ผ่าประเด็นร้อน
ในขณะที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จัดรายการเดินหน้าประเทศไทยกรอกหูชาวบ้านทุกเย็น และรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ทุกวันศุกร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และแม้ว่าผลสำรวจที่ออกมาสารพัดสำนักยังออกในทางเดียวกันทำนองว่ายังประทับใจและไว้วางใจให้ คสช.และรัฐบาลชุดนี้บริหารบ้านเมืองต่อไปได้ รวมทั้งมีความหวังว่าจะนำพาบ้านเมืองไปสู่การปฏิรูปได้ แม้ว่าเปอร์เซ็นต์ลังเลในประเด็นหลังจะมีมากก็ตาม
แต่โดยรวมก็ยังถือว่าโอเค เพราะหลังจากมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และมีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญรวมไปถึงคณะกรรมาธิการอื่นๆ อีก 18 คณะและเริ่มเดินหน้าทำงานเพื่อออกแบบประเทศในอนาคตกันแล้ว นาทีนี้ในระยะเริ่มต้นแต้มยังออกมาเป็นบวก ส่วนใหญ่มีความน่าเชื่อถือพอคาดหวังได้ ซึ่งก็ต้องรออีกระยะหนึ่งตามโรดแมปที่กำหนดเอาไว้
อย่างไรก็ดี เมื่อหันมาพิจารณาสิ่งใกล้ตัวตามความเป็นจริง โดยเฉพาะความสุขของคยไทยกลับไม่เป็นไปตามคาดหมายมากนัก ในทางตรงกันข้ามออกไปในทางทุกข์ใจกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เมื่อพิจารณาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากราคาสินค้าจำเป็นทั้งอุปโภคบริโภคที่พุ่งขึ้นพรวดพราด แบบที่ไม่ต้องขออนุญาตทางการ เพียงแต่พ่อค้าผู้ประกอบการอ้างตามสูตรสำเร็จว่า ค่าแก๊ส ค่าขนส่งขึ้นราคาก็ต้องปรับราคาตามกันไป เวลานี้ถ้าลองไปสำรวจราคาอาหารประเภทจานด่วนตามข้างถนนล้วนปรับราคาใหม่ขึ้นมาเกือบหมดแล้ว หรือไม่ก็ยังราคาเดินเพียงแต่ปริมาณน้อยลง นี่ไม่ต้องพูดถึงราคาตามห้างสรรพสินค้าในฟูดเซ็นเตอร์ ที่ราคาจานละ 40 บาทแทบจะไม่มีให้เห็นแล้ว
นี่คือความจริง ไม่ใช่การใส่ร้ายหรือดิสเครดิตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มักอ้างว่าได้คืนความสุขให้คนไทย อย่างน้อยก็ไม่ต้องหวาดผวากับการใช้อาวุธสงครามมาเข่นฆ่ากัน ซึ่งอาจจะใช่ แต่ตราบใดที่ท้องยังหิว ชักหน้าไม่ถึงหลังแบบนี้ รับรองว่าไม่น่าจะอดทนได้นาน
ขณะเดียวกัน ดัชนีชี้วัดความสุขของเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศย่อมต้องมาจากการขายพืชผลทางการเกษตรได้ราคาดี แต่กลายเป็นว่าผ่านมา 6 เดือนแล้ว คสช.และรัฐบาลยังไม่อาจบริหารจัดการดึงราคาขึ้นมาให้สูงขึ้นได้เลย โดยเฉพาะสินค้าหลัก ทั้งยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง สินค้าพวกนี้ยังตกต่ำทุกรายการ
อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่ยกเมฆมากล่าวหาแบบอคติอย่างที่กองเชียร์บางกลุ่มหลับหูหลับตาปกป้อง เพราะเป็นตัวเลขที่ออกมาจากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ที่แถลงออกมาอย่างเป็นทางการ
โดยเขาบอกว่า เศรษฐกิจไทยก็ยังมีความเสี่ยงหลายด้าน ทั้งการส่งออกที่ยังฟื้นตัวช้าและต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น แต่ราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำ และภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวน้อยกว่าที่คาดตามภาวะเศรษฐกิจและความขัดแย้งยูเครน ทำให้นักท่องเที่ยวรัสเซียลดลง
ดังนั้น ธปท.จึงเตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยลง จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.5 และที่ระดับร้อยละ 4.8 ในปี 2558 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 17 ธันวาคม 2557 นี้
แน่ชัดแล้วว่าประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ต้องลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ล่าสุดร้อยละ 1.5 จะต้องลดต่ำลงมาอีก และแม้ว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยจะมองในแง่ดีว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวได้เต็มที่ จากงบประมาณ และโครงการลงทุนของรัฐบาล แต่ก็นั่นแหละมันเป็นเรื่องของวันข้างหน้า เหมือนกับปีนี้ที่ก่อนหน้าตอนใหม่ๆก็คาดหวังว่าทั้งปีเศรษฐกิจจะโตร้อยละ 2 การส่งออก เป็นบวก นักท่องเทียวจะกลับมา แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เป็นตามคาด ทุกอย่างยังไม่เข้าเป้า อย่างไรก็ดีแม้ว่าทุกอย่างต้อง “มีความหวัง” แต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยรอบตัวมันก็ไม่อยากเชื่อได้เต็มร้อย รวมไปถึงชักไม่ค่อยมั่นใจทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ดังนั้น การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลจะใช้คำพูดสวยหรูว่าคืนความสุข เดินหน้าประเทศไทยกรอกหูอยู่ทุกวัน แต่ของจริงกลับตรงกันข้าม หรือสุขไม่จริง สุขเฉพาะบางกลุ่มบางพวก มันก็หน้ามืดเหมือนกัน!