xs
xsm
sm
md
lg

ขอฟังเพลง ‘เบื่อคนบ่น’

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

ช่วงนี้ชาวบ้านได้ยินเสียงถ้อยคำรำพันเชิงตัดพ้อต่อว่า เสียงเตือนด้วยอารมณ์ขุ่นมัวจากท่านผู้นำและท่านผู้มีอำนาจในรัฐบาลว่าอย่ามีกิจกรรมต่อต้านคัดค้านรัฐบาล คณะ คสช.ยังไม่เลิกกฎอัยการศึก ขอให้นิ่งเพื่อรักษาบรรยากาศของการปรองดองสมานฉันท์

หลังจาก 8 เดือนในการกุมอำนาจรัฐ มีกองทัพสนับสนุน มีมาตรการป้องปรามแนวคิดคัดค้านต่อต้านรัฐบาล ท่านผู้นำน่าจะรู้สึกชัดแจ้งแล้วว่า “ทุกอย่างไม่หมูอย่างที่คาดหวัง แม้จะมีอำนาจมากมาย” นั่นเป็นเพราะความไม่พร้อมการรับสภาวะของท่าน

ยิ่งท่านส่งเสียงโวยวาย อารมณ์ฉุนเฉียวเก็บอาการไม่ได้ ปากก็ว่ามีอะไรบอกท่านได้ ขอให้ใจเย็น ให้เวลาพวกท่านทำงาน ท่านพร้อมรับฟังแต่ท่านไม่ลืมกำชับซ้ำว่าอย่าวิพากษ์วิจารณ์ อย่าด่าโดยไร้เหตุผล โดยเฉพาะในสิ่งที่ท่านไม่ได้ทำ ท่านยอมรับไม่ได้

ถ้าจะพูดมากไปก็เยิ่นเย้อ วันนี้อยากวิเคราะห์อาการเหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวพันกับท่านผู้นำ คณะรัฐมนตรีและสภาวะที่ท่านเผชิญอยู่ในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และภาคส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะประเด็นคลื่นใต้น้ำ แรงกระเพื่อม ไฟสุมขอน ไฟลามทุ่ง

ทั้งหมดเริ่มที่ตัวท่านผู้นำ คือท่านไม่เคยเป็นนายกฯ เป็นผู้นำรัฐ และรัฐบาลมาก่อน เคยใช้ชีวิตการทำงานอยู่ในกองทัพมาโดยตลอด ไม่ได้สัมผัสกับการเมืองภาคพลเรือนด้วยตัวเอง ท่านไม่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อโดนเข้าจึงรู้สึกขุ่นเคืองใจ

ช่วงที่ท่านเป็นผู้นำกองทัพ ประชาชนทั่วไปไม่ได้เกี่ยวข้องผูกพันกับท่าน ยกเว้นสื่อมวลชนไทยซึ่งนิยมไปสอบถามความเห็นต่างๆ หลากหลายเรื่องจากผู้นำเหล่าทัพโดยไม่จำเป็น แตกต่างจากสื่อในประเทศอื่นๆ ซึ่งไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมผู้นำกองทัพ

เว้นแต่เรื่องวิกฤตความมั่นคง การใช้กำลังในความไม่สงบ การสงคราม ก่อการร้าย เราไม่เห็นสื่อในประเทศอื่นๆ สอบถามแม่ทัพนายกองแทบทุกวันและมักได้คำตอบซึ่งบางครั้งก็ไร้เนื้อหาสาระ สื่อและผู้นำทหารชอบที่จะมีการสนทนาจนเป็นธรรมเนียม

เมื่อท่านผู้นำใช้อำนาจกองทัพประหารรัฐบาลแม่นางโพย ขับไล่พวกกากซากคณะรัฐมนตรีไร้หัวออกไป สาธุชนคนดีแซ่ซ้องสนับสนุนยกมือท่วมหัว หลังจากมวลมหาประชาชนเสี่ยงภัยชุมนุมขับไล่นักการเมืองชั่วร้ายนานกว่า 7 เดือนจนบาดเจ็บล้มตาย บ้านเมืองเสียหายมองไม่เห็นอนาคต ทั้งยังมีข่าวแว่วว่าจะนองเลือดมากกว่าเดิม

ท่านผู้นำประสบความสำเร็จ โดยปราศจากการต่อต้านจากพวกแม่นางโพยและสมุนบักเหลี่ยมซึ่งก็ได้คาดการณ์แล้วว่ารัฐบาลนโยบายข้าวเน่าจะโดนรัฐประหารแน่ ช้าหรือเร็วเท่านั้น จากนั้นจุดพลิกเกิดขึ้นเมื่อท่านประกาศตั้งคณะ คสช.เพื่อกุมอำนาจรัฐ

