xs
xsm
sm
md
lg

“คุณสมชาย”จะปราบคอร์รัปชั่นว่ะ? ตอน.. “ลุงอานันท์”กับ “ลุงตู่”!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สอดแนมการเมือง”
โดย“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

นักการเมืองคนไหน..กล้ากล่าวคำปฏิญาณตน โกหกต่อหน้า “ในหลวง” ย่อมกล้าทำชั่วอีกสารพัดเรื่องแน่นอน!!!

เห็นตรงกันไหมว่า การเมืองไทยเป็นศูนย์รวมของคนชั่วส่วนใหญ่ ที่มาจากร้อยพ่อพันแม่ทั่วสารทิศ ทั้งๆที่บางคนก่อนเป็นสส. ภาพพจน์และพฤติกรรม เป็นคนดีหรือพอใช้ได้ในสังคม แต่พอเข้าสู่แวดวงการเมืองไม่นานก็เปลี๊ยนไป๋

ยิ่งยุคกลุ่มทุนสามานย์ใหญ่ใช้เงินและการโกง เข้ายึดครอง-บงการ-สภากับรัฐบาล ฯลฯ สภาพการเมืองไทยที่เลวอยู่แล้ว ยิ่งจมดิ่งลงสู่วิกฤตความชั่วร้ายทุกมิติหนักขึ้นเรื่อยๆ

จึงทำให้นักการเมืองที่ดีกลายเป็นคนเลว หรือที่เลวน้อยกลายเป็นเลวมาก ส่วนที่เลวมากก็เปลี่ยนเป็นโคตรเลว โดยบรรดาคนชั่วจะใช้ฐานะ “นักการเมือง”ในสภาและรัฐบาล สมคบกันทำความชั่วมากกว่าทำการดี ให้ชาติและคนไทยอย่างต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้

คนชั่วทั่วไปกับคนชั่วที่เป็นนักการเมือง มีผลเสียต่อชาติและประชาชนแตกต่างกัน!

ชั่วจำเป็น-เพราะความจนจึงจำเป็นต้องหาเงิน ด้วยวิธีถูกบ้างผิดบ้างเพื่อเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ชั่วน้อย-ก็ฉกชิงวิ่งราวลักเล็กขโมยน้อยไปเรื่อย ฯลฯ คนชั่วเช่นนี้ถูกลงโทษแล้ว ยังมีโอกาสจะกลับตัว เพราะมิได้ชั่วโดยสันดาน

ชั่วมาก-ก็ตั้งแก๊งต้มตุ๋น-ฆ่าข่มขืนผู้หญิงเป็นนิจ-เป็นโจรปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ ถือเป็นคนชั่วโดยสันดาน การทำร้ายทำลายผู้คนนั้นมีความผิด จึงต้องติดคุกและบางคนถูกประหารชีวิต ทั้งๆที่คนเหล่านี้มิได้โกงชาติแม้แต่น้อย

แต่คนชั่วมากบางคน โอกาสเอื้ออำนวยให้เป็น“เจ้าพ่อ” หรือเป็น“พ่อค้า” ผู้ทรงอิทธิพลในบางพื้นที่ ทำมาหาเงินสารพัดรูปแบบทั้งถูกและผิดกฎหมาย จนมีเงินทองทรัพย์สินร่ำรวยขึ้นมา

คนชั่วมากที่มีอิทธิพลเช่นนี้ ดำรงอยู่ทั่วประเทศไทย อิทธิพลและการทำเงินจะสูงยิ่งขึ้น ถ้าคนชั่วมากพวกนี้รู้จัก หรือได้ใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ในแวดวงการเมืองและราชการ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสที่จะลงเล่นการเมือง ได้ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ

ด้วยระบบเลือกตั้งทุกระดับของชาติไทยสกปรก อีกทั้งความไม่พร้อมของประชาชน ความไร้ประสิทธิภาพขององค์กร และผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม

ดังนั้น สส.ในสภาไทยจำนวนมาก จึงมาจากการเลือกตั้งที่ใช้เงินซื้อเสียง โกงสารพัดวิธี ใช้อิทธิพลเถื่อนข่มขู่คุกคาม จนถึงขั้นฆ่าคู่แข่งของตนอีกด้วย ฯลฯ

