xs
xsm
sm
md
lg

มองเหตุการณ์ผ่านดวงเมือง

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ทุกวันนี้ผู้คนในสังคมไทยกำลังวิตกกังวลกับเหตุการณ์ทางการเมือง อันเกิดจากการที่ประชาชนในนาม กปปส.และเครือข่ายได้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลด้วยอ้างเหตุความไม่ชอบธรรมในการบริหารประทเศ และในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็อ้างมาจากการเลือกตั้งต้องอยู่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นอันว่าทั้งผู้ขับไล่ และผู้ถูกขับไล่ต่างอ้างเหตุที่จะไล่และเหตุที่จะอยู่

ดังนั้น ความวิตกกังวลจึงตกอยู่ที่ประชาชน ซึ่งอยากเห็นความถูกต้องและชอบธรรมที่แท้จริง ซึ่งควรจะมีและควรจะเป็นตามครรลองแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และนี่เองคือเหตุให้เกิดคำถามทุกครั้งเมื่อมีการสนทนาเกี่ยวกับการเมือง

คำถามที่ว่านี้ก็คือ เหตุการณ์ทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้จะจบเมื่อไหร่ และจะจบอย่างไร?

จากคำถามดังกล่าวข้างต้น ได้มีบรรดาผู้รู้ทั้งหลายได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในทำนองเป็นคำตอบ และหนึ่งในบรรดาผู้รู้ที่ว่านี้ก็คือโหราจารย์ หรือผู้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยอาศัยโหราศาสตร์คือศาสตร์ว่าด้วยดวงดาว และสถิติการพยากรณ์

โหรคาดการณ์หรือพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างไร และมีความถูกต้องแม่นยำเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน?

ในฐานะโหราสมัครเล่นและได้ทำการศึกษาค้นคว้าพร้อมทั้งเก็บรวมสถิติจากการพยากรณ์มา 40 กว่าปี จึงใคร่ขอแสดงความคิดเห็นในเชิงวิชาการเพื่อตอบคำถามดังกล่าวข้างต้น และคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองพอเป็นสังเขปดังต่อไปนี้

1. ในการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งที่เกี่ยวข้องกับบุคคลและองค์กรโหรจะใช้หลักการอันเดียวกันคือ ถ้าเกี่ยวกับบุคคลจะต้องนำวัน เดือน ปี และเวลาเกิดของผู้ที่จะต้องการทราบ หรือผู้มาดูดวงเพื่อนำมาคำนวณเป็นดวงชะตา หรือที่ถามชาวบ้านเรียกว่า ผูกดวงชะตา

2. เมื่อคำนวณดวงชะตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นทดสอบความถูกต้องโดยการพยากรณ์หรือทำนายพื้นดวงหรือดวงกำเนิด เช่น อุปนิสัยใจคอ จำนวนพี่น้องชายหญิง และสถานภาพของครอบครัวพ่อแม่ เป็นต้น ถ้าพบว่ามีความถูกต้องไม่น้อยกว่า 80% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

3. เมื่อพบว่าพื้นดวงถูกต้อง ก็ให้ทดสอบการทำนายดวงจรเริ่มจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เช่น การเจ็บไข้ได้ป่วย ได้ยศ ได้ตำแหน่ง การแต่งงาน เป็นต้น และถ้าพบว่ามีความถูกต้องแม่นยำอยู่ในเกณฑ์คือไม่น้อยกว่า 80% ก็ใช้หลักเกณฑ์ของดวงจรที่ว่านี้ทำนายอนาคต และด้วยกฎเกณฑ์วิธีการที่ว่านี้ความถูกต้องของสิ่งที่คาดการณ์ในอนาคตก็จะมีความถูกต้องไม่น้อยกว่า 80% เช่นกัน

ในการพยากรณ์ดวงเมืองก็ทำนองเดียวกันกับการดูดวงบุคคล แต่ในกรณีของดวงเมืองผู้ดูไม่ต้องคำนวณดวงชะตาเมือง เพราะสามารถดูดวงพระฤกษ์ฝังเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 2325 เวลา 06.45 น. ซึ่งปรากฏเป็นดวงชะตาดังนี้

ตำแหน่งดาวพระเคราะห์ต่างๆ คำนวณตามโหราศาสตร์นิรายนะคือ สมมติเอาจุดศูนย์องศาในราศีเมษเป็นจุดที่อยู่คงที่ จะได้องศาของพระเคราะห์ต่างๆ โดยประมาณดังนี้