ช่วงนั้นประชาชนคาดหวังว่าท่านและคณะ คสช.จะให้อำนาจเด็ดขาดภายใต้กฎอัยการศึกจัดการกับภัยของบ้านเมือง ซึ่งมีหลายกลุ่ม เช่น พวกมุ่งล้มเจ้า กังฉินกินเมือง เครือข่ายกองกำลังติดอาวุธ กลุ่มฝึกอาวุธเสื้อดำและเสื้อแดงซึ่งใช้อาวุธเข่นฆ่าชาวบ้าน

ชาวบ้านไม่ได้คาดหวังว่าท่านผู้นำ คสช.จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี...ไม่มีเสียงเรียกร้องให้ท่านมาเป็น เพียงแต่มีการทึกทักเอาว่าถ้าท่านเสี่ยงทำรัฐประหาร ท่านต้องเป็นผู้นำรัฐบาลเสียเองเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ประสบความล้มเหลวดังเช่นกรณี “บังเละ”

เมื่อมีประกาศรายชื่อคณะที่ปรึกษา คสช.ท่านทราบหรือไม่ว่าประชาชนซึ่งได้ติดตามข่าวรับรู้เหตุการณ์บ้านเมืองต่างรู้สึกผิดหวังอย่างแรง มีเสียงร้องยี้เมื่อเห็นแววเละ บุคคลที่ท่านเลือกมีปัญหาด้านภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์สุจริต

ไม่เคยร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชน หลายคนเป็นนักชุบมือเปิบประวัติมัวหมอง พฤติกรรมไม่น่าไว้ใจ ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน เป็นพวกตามน้ำรอสถานการณ์จ้องตีกินถ้ามีจังหวะเหมาะ รอเทียบเชิญให้เป็นเสนาบดี

ท่านเชื่อหรือไม่ว่าความเชื่อมั่นในตัวท่านดิ่งวูบต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ทันที เพราะการเลือกคัดสรรคณะที่ปรึกษา อย่างที่ฝรั่งว่า “We Judge you by the Company you Keep” “เราประเมินตัวท่านบนพื้นฐานประเภทของคนที่ท่านเลือก” นั่นแหละ

ถ้าจะว่าให้เหมาะก็คือ “ถ้าอยากรู้ว่าตัวท่านเป็นอย่างไร ก็ให้ดูพวกคนที่ท่านคบ” จะสะท้อนแนวคิด พฤติกรรม ความนิยมชมชอบ แต่ทั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ท่านอ้างด้วยว่าในสถานการณ์จำเป็นท่านผู้นำไม่ได้มีโอกาสเลือกด้วยตนเองแต่ถูกชิงอำนาจจัดการ

เมื่อเป็นเช่นนี้ เสียงโอดครวญจึงสะท้อนว่า “ตัวท่านผู้นำคือปัญหา” เพราะไม่ยอมรับว่าการเป็นนักการเมืองแตกต่างจากชีวิตนายทหารซึ่งอยู่ในระเบียบวินัยคำสั่งอย่างเต็มที่ การขัดคำสั่งมีโทษหนักนอกจากผิดวินัยทหาร แต่นักการเมืองต้องอยู่ในสภาพจำยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งบวกและลบ ต้องอดทนด้านหนากว่าคนทั่วไป

ประชาชนไม่มีวันยอมให้ผู้กุมอำนาจรัฐกดขี่ข่มเหงตลอดไป ท่านน่าจะรู้ดีว่า นักการเมืองเครือข่ายก๊วนที่ท่านรัฐประหารเคยโดนขับไล่ซ้ำซากโดยกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่ม กปปส.นานกว่า 6 เดือนแต่ความด้านทนไร้จิตสำนึกก็ไร้เทียมทานเช่นกัน

ถ้าท่านศึกษาผู้นำการเมืองไทยทั้งจากกองทัพและการเมืองเลือกตั้ง ท่านควรรู้ว่าไม่มีใครปลอดจากการถูกวิจารณ์ มีทั้งโดนขับไล่ รัฐประหาร เจ้าตำรับประชานิยมอย่างบักเหลี่ยมมีคนรักทั่วแผ่นดินก็ยังมีคนเกลียดทั้งแผ่นดิน ทุกวันนี้ต้องเร่ร่อนไร้แผ่นดินอยู่

เป็นสภาวะปกติของการเมือง ไม่มีเผด็จการทรราชหน้าไหนต้านพลังประชาชนได้ถ้าคิดไม่ซื่อต่อบ้านเมือง บางคนยังแอบเกี้ยเซียะ ต่อรองหาข้อตกลงลับๆ ท่านผู้นำควรรู้ไว้ด้วยว่าถ้าท่านไม่ฟังเสียง ตามใจประชาชน ประชาชนก็ไม่ยอมทนตามใจท่านเช่นกัน

จะให้ท่านทำไงเรอะ? มีคำเปรียบเปรยของฝรั่งว่า “If you Cannot Stand the Heat, get out of the Kitchen” “อยู่ในห้องครัวถ้าทนความร้อนไม่ไหว ก็ออกไปซะ!”
กำลังโหลดความคิดเห็น