สอดแนมการเมือง
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
เหตุการณ์ 2475 มีทั้งดีและเลวเช่นเดียวกับหลายเรื่องในประเทศไทย!
24 มิถุนายน 2475 กลุ่มบุคคลในนาม”คณะราษฎร์” นำโดย ”พระยาพหลพลพยุหเสนา” หรือ “พจน์ พหลโยธิน” กับ ”ปรีดี พนมยงค์” และพวก ได้ทำรัฐประหาร”เปลี่ยนแปลงการปกครอง” จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
จากนั้นมีการนำระบบ”เลือกตั้งแบบตะวันตก”มาใช้ โดยคนไทยยังไม่พร้อมในหลายมิติ จึงเกิด”การซื้อเสียงเลือกตั้ง”ตามมา ทั้งซื้อด้วยสิ่งของ-เงินทอง-นโยบายประชานิยม ซึ่งทำให้ชาติและประชาชน มักได้รัฐสภาเผด็จการและรัฐบาลทุนสามานย์โกงชาติเรื่อยมา
อันเป็นต้นเหตุให้เกิดการ”รัฐประหาร” โค่นล้มรัฐบาลขี้โกงที่มาจากการ”ซื้อเสียงเลือกตั้ง” โดยกองทัพจะเข้ายึดและใช้อำนาจรัฐ แทนรัฐบาลขี้โกงที่”ซื้อเสียงเลือกตั้ง” ชนิดผลัดเปลี่ยนกันไปมาแบบ
”สมบัติผลัดกันโกง”เรื่อยมา
เชื่อเถอะว่า “พระยาพหลฯ-ปรีดี-กับคณะราษฎร์” ไม่มีวันจะเอาชีวิตไปเสี่ยงทำรัฐประหาร หรือเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ เพื่อให้พวกนักการเมืองชั่ว กับนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ ทำลาย”ประชาธิปไตย” ด้วยการ”ซื้อเสียงเลือกตั้ง”และโกงชาติแน่นอน
อีกทั้ง”คณะราษฎร์”ก็ไม่มีวันทำ เพื่อให้คณะนายทหารทำรัฐประหาร ”ใช้ปืนลากตั้ง”และโกงชาติเช่นกัน...จริงไหม?
หากนักการเมืองที่เป็นรัฐบาลทั้งในอดีตและปัจจุบัน มีความรักชาติด้วยใจจริง ไม่ซื้อเสียงเลือกตั้ง-ไม่เป็นรัฐบาลขี้โกง สังคมไทยจะพัฒนา-ประชาจะกินดีอยู่ดี และทหารก็ไร้ข้ออ้างจะทำรัฐประหารอีกด้วย
ทว่า..นักการเมือง”ซื้อเสียงเลือกตั้ง” ก็มักรักชาติด้วยปาก แต่โกงชาติด้วยใจละโมบอยู่ตลอดเวลา!
เช่นกัน..หากคณะทหารที่ทำรัฐประหาร มีความรักชาติด้วยใจจริง หลังโค่นล้มรัฐบาลขี้โกงลงแล้ว ต้องลงมือทำการปฏิรูปประเทศไทยทุกภาคส่วน เช่น ออกกฎหมายคดีคอร์รัปชั่นที่ไร้อายุความ บทลงโทษต้องรุนแรงทั้งยึดทรัพย์และประหารชีวิต กับพวกคอร์รัปชั่นทั้งนักการเมือง-พ่อค้า-ข้าราชการชั่วๆ แน่นอน..การเมืองไทยคงจะดีไปนานแล้ว
โดยการปฏิรูปประเทศไทยทั้งหมด ต้องทำเพื่อมิให้นักการเมือง”ซื้อเสียงเลือกตั้ง” เข้ามายึดอำนาจรัฐและโกงชาติได้นั่นเอง
รัฐบาล”ซื้อเสียงเลือกตั้ง” กับ “ใช้ปืนลากตั้ง”ในชาติไทย ล้วนสามารถทำดีหรือทำชั่วได้ทั้งสิ้น หากทำดีจนชาติเจริญรุ่งเรือง คนในสังคมย่อมแซ่ซ้องไปทั่วหล้า แต่ถ้าทำชั่วก็ถูกก่นด่าไปทั่วทุกหย่อมหญ้าเช่นกัน