อาทิตย์สถิตราศีเมษ 10 องศา 11 ลิปดา

ดาวจันทร์สถิตราศีกรกฎ 18 องศา 20 ลิปดา

อังคารสถิตราศีพฤษภ 20 องศา 2 ลิปดา

ดาวพุธสถิตราศีมีน 13 องศา 25 ลิปดา

ดาวพฤหัสบดีสถิตราศีธนู 8 องศา 16 ลิปดา

ดาวศุกร์สถิตราศีมีน 4 องศา 11 ลิปดา

ดาวเสาร์สถิตราศีธนู 9 องศา 30 ลิปดา

ดาวราหูสถิตราศีมีน 22 องศา 42 ลิปดา

ที่มา : โหราศาสตร์ในวรรณคดี

รวมรวมโดย เทพ สาริกบุตร

พื้นดวงในส่วนที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครองสังเกตได้จากการวางลัคนาไว้ในราศีเมษ ซึ่งเป็นเรือนเกษตรของดาวอังคาร โดยมีดาวอาทิตย์กุมและมีดาวพฤหัสบดีกับเสาร์ทำมุมตรีโกณฑ์ ซึ่งมีความหมายในทางพยากรณ์ว่า ผู้ที่จะมาปกครองบ้านนี้เมืองนี้ได้ดี และอยู่ในตำแหน่งได้นานนั้น จะต้องมีลักษณะและพฤติกรรมเป็นแบบขุนนางผู้ซื่อสัตย์ และได้รับการยอมรับจากนักปราชญ์ราชบัณฑิต รวมไปถึงบุคคลในระบบล่างของสังคม อันได้แก่เกษตรกร และผู้ใช้แรงงาน

อีกประการหนึ่ง เท่าที่สังเกตและเก็บเป็นสถิติ ผู้ที่จะปกครองบ้านนี้เมืองนี้ได้ดี และอยู่ได้นานนั้นจะต้องมีดวงชะตาโดยมีลัคนาไม่เป็นอริ มรณะ หรือวินาศกับดวงเมือง แต่ที่ดีที่สุดคือจะต้องอยู่ในมุมตรีโกณฑ์กับดวงเมืองคือ อยู่ราศีสิงห์ ธนู หรืออยู่ราศีเมษคือราศีเดียวกับดวงเมืองจะดีกว่าราศีอื่น

เมื่อได้แนะนำพื้นดวงของดวงเมืองในส่วนที่เกี่ยวกับการเมือง การปกครอง และต่อไปนี้ขอให้ท่านผู้อ่านได้มองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามนัยแห่งคำถามที่ว่า เหตุการณ์ที่เป็นอยู่จะจบเมื่อใด และจะจบอย่างไร โดยคาดการณ์จากดาวจร 4 ดวง ซึ่งปรากฏจากวันที่ 21 เมษายน- 30 มิถุนายน 2557 ดังนี้

ดาวอังคารโคจรถอยองศาจากราศีตุลย์เข้าสู่ราศีกันย์ และคงอยู่ในราศีสิงห์ถึง 11 กรกฎาคม ดังนั้นในช่วงนี้ไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน คงจะมีเรื่องวุ่นวายอยู่ต่อไปถึงแม้เหตุการณ์จะจบลงแล้ว ด้วยกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ก่อนวันที่ 17 มิถุนายน

อีกประการหนึ่ง ดาวราหูจะโคจรเข้าสู่ราศีกันย์ในวันที่ 30 มิถุนายน

ดังนั้น ความวุ่นวายอันเกิดจากพฤติกรรมดื้อแพ่งของนักการเมือง คงจะจบลงพร้อมด้วยการจากไปของดาวราหูจากตำแหน่งเล็งลัคนาดวงเมือง

แต่ถึงแม้ว่าปัญหาทางการเมืองจะจบลงไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน แต่ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรจะยังคงอยู่ เช่น ภัยแห้ง ราคาพืชผลตกต่ำจะต้องมีอยู่ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2557 ด้วยอิทธิพลของดาวเสาร์

โดยสรุป

ความวุ่นวายทางการเมืองจะจบลงภายในวันที่ 17 มิถุนายน ด้วยกระบวนการยุติธรรม และมีรัฐบาลได้แน่นอนก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 แต่ถ้าจบลงก่อนหน้านี้ อาจต้องพึ่งกองทัพออกมาและกดดันจึงจะบรรลุผล
กำลังโหลดความคิดเห็น