เศรษฐกิจไทยเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี 2557 อย่างอ่อนล้าโรยแรง เพราะเครื่องจักรสำคัญๆ หลายตัวทำงานได้ไม่เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน การลงทุนของภาคเอกชน และการใช้จ่ายของภาครัฐ
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต้องปรับประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวระหว่าง 1.5- 2.5 เปอร์เซ็นต์ ลดลงมาเป็น 1.5-2.0 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ไม่มีใครโทษว่า เป็นความผิดพลาดของคณะรักษาความสงบเแห่งชาติ หรือ คสช.หรอก ส่วนใหญ่ก็เข้าใจดีว่า ปัญหาการเมืองของไทยตั้งแต่ช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว มาจนถึงการรัฐประหารในเดือนพฤษภาคมของปีนี้ เป็นเหตุปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงจนเกือบจะหยุดนิ่ง สมทบกับปัจจัยภายนอกคือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ อียู ยังไม่ฟื้น ในขณะที่จีนก็มีการเติบโตที่ลดลง ทำให้การส่งออกของไทยที่เคยเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแทบจะไม่มีการขยายตัวเลย
สิ่งที่ทุกคนกำลังเฝ้าดูอยู่คือ รัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร
การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยใช้งบประมาณ 3 แสนกว่าล้านบาท ประกอบด้วยมาตรการสองส่วน คือ การจ้างงานโดยเร่งรัดการใช้จ่าย การลงทุนของรัฐบาล โดยเฉพาะสัญญาจ้างงาน และการปรับปรุงอาคารสถานที่ของทางราชการ ส่วนที่สองคือ การเพิ่มรายได้ให้ชาวนา 3.4 ล้านครัวเรือน โดยแจกเงินให้ตามขนาดของที่ดิน เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อราย
เป้าหมายคือ กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ให้กระเตื้องขึ้น
เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้สึกผิดหวังกับมาตรการที่ออกมา เพราะไม่มีอะไรที่สร้างความมั่นใจได้เลยว่าจะได้ผลจริง เพราะเป็นเพียงการเร่งรัดการใช้จ่ายการลงทุนของภาครัฐที่มีอยู่เดิม และการแจกเงินให้ชาวนาเท่านั้นเอง
คงจะต้องทำใจว่า นี่เป็นเพียงมาตรการระยะสั้นเฉพาะหน้าเท่านั้น ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีม คงจะมีแผนระยะกลาง ระยะยาว ที่เป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนอยู่แล้ว ซึ่งจะทยอยออกมาในวาระต่อไป
รัฐบาลนี้เข้ามาทำหน้าที่ยังไม่ถึงหนึ่งเดือน หากนับจากวันที่แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประชาชนยังให้เวลาสำหรับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาว สิ่งที่ประชาชนอยากรู้ อยากเห็นต่อไปคือ หลายๆ เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