ว่าไปแล้ว..ประเทศและคนไทยโชคร้ายยิ่งนัก เพราะรัฐบาลที่มาด้วยวิธี”ซื้อเสียงเลือกตั้ง” และ ”ใช้ปืนลากตั้ง” มักจบลงด้วยการโกงชาติเสมอ
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เดินทางไกลมาตั้งแต่ ปี 2475 จนถึง ปี 2557 ผ่านมานานกว่า 82 ปีแล้ว
ในทางเป็นจริง..เมืองไทยยังไม่เคยมี รัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย เพราะมีแต่รัฐบาล”ซื้อเสียงเลือกตั้ง” กับ รัฐบาล”ใช้ปืนลากตั้ง”เท่านั้น
“วงจรอุบาทว์”การเมืองไทยจึงวนเวียนซ้ำไปมา ดังนี้
เริ่มจาก-นักธุรกิจการเมืองใช้เงินทุ่มซื้อเสียงเลือกตั้ง เข้า”ยึดสภา-ยึดรัฐบาล” จากนั้นก็สมคบกับข้าราชการชั่วโกงชาติ โดยไม่สนใจต่อกฏหมายบ้านเมือง
จบลง-เมื่อรัฐบาลซื้อเสียงเลือกตั้ง โกงชาติจนถูกเปิดโปงไปทั่ว และถูกคนไทยขับไล่แล้วขับไล่อีก จนรัฐบาลขี้โกงเดินสู่หนทางตัน ไร้ความน่าเชื่อถือในการบริหารชาติอีกต่อไป
ทางออกของนักการเมืองขี้โกงเหล่านี้ คือ หนึ่ง-เปลี่ยนนายกฯ สอง-นายกฯคนเดิม-แต่ปรับ รมต.บางคนออก สาม-เปลี่ยนนายกฯใหม่ สี่-ยุบสภาฯ เพื่อแข่งขันซื้อเสียงเลือกตั้งกันใหม่อีกครั้ง
ห้า- กองทัพออกมาทำรัฐประหาร ด้วยข้ออ้างรัฐบาล”ซื้อเสียงเลือกตั้ง”คอร์รัปชั่นโกงชาตินั่นเอง
สถิติการเมืองประเทศไทยระบุว่า ส่วนใหญ่”อำนาจรัฐ”จะอยู่ในมือ ของรัฐบาล”ซื้อเสียงเลือกตั้ง” มากกว่ารัฐบาล”ใช้ปืนลากตั้ง”
ส่วนการคอร์รัปชั่นโกงชาตินั้น รัฐบาล”ซื้อเสียงเลือกตั้ง”ก็เก่งกว่า บางรัฐบาลบริหารชาติแค่ 4 ปี โกงเงินชาติไปหลายแสนล้านบาท จนโดนยึดเงินสกปรกเข้ารัฐกว่า 4 หมื่นล้านบาท ในต่างประเทศก็แจงที่ไปที่มาของเงินโสโครกไม่ได้ จึงโดนอายัดทรัพย์ประมาณ 1.2 แสนล้านบาทอีกด้วย
เรียกว่า..ไม่มีรัฐบาล”ใช้ปืนลากตั้ง”ยุคไหน โกงจนโดนยึดทรัพย์มากมายเท่ารัฐบาล”ซื้อเสียงเลือกตั้ง-เหลี่ยม”เลยนะจะบอกให้!!!
อย่าลืมว่า.. เงิน-เป็นกลาง อาวุธ-เป็นกลาง อำนาจรัฐ-เป็นกลาง
ถ้า 3 สิ่งข้างต้นอยู่ในมือ”คนดี” ก็จะถูกใช้ในทางทำดีให้กับส่วนรวม ทว่า..หากตกไปอยู่ในมือคนชั่ว จะถูกใช้ในทางทำชั่วเพื่อตนกับพวกพ้องแน่นอน
งานนี้..อดนึกย้อนหลังกลับไปในหลายยุค ทั้งนักการเมือง”ซื้อเสียงเลือกตั้ง” และท่านผู้นำที่”ใช้ปืนลากตั้ง” ได้ผลัดกันขึ้นบริหารประเทศไทย เพราะคนเหล่านี้ได้ทำลาย”โอกาสทอง” ในการทำดีเพื่อชาติเเพื่อประชาชน ทิ้งไปอย่างน่าเสียดายยิ่งนัก..
