โดยเกาหลีใต้เสนอให้ผู้แทนทั้งสองฝ่ายได้พบปะกันในวันที่ 30 ตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือเริ่มแสดงท่าทีอิดออดเมื่อวันอาทิตย์ (26) โดยระบุว่าจำเป็นต้องทบทวนอีกครั้งว่าจะเข้าร่วมเจรจาหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าเกาหลีใต้ “ขาดความจริงใจ”
คณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติเกาหลีเหนือได้ส่งแฟกซ์มายังเกาหลีใต้ โดยอ้างเรื่องที่โซลไม่พยายามห้ามปรามนักเคลื่อนไหวที่ส่งบอลลูนอากาศร้อนขึ้นไปร่อนใบปลิวโจมตีโสมแดง
“เราคงต้องคิดใหม่ว่าการเจรจาระดับสูงจะยังเกิดขึ้นได้หรือไม่ ในบรรยากาศเช่นนี้” เนื้อความในจดหมายของเกาหลีเหนือระบุ
กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้แถลงว่า โซลได้ตอบจดหมายกลับไปในวันนี้ (27) โดยยืนยันว่าเกาหลีใต้ยังพร้อมที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือตามกำหนดการเดิม และขอให้เปียงยางอย่าเอาเรื่องใบปลิวมาเป็นเงื่อนไข
“เราได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับการหารือในวันที่ 30 ตุลาคม” ลิม บยอง-ชอล โฆษกกระทรวงการรวมชาติ ระบุในงานแถลงข่าว
เกาหลีเหนือประณามการร่อนใบปลิวของนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้มาโดยตลอด และด่าทอคนกลุ่มนี้ว่าเป็นพวก “เดนมนุษย์”
ช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ โสมแดงยิ่งเร่งเร้าให้กรุงโซลต้องจัดการกับนักเคลื่อนไหวที่ร่อนใบปลิววิพากษ์วิจารณ์ระบอบคิม แต่เกาหลีใต้ก็อ้างว่า นักเคลื่อนไหวเหล่านี้มีสิทธิที่จะทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย
เมื่อวันเสาร์ (25) กลุ่มชาวบ้านในเมืองพาจูใกล้พรมแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ได้รวมตัวขัดขวางกิจกรรมร่อนใบปลิว พร้อมขว้างปาไข่ใส่นักเคลื่อนไหว โดยกล่าวว่ากิจกรรมเช่นนี้เป็นการยั่วยุโทสะโสมแดง และอาจทำให้ชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขาต้องตกอยู่ในความเสี่ยง
เกาหลีใต้ส่งตำรวจนับพันนายเข้าไปควบคุมสถานการณ์ และสุดท้ายกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่เตรียมใบปลิวมาราว 50,000 ใบเพื่อจะโปรยข้ามแดนก็ต้องยอมล่าถอย
จดหมายจากโสมแดงแสดงการรับทราบว่ากิจกรรมร่อนใบปลิวหลักๆ ถูกยกเลิกไปจริง แต่ระบุว่านักเคลื่อนไหวกลุ่มนี้ได้ย้ายสถานที่ไปยังชายแดนจุดอื่น และปล่อยบอลลูน 1 ลูกในช่วงเย็นโดยที่ไม่ถูกขัดขวาง
การเจรจาระดับสูงครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ทำให้โสมแดงยอมรับเป็นเจ้าภาพจัด “งานรวมญาติ” ซึ่งทำให้ชาวเกาหลีซึ่งพลัดพรากจากกันในช่วงสงครามปี 1950-53 ได้มีโอกาสพบหน้าญาติพี่น้องที่อาศัยอยู่คนละฟากฝั่งพรมแดน