xs
xsm
sm
md
lg

“อุเทน” ถาม “บิ๊กตู่” 6 เดือนรัฐประหารมีอะไรเป็นรูปธรรม - ตำหนิ พท.-ปชป.ไม่ฟังเสียงใคร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย (ภาพจากแฟ้ม)
หน.พรรคคนไทย ถาม คสช.รัฐประหาร 6 เดือนมีอะไรเป็นรูปธรรม ทั้งไม่ยกเลิกอัยการศึก และงัดมาตรา 44 ข่มขู่ผู้เห็นต่าง ย้อนกิจกรรมคืนความสุขได้ผลขนาดไหน อีกด้านไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาอื่นๆ ทั้งเรื่องไมค์แพง เบิกจ่ายงบประมาณขาดความรอบคอบ ก่อนตำหนิทั้ง “เพื่อไทย-ปชป.” ต้นตอรัฐประหาร ไม่ฟังเสียงใคร

วันนี้ (7 พ.ย.) นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า ขณะนี้เข้าสู่เดือนที่ 6 ของการรัฐประหารวันที่ 22 พ.ค. 57 ที่ผ่านมาแล้ว ส่วนตัวอยากถามไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะ คสช.ว่า หลังจากการทำรัฐประหารมาจนถึงวันนี้ เรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์หรือสร้างความสามัคคีในชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ คสช.นำอ้างในการทำรัฐประหารนั้น วันนี้มีอะไรสำเร็จเป็นรูปธรรมแล้วบ้าง เพราะอย่างกฎอัยการศึกก็ยังไม่สามารถยกเลิกได้ โดยอ้างว่ายังมีคลื่นใต้น้ำอยู่ หรือล่าสุดก็มีการพูดถึงการนำอำนาจหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 มาใช้ ซึ่งเป็นไปในเชิงข่มขู่ประชาชน รวมทั้งผู้ที่เห็นต่างด้วย

“อยากถามว่ากิจกรรมคืนความสุขที่จัดขึ้นหลายอย่างในแทบทุกพื้นที่ทั่วประเทศนั้นได้ผลขนาดไหน มีแนวทางการวัดผลอย่างไร แล้วเหตุใดจึงยังมีคลื่นใต้น้ำอยู่ ซึ่งสะท้อนว่าวิธีการของ คสช.นั้นไม่ได้ผลในเรื่องการสร้างความปรองดองหรือไม่ อีกทั้งมีการติดตามตรวจสอบงบประมาณอย่างไร เนื่องจากมีการเบิกจ่ายงบประมาณจำนวนมากเพื่อนำไปใช้จัดกิจกรรมในลักษณะอีเว้นท์กันอย่างเอิกเกริก” นายอุเทนระบุ

นายอุเทนกล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องความขัดแย้งในสังคมแล้ว คสช.และรัฐบาลก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ของปมปัญหาเรื่องอื่นๆได้เลย ทั้งการทุจริตคอร์รัปชันที่ พล.อ.ประยุทธ์ย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าก็จะมีเห็นอยู่ ที่ชัดเจนที่สุดหนีไม่พ้นงบประมาณปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องไมโครโฟนราคาแพง ที่ไม่ควรมองเป็นเรื่องเล็ก เพราะเป็นงบประมาณของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถือเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวนายกฯที่สุด การจบปัญหาโดยการยกเลิกโครงการไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง อีกทั้งผลสอบสวนที่ออกมาก็สร้างความคลางแคลงใจให้แก่สังคม เนื่องจากทำให้ผู้รับผิดชอบตัวจริงลอยตัวจากปัญหา

นายอุเทนกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ยังพยายามใช้วิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยสั่งการให้หน่วยราชการต่างๆ เบิกจ่ายงบประมาณในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 โดยเร็ว ซึ่งเท่ากับเปิดช่องให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณโดยขาดการตรวจสอบอย่างรอบคอบ ส่วนวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและให้เกิดการบริโภคภายในประเทศนั้น ก็ไม่ต่างกับการกระตุ้นการบริโภคผ่านโครงการประชานิยมของรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้ประชาชนมีภาระหนี้สินหรือหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมากกว่า นอกจากนี้ในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และปัญหาปากท้องก็มีสัญญาณในทางที่แย่ลง ยกตัวอย่าง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มลดลงทั่วโลก แต่เหตุใดสินค้าต่างๆราคากลับไม่ลดลงตาม หรือคดีฆ่านักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า เป็นต้น

นายอุเทนกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้นอกจากจะเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ คสช.แล้ว ก็ยังต้องตำหนิไปถึงกลุ่มบุคคลที่ต่างอ้างประชาธิปไตย แต่กลับไม่ยึดหลักประชาธิปไตยอย่างจริงจัง ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้น ในฐานะผู้ชนะการเลือกตั้ง ก็ทำตามอำเภอใจ ไม่ฟังเสียงคัดค้านหรือท้วงติงใดๆเลย หรือพรรคประชาธิปัตย์ที่แพ้เลือกตั้งก็ไม่เคารพในเสียงของประชาชนที่เลือกอีกฝ่ายมาบริหารประเทศ ทำทุกวิถีทางในการขัดขวางและต้องการล้มมติของประชาชน โดยไม่สามารถอดทนรอคอยได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดในการปกครองระบอบประชาธิปไตย สุดท้ายแล้วก็ทำให้คนมีอาวุธมีกำลัง มีโอกาสเข้ามาทำรัฐประหาร โดยอ้างว่าต้องการสร้างความสามัคคีให้คนในชาติ

“ผมขอตั้งคำถามไปถึงทั้ง 3 ฝ่าย ทั้ง คสช.ที่ต้องบอกประชาชนให้รู้ว่า ประเทศชาติจะเป็นไปเช่นไร ส่วนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นก็ควรรำลึกไว้ว่า เมื่อประชาชนให้โอกาสพวกคุณแล้ว ทำไมไม่ทำให้ดีเพื่อชาติบ้านเมือง และขอถามพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มที่สนับสนุนว่า จากนี้ไปพวกคุณจะมีจุดยืนอย่างไรกับประชาธิปไตยจอมปลอมแบบตอนนี้ เพราะพวกคุณมีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรมใหม่เพิ่มขึ้นอีกทางการเมืองไทย” นายอุเทนกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น