xs
xsm
sm
md
lg

บ้านเมืองดีหรือร้ายเมื่อดาวเสาร์ย้ายราศี

เผยแพร่:   โดย: อ.ณัฐ นรรัตน์


ดาวเสาร์ตามหลักดาราศาสตร์นั้นอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 6และมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองรองจากดาวพฤหัสบดี ในตำนานของชาวโรมันถือเป็นเทพแห่งการเพาะปลูกและการเกษตรกรรม ถือเป็นดาวที่แสดงผลถึงคำพยากรณ์ที่ให้คุณให้โทษต่อความเจริญของบ้านเมืองอันสำคัญดวงหนึ่ง

ในทางหลักของโหราศาสตร์ไทย ดาวเสาร์จะโคจรวนหนึ่งรอบราศีจักร จากจุดเริ่มต้นแล้ววนเป็นวงรอบมาทับในตำแหน่งเดิมนั้น กินระยะเวลาประมาณ 30 ปี โดยตรรกะความสำคัญของดาวเสาร์ในมุมของโหราศาสตร์นั้นจะมีอิทธิพลในการบ่งบอกถึงสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของบ้านเมืองมาโดยตลอด

ดั่งเช่นการโคจรครั้งล่าสุดที่ดาวเสาร์สถิตอยู่ในราศีตุลย์มาตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2555 จนถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 ที่เราๆอาจเคยได้ยินคำว่า “ดวงเมืองแตก”

ยิ่งถ้าเราได้นึกย้อนลำดับความเหตุการณ์ของประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าวด้วยแล้ว เราจะเห็นถึงการแตกแยกของคนในชาติเป็นกลุ่มเป็นฝ่ายได้อย่างชัดเจน เกิดความรุนแรงและการล้มหายตายจากในทางความคิด ความสามัคคีและทางชีวิตของคนไทยด้วยกันเองอย่างมากมาย

ดวงดาวมิได้ส่งอิทธิพลให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้น แต่การโคจรในองศา ลิปดา พิลิปดาในมุมต่างๆของดวงดาวนั้นเป็นเสมือนแผนที่ที่สามารถแปลความถึงวงรอบเดิมที่เคยเกิดเหตุการณ์ต่างๆในอดีตแล้วย้อนรอยเรื่องราวคล้ายเดิม มาสู่ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะการเคลื่อนตัวเดินทัพของดาวเสาร์อีกครั้งจากราศีตุลย์เข้าสู่ราศีพิจิกซึ่งเป็นเรือนภพมรณะของประเทศไทยในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2557และจะคงอยู่ในราศีนี้เรื่อยไปจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2560 ผลกระทบที่จะกระทบต่อบ้านเมืองนั้น จะเกิดการล่มสลายของขั้วอำนาจเดิม เข้าสู่ยุคของขั้วอำนาจใหม่ จะเกิดการปฏิวัติในทุกภาคส่วนถึงขนาดต้องถอนรากถอนโคนสลายขั้วกลุ่ม ฝ่ายที่ขัดต่อวงจรการบริหารงานของผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือ

ในอดีต วงรอบของดาวเสาร์ที่เคยเข้าสถิตในราศีพิจิกเดิมนั้น เอาสั้นๆก็เมื่อ สมัยต้นๆปีพ.ศ 2500 เหตุการณ์ของโลกที่ปฏิวัติจากระบบเกษตรกรรมเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมอย่างเต็มตัว

การเกิดแผ่นดินไหวไปทั่วทุกทวีป การประกาศเอกราชของประเทศต่างๆ และในส่วนของประเทศไทยในยุคนั้นก็กำลังจะเข้าสู่แผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติครั้งที่ 1

โดยถัดจากวงรอบนั้นมาอีกหนึ่งวงรอบของดาวเสาร์ โลกเราเข้าสู่ปีพุทธศักราช 2528 – 2531 ช่วงนี้ยิ่งมีความเข้มข้นของเหตุการณ์ในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งการเกิดสงครามเย็น (Cold War) ระหว่างมหาอำนาจค่ายตะวันออกนำโดยสหภาพโซเวียตและฝ่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐอเมริกา

โดยทั้งสองฝ่ายได้แข่งขันในด้านการสะสมอาวุธ เทคโนโลยีอวกาศ การจารกรรม เศรษฐกิจ และทำสงครามผ่านสงครามตัวแทน การเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาคอมพิวเตอร์อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการหันมาปฏิวัติทางด้านพลังงานอย่างรุนแรงของทุกภาคส่วนทั่วโลก

ในทางโหราศาสตร์และทางประวัติศาสตร์เมื่อวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ในเหตุการณ์ต่างๆที่เคยเกิดขึ้น มีความใกล้เคียงในมูลเหตุของคำพยากรณ์มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นในการโคจรของดาวเสาร์เมื่อเข้าสถิตสู่ราศีพิจิกนี้ เหตุการณ์ของการเปลี่ยนยุคสมัยของบ้านเมืองในอีกมิติหนึ่งกำลังจะเกิดขึ้น การเปลี่ยนถ่ายจากผู้ที่มีอำนาจเดิมจะถูกล้างขั้วให้เข้าสู่ยุคอำนาจใหม่อย่าง “เต็มรูปแบบ”

