xs
xsm
sm
md
lg

ประยุทธ์ ส่งสัญญาณปรับครม.หลังปีใหม่-รื้อทีมศก. !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**"ต้องดูอีกที" คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่า "จะปรับคณะรัฐมนตรีอีกหรือไม่"ที่จังหวัดขอนแก่น ระหว่างเดินทางไปตรวจเยี่ยมและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
จากคำพูดดังกล่าว หากพิจารณาโดยรวมๆ อาจยังไม่ชัด หรือยังแบ่งรับแบ่งสู้ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกหรือไม่ แต่ขณะเดียวกันจากความหมายแล้วน่าจะออกมาในโทน "ต้องปรับแน่" ซึ่งขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา โดยน่าจับตาว่าหากจะปรับคณะรัฐมนตรีคงจะเกิดขึ้นหลังปีใหม่ไปแล้วในราว"ต้นปี" นั่นแหละ
หากพิจารณาตามเวลาที่ส่วนใหญ่ที่มักมีการปรับ เปรียบเทียบกันในอดีตก็มักเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปีผ่านไปแล้ว แต่สำหรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถือว่าเป็น "รัฐบาลเฉพาะกาล" ในช่วงเปลี่ยนผ่าน มีการประกาศเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า เข้ามาทำภารกิจสำคัญในช่วงเวลาจำกัด นั่นคือประมาณปีเศษ เท่านั้น และขณะนี้หากพิจารณาแยกอายุรัฐบาลออกมาจากการทำงานในฐานะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็กำลังเข้าสู่เดือนที่สามแล้ว หากมีเวลาแค่ปีเศษก็เหลืออีกไม่กี่เดือนเท่านั้น
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากปัจจัยและองค์ประกอบรอบตัวมันก็ยิ่งสร้างความกดดันนัก นั่นคือ "ความคาดหวัง" จากสังคมและประชาชนค่อนข้างสูงลิบ เนื่องจากเข้ามาในสถานการณ์พิเศษ มีอำนาจพิเศษแบบเบ็ดเสร็จ ถือว่ามีทุกอย่างพร้อมสรรพ ดังนั้นจะ "พลาด" หรือล้มเหลวห่วยแตกไม่ได้เป็นอันขาด ซึ่งเรื่องเหล่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมตระหนักดี เพราะเคยพูดออกมาให้ได้ยินหลายครั้งแล้วว่า ประชาชนคาดหวัง และตัวเขาเองก็รู้สึกกดดันเหมือนกัน
ยิ่งระยะหลังยิ่งออกมาขอร้องให้ทุกฝ่าย"เงียบ" อยู่นิ่งๆ สักพัก เพื่อรอให้การทำงานเสร็จสิ้นตามเป้าหมาย มองอีกด้านหนึ่งมันก็ยิ่งกดดัน เพราะหากผลออกมาทำไม่ได้ตามคำพูด หรือผิดเพี้ยนไปจากเป้าหมายที่เคยสัญญาเอาไว้มันก็เละเหมือนกัน
**ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าคราวนี้เขาได้ลากสถาบันกองทัพเข้ามาเสี่ยงด้วย เพราะการทำงานในยุคนี้ถือว่ามีกองทัพเป็นแกนหลักและเป็นแบ็กอัพในทุกเรื่อง ยิ่งพลาดไม่ได้
เมื่อวกกลับมาพิจารณาผลงานของรัฐบาลที่ผ่านล่วงเข้าสู่เดือนที่สาม ก็ต้องยอมรับความจริงว่า "ยังไม่เข้าเป้า" โดยเฉพาะในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็บอกว่ายังไม่เวิร์กเท่าที่ควร พิสูจน์ได้จากตัวเลขที่มีการแถลงออกมา จากทั้งหน่วยงานภาครัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักวิจัยสถาบันการเงินต่างๆ ออกมาตรงกันว่า "ผิดไปจากคาดหมาย" ไม่ว่าตัวเลขการส่งออก การท่องเที่ยว ราคาสินค้าการเกษตรตัวหลัก เช่น ข้าว ยางพารา ยังไม่กระเตื้อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกินระยะสั้นที่ออกมาล็อตแรก จำนวน 3.6 แสนล้าน ยังไม่ได้ผล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ "เบิกจ่าย"งบประมาณล่าช้า ปัญหาค่าครองชีพที่เริ่มรุมเร้าชาวบ้านมากขึ้นทุกวัน ซึ่งล่าสุดเริ่มมีการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปี จะโตแค่ร้อยละ 1 หรืออาจต่ำกว่านั้น