ก่อน “เหลี่ยม” ลงเล่นการเมือง นักธุรกิจการเมืองกับนักการเมืองรู้ว่า สส.แต่ละคนต้องใช้เงินซื้อเสียง ไม่ต่ำกว่า 10-15 ล้านบาท อีกทั้งต้องมีกลุ่มคนชั่วไว้จัดการกับ “หัวคะแนน”และ “ผู้ขายเสียง” ที่รับเงินไปแล้วทำคะแนนเสียงไม่ได้ตามเป้าหมายที่รับปาก หรือรับเงินไปแล้ว“เบี้ยว” เปลี่ยนไปเป็น“หัวคะแนน” หรือ“ลงคะแนน” ให้กับคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง ฯลฯ

ดังนั้น การเมืองไทยทั้งผู้แพ้-ผู้ชนะ จึงต้องใช้ทั้ง“เงิน”กับ“กระสุน”!

เมื่อมหาเศรษฐีเหลี่ยมที่รวยจากการเมือง กำเงินมหาศาลเข้ามาทำธุรกิจการเมือง เขาทำให้ “เงินเป็นพระเจ้า”ไปทั่วทุกวงการ โดยเฉพาะการเลือกตั้งสส. แม้ยังคงใช้ทั้ง “เงิน”และ“กระสุน” แต่ต้องเพิ่มการใช้เงินขึ้นอีกอักโข โดยสส.ต้องใช้เงินซื้อเสียงคนละ 30-50 ล้านบาท บางเขตที่“เจ้าพ่อ”ปะทะ“เจ้าพ่อ” โดยผู้ชนะจะได้เป็นรัฐมนตรีด้วยแล้ว จะทุ่มเงินสู้กันนับ 100 ล้านบาทเลยล่ะ

ยิ่งนักธุรกิจการเมืองเจ้าของพรรค ถือว่าเงินงบประมาณแผ่นดินมิใช่ “เงินกู” จอมเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจึงหาเสียง โดยใช้โครงการประชานิยม เอาเงินภาษีประชาชนไปลด-แลก-แจก-แถมไม่อั้น เพื่อดึงประชาชนที่ยากจน-ชนชั้นกลาง มาลงคะแนนเสียงให้สส.พรรคของตน

มาลองคำนวณตัวเลขกันดีกว่า ถ้าสภาฯไทยมีสส. 500 คน นายทุนสามานย์ต้องให้เงินซื้อเสียง สส.คนละ 30 ล้านบาท เป็นเงิน 15,000 ล้านบาท หากเพิ่มให้เป็นคนละ 50 ล้านบาท ก็ใช้เงินแค่ 25,000 ล้านบาทเท่านั้น เงินลงทุนนี้ดูเยอะ..แต่ก็โคตรคุ้ม!..

เพราะเงินงบประมาณชาติปีละกว่า 2.5 ล้านล้านบาท เอางี้..คิดง่ายๆแค่ 2 ล้านล้านบาทก็แล้วกัน เป็นเงินเดือนคนของรัฐราว 70 % เหลือเงินไว้เพื่อโกงในโครงการต่างๆ 6 แสนล้านบาท คิดค่าคอมมิชชั่นแค่ 30% เป็นเงิน 1.8 แสนล้านบาท หากรัฐบาลอยู่ยาวจนครบ 4 ปี นายทุนสามานย์จะได้เงินราวๆ 7.2 แสนล้านบาท

นั่นหมายถึง..พวกนักธุรกิจการเมือง-นักการเมือง โดยความร่วมมือของข้าราชการฉ้อฉล จะโกงเงินชาติได้แน่ๆ อย่างต่ำเกือบ 2 แสนล้านบาทต่อปี โดยลงทุนด้วยเงิน 15,000-25,000 ล้านบาท คืนทุนเร็วแถมกำไรมหาศาลตั้งแต่ปีแรก!

คนชั่วถึงแห่กันมาเล่นการเมือง กำเงินมาแข่งกันซื้อเสียงเลือกตั้ง มายึดรัฐสภาและรัฐบาลเพื่อโกงชาติ จนมีคนชั่วนั่งหน้าสลอน ทั้งในตึกรัฐสภาและตึกไทยคู่ฟ้า การคอร์รัปชั่นจึงเกิดขึ้นอย่างมโหฬาร โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เกรงใจคนไทยที่เป็นเจ้าของเงิน-เจ้าของประเทศแม้แต่น้อย

การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมนี้ ยังถูกนักการเมือง-นักวิชาการ-สื่อมวลชนเลว ฯลฯ หลอกคนไทยทั้งชาติด้วยวาทกรรมว่า “เลือกตั้ง-คือ-ประชาธิปไตย”

แถมบางพรรคยังหลอกผู้คนหน้าด้านๆว่า นี่เป็น“ประชาธิปไตยที่กินได้” โดยไม่พูดให้ถูกต้องครบถ้วนว่า เป็น“ประชาธิปไตยที่พวกกูโกงกินได้” ต่างหาก

เมื่อการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ก็ทำให้ชาติไทยมีสส.-มีสภา-มีนายกฯและครม. มีทั้งดีผสมเลวมาโดยตลอด โดยเฉพาะยุคเครือข่ายเหลี่ยมครองเมือง ไทยจึงมีสส.-มีสภา-มีนายกฯและครม. ฯลฯ ส่วนใหญ่ชั่วช้าสามานย์มากกว่าดี

โดยเหลี่ยมใช้สภาออกกฎหมายตามใจชอบ นายกฯกับครม.ก็มิได้ทำเพื่อชาติและประชาชนคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง ดังนั้น ระบอบประชาธิปไตยจอมปลอมนี้ ได้ทำให้นักการเมือง-ข้าราชการ-พ่อค้า ฯลฯ รวยขึ้นๆตลอดเวลา ในขณะที่คนจน-ชาวไร่-ชาวนา-ชาวสวน-ชาวประมง-พ่อค้าแม่ค้า-ชนชั้นกลาง ฯลฯ ยากจนลงเรื่อยๆ

แถมยุคเหลี่ยม..ทั้งนักการเมือง-ข้าราชการ-พ่อค้าชั่วช้าสามานย์ ฯลฯ ดูจะละโมบโลภมากไม่รู้จัก ความ “พอเพียง”กับ“ถูก-ผิด”กันอีกแล้ว เพราะสุมหัวโกงกันแบบมโหฬาร โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่เกรงกลัวต่อฟ้าดิน ไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม ฯลฯ

ต้องบอกว่า..ไม่มีประชาชาติใดในโลก ยอมให้รัฐบาลผลาญเงินชาติ 6-7 แสนล้านบาท เพื่อโกงกันทุกระดับกับโครงการประชานิยม เพียงเพื่อรัฐบาลจะได้หาเสียง โดยกลุ่มคนที่ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องนี้ ยังเดินลอยนวลอยู่ได้จนทุกวันนี้

เหลี่ยมกับพวกโกงอย่างต่อเนื่อง จนไทยกลายเป็นชาติที่มีการคอร์รัปชั่นติดอันดับโลกไปแล้ว!

ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีไทยที่ใช้นโยบายอำมหิต ฆ่าหมู่คนไทยด้วย “ศาลเตี้ย” และโกงชาติจนถูกคนไทยขับไล่ไปอยู่ต่างแดน ก็เป็น “ผู้นำชั่วร้าย” ติดอันดับโลกไปด้วย!

เรื่องชั่วร้ายเหล่านี้เกิดก่อน “บิ๊กตู่”เป็นนายกฯ แต่บางเรื่องยังคาราคาซังอยู่ในวันนี้-วันที่ “บิ๊กตู่”ได้เป็นนายกฯ ที่มีอำนาจมากที่สุด เหนือนายกฯคนใดในประเทศไทยแห่งนี้!

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 นสพ.ไทยโพสต์ ลงข้อความสั้นๆบนหน้าหนึ่งว่า

“อานันท์”ได้ยินข่าวลือรัฐบาลโกง ในข่าวเดียวกันมีข้อความเกี่ยวเนื่องว่า “อานันท์”ยอมรับเริ่มไม่แน่ใจว่าจะปราบคอร์รัปชั่นได้ ระบุมีข่าวลือเยอะว่า มีการไปตกลงกันนอกรอบ จี้ต้องเร่งเคลียร์

นั่นเป็นเศษเสี้ยวของเนื้อข่าว ที่เป็นข่าวลงในนสพ.หลายฉบับ ซึ่งคนไทยควรอ่านยิ่งนัก เพราะ “อานันท์”คนนี้ คือ “อานันท์ ปันยารชุน” อดีตเป็นถึงนายกรัฐมนตรี 2 สมัย การพูดครั้งนี้สะท้อนความรู้สึก ตรงกับหัวใจคนไทยอีกนับไม่ถ้วนในยามนี้..

“คำพูด”ของ “ลุงอานันท์”นั้น “ลุงตู่”ควรฟังอย่างยิ่ง และต้องทำผลงานที่ดีต่อชาติและประชาชน มาเป็น “คำตอบ”เท่านั้น!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น