บริบทของคำพยากรณ์จากนี้เป็นต้นไปนั้น ประเทศไทยจะเข้าสู่ยุคของการปรับตัวเองเพื่อเข้าสู่โหมดของการยืนบนจุดสตาร์ทสักที โครงการหลายล้านๆจะถูกขับเคลื่อนออกมาในทุกภาคส่วน การลงทุนจากต่างประเทศจะไหลย้อนกลับคืนมาแต่ในอีกมุมหนึ่ง ดาวเสาร์ที่โคจรเข้าสู่ราศีนี้ก็ยังต้องไปปะทะกับดาวร้ายในฝั่งตรงข้ามของจักรราศีนั่นคือดาวอังคาร

จุดนี้เองจึงเป็นเรื่องที่ต้องเตือนถึงความรุนแรงที่มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำรอยเก่าในอดีตเมื่อครั้งสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจอมพล ป. พิบูลสงคราม และแต่งตั้งพจน์ สารสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อครั้งปีพ.ศ. 2500

รวมถึงมุมดาวเสาร์ในตำเหน่งเดียวกันนี้ยังมีเหตุการณ์ที่ต้องให้จำเมื่อครั้งปีพ.ศ. 2528 ที่เกิด กบฏ 9 กันยา โดยพลเอกเสริม ณ นคร เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ เพื่อจะล้มรัฐบาลของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดังนั้นเสถียรภาพของคณะรัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจในวงรอบเหตุการณ์ดังกล่าวนี้มากจนเกินไปนัก

อีกทั้งตามหลักของโหราศาสตร์ก็ยังบอกถึงความเป็นไปได้ในเปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดกลุ่มคนที่คิดต่างแล้วร่วมมือรวมตัวทำการที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองได้อีกครั้งเช่นกัน

ส่วนการบริหารและนโยบายด้านพลังงาน จะเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดการแตกกลุ่มย่อยของคนในชาติที่พร้อมจะมีกำลังและปริมาณเพิ่มมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ถือว่ายังไม่ถึงกับเกิดความสั่นคลอนในเก้าอี้ของผู้บริหารงานบ้านเมืองมากนัก

ซึ่งถ้าเจาะกันอย่างลึกๆแล้ว เรื่องที่ควรระวังที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนของบ้านเมืองอย่างแท้จริงมีอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือการจัดการแยกน้ำเสียออกจากน้ำดีไม่ได้หรือไม่สามารถสร้างระบบธรรมาธิปไตยให้เกิดขึ้นได้และสองมุมดาวของความสอดคล้องในอดีตเมื่อครั้งปี พ.ศ.2500 มีการเลือกตั้งทั่วไปทั้งประเทศ ที่ได้ชื่อว่าเป็น "การเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์" โดยมีการโกงการเลือกตั้งหลายวิธี และใช้เวลานับคะแนนนานถึง 7 วัน 7 คืน

นั่นแสดงถึงว่าถ้ามีการจัดการเลือกตั้งขึ้นในระหว่างนี้ก็ควรต้องระมัดระวังเรื่องการทุจริตของวิธีการที่ให้ได้มาซึ่งผู้แทนราษฎรมากที่สุด ถือเป็นไฮไลท์ที่จะพลิกประวัติศาสตร์ชาติไทยว่าจะเดินสู่ก้นเหวหรือขึ้นสู่แถวหน้าของอาเซียนไปจนถึงหัวแถวของเอเชียได้เช่นกัน

ประการต่อมาผลกระทบในเรื่องภัยพิบัตินั้นยังต้องระวังภัยที่เกี่ยวกับธาตุน้ำและอากาศ ทั้งเรื่องของเรือโดยสารล่มและอุบัติภัยที่เกี่ยวกับเครื่องบินเช่นเครื่องบินตก เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ เฮลิคอปเตอร์ตก

ส่วนถ้าถามว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไรนั้น ผมบอกแล้วครับว่า เรากำลังเข้าสู่การปรับปรุงประเทศครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคใหม่ของบ้านเมือง ฉะนั้นเหตุการณ์หลายอย่างที่เสมือนหนึ่งว่ามันดูแย่ ดูเลวร้ายและน่ากลัวนั้น จะประหนึ่งเป็นการผ่าตัดครั้งใหญ่ของประเทศเสียมากกว่าแต่ทั้งนี้ถ้าพูดถึงนายกคนต่อไปของประเทศหลังจากการยกเครื่องภาคการเมืองใหม่ว่ามีแนวโน้มจะออกมาทิศทางไหน

ซึ่งในมุมทางโหราศาสตร์เห็นได้อย่างชัดเจนครับว่า หนีไม่พ้นจะต้องเป็น “ทหาร” ในอีกคำรบอย่างแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ครับ!!

บทวิเคราะห์โดยอาจารย์ณัฐ นรรัตน์

กำลังโหลดความคิดเห็น