**แน่นอนว่าเมื่อไม่เข้าเป้า ผิดไปจากเป้าหมายแบบนี้คำถามก็ย่อมพุ่งไปที่ ผู้นำรัฐบาลคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทีมเศรษฐกิจ ที่นำโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ว่าทำไมเมื่อลงมือทำงานจริง ทำไมไม่ร้อนแรงเหมือนกับที่เคยวิจารณ์อยู่ข้างนอก
อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็เริ่มได้เห็นการ"ขยับ" อะไรบางอย่างออกมา ที่เห็นเป็นทางการก็คือ การเพิ่มสองรัฐมนตรีเข้ามาช่วยงาน นั่นคือ อำนวย ปะติเส เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และ วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หากพิจารณาจากแบ็กกราวด์ ก็ถือว่าทั้งคู่มีประสบการณ์ในการทำงานเหมาะสมกับตำแหน่งที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง และเมื่อรวมกันแล้ว ทำให้ทั้งคณะรัฐมนตรีมีจำนวนรวมทั้งหมด 36 คน เต็มโควต้าแล้ว
ขณะเดียวกันที่น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือ การแต่งตั้งทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยมีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่มีคุณสมบัติต้องห้ามเป็นรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งล่าสุดเริ่มมีบทบาทอย่างกว้างขวาง
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากคำพูดข้างต้นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตีความหมายว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากมีก็คาดการณ์ว่า น่าจะเป็นหลังปีใหม่ หากเป็นอย่างนี้ก็ย่อมหมายถึงจะต้องมีการ "ปรับเปลี่ยนหรือปรับออก" เท่านั้น ไม่มีปรับเพิ่มได้อีกแล้ว ซึ่งถ้าเปลี่ยน ก็ต้องพิจารณากันว่ามีกระทรวงใดบ้าง ตั้งแต่รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวฯ กระทรวงพลังงาน เป็นต้น เจ้ากระทรวงไหนที่ถูกจับตามากที่สุด และทำงานไม่เข้าเป้ามากที่สุด
ขณะเดียวกันแม้ว่า กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลที่เน้นด้านความมั่นคง จะถูกรวมเข้าเป็นกระทรวงเศรษฐกิจก็ตาม เมื่อพิจารณาจากศักยภาพแล้ว ก็ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคงและรมว.กลาโหม ที่นับวันบทบาทก้าวล้ำเข้ามาในด้านเศรษฐกิจด้วย น่าสังเกตก็คือ การเดินทางไปเยือนจีนพร้อมกับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นอกจากไปพบฝ่ายกลาโหม ที่นั่น แต่ผลงานที่โปรโมต กลับเป็นเรื่องการเจรจานำร่องเรื่องโครงการรถไฟความเร็วสูง ที่กำลังเดินหน้าเร่งรัดอย่างรวดเร็ว เจรจาขายข้าว ยางพารา และล่าสุดทีมนี้กำลังจะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นในแบบเดียวกันอีก จะเจรจานำร่องโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงสายใหม่ เจรจาโครงการลงทุนในทวายและเจรจาให้ซื้อสินค้าเกษตรของไทย ก่อนที่นายกฯ จะไปเยือนในเดือนธันวาคม
**ภาพที่ปรากฏล้วนเป็นการเคลื่อนไหวที่บดบังบทบาทของทีมเศรษฐกิจที่นำโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อย่างชัดเจน ดังนั้นหากมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี หากมีขึ้นในต้นปีหน้าก็น่าจะมุ่งไปที่ทีมเศรษฐกิจเป็นหลัก เพราะนี่คือ จุดอ่อน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น