ไล่ไปตั้งแต่ยุค นายกฯ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกฯ ชวน หลีกภัย นายกฯ บรรหาร ศิลปอาชา นายกฯ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และหวนกลับมาที่ นายกฯ ชวน หลีกภัย อีกรอบ
รัฐบาลของบุคคลดังกล่าวข้างต้น ล้วนมิได้ทำการปฏิรูปประเทศไทย ในทุกมิติอย่างจริงจังและจริงใจ แถมยังมีการคอร์รัปชั่นโกงชาติไม่มากก็น้อยทั้งสิ้น
รัฐบาล”น้าชาติ”นั้นโดนหนักกว่าเพื่อน เพราะถูกนายทหารใหญ่ที่กำลังจะโดนโยกย้าย ทำรัฐประหารโค่นล้มลง ด้วยข้ออ้างอมตะนิรันดร์กาลว่า “รัฐบาลคอร์รัปชั่นโกงชาติ”
แต่รัฐบาลของ”บิ๊กสุ”พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ยึดอำนาจรัฐจากรัฐบาล”น้าชาติ” ซึ่งมี”พี่เมีย”เป็นผบ.ทบ.หรือมีกองทัพหนุนหลังเต็มร้อย ทำเอาโหรแทบทุกคน”ปล่อยไก่”ว่า
รัฐบาล”บิ๊กสุ”จะอยู่ในอำนาจนานนับสิบปี ทว่า..”ฟ้า”ส่ง”บิ๊กสุ”มาเกิดเป็นทหารใหญ่ในใต้หล้า แล้วไฉนใยทะลึ่งส่ง ”ลุงจำลอง” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มาเป็นทหารหาญด้วยเล่า?
เผด็จการยุค”รสช.”ที่นำโดย”บิ๊กสุ” ได้ใช้อำนาจเผด็จการ บังคับกะเกณฑ์พวกนักการเมืองที่ตนเคยประณาม ว่าคอร์รัปชั่นโกงชาติบ้านเมือง ให้มาสนับสนุน”บิ๊กสุ”กับพวก สืบทอดอำนาจทางการเมืองในประเทศไทย
โดย”บิ๊กสุ”กับพวกได้ตั้งพรรค”สามัคคีธรรม” และแจกจ่ายเงินจำนวนมหาศาล ให้นักการเมืองเหล่านั้น ขนลงไปซื้อเสียงเลือกตั้ง จนพรรค”บิ๊กสุ”ได้ สส. เข้าสภาเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้”บิ๊กสุ”ยึดได้ทั้งสภาฯและรัฐบาลไว้ในกำมือ
ก่อนจะให้ สส. ส่วนใหญ่ในสภา ลงมติให้”บิ๊กสุ”ขึ้นเป็นนายกฯ ทั้งๆที่”บิ๊กสุ”เคยประกาศต่อประชาชนไว้ว่า จะไม่เล่นการเมืองและไม่เป็นนายกฯโดยเด็ดขาด แต่”บิ๊กสุ”กลับตระบัดสัตย์ เข้ารับตำแหน่งนายกฯหน้าตาเฉย
ทว่า“โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน” ทั้งๆที่“บิ๊กสุ”มีกองทัพหนุนหลังเต็มที่ แต่ก็ถูกประชาชนที่นำโดย”ลุงจำลอง” ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลกันอย่างต่อเนื่อง
แต่“บิ๊กสุ”ก็ไม่ยอมลงจากอำนาจ แถมสั่งทหารให้เข่นฆ่าประชาชน อย่างโหดร้ายป่าเถื่อนอีกด้วย ทว่าประชาชนคนไทยที่มีเพียงสองมือเปล่า ก็ไม่ยอมจำนนต่อรัฐบาลเผด็จการทหาร ยังคงยืนหยัดต่อสู้อย่างกล้าหาญ ชนิดไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตายแม้แต่น้อย
เรียกว่า..ประชาชนที่มีแค่สองมือเปล่า ก็สู้กันแบบยิบตากับทหารที่มีอาวุธสงครามสารพัด!
ในที่สุด”บิ๊กสุ”ผู้ใช้อำนาจเผด็จการ ที่เข่นฆ่าประชาชนซึ่งมีเพียงสองมือเปล่า จนบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ก็จำต้องยอมลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เหตุการณ์”พฤษภาทมิฬ”ปี 2535 จึงยุติลง
บทเรียนครั้งนั้นสอนว่า มีอำนาจอยู่ในกำมือล้นฟ้า มีกองทัพอยู่ในกำมือเต็มร้อย แต่ไม่ใช้อำนาจไปในทางที่ดีเพื่อชาติ กลับเล่นพรรคเล่นพวก และเหลิงอำนาจจนใช้ทหารเข่นฆ่าประชาชน ในที่สุด..ก็ไม่อาจรักษาอำนาจเผด็จการได้
เชื่อว่า..”บิ๊กตู่”คงระมัดระวัง มิให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”บิ๊กสุ”เป็นแน่แท้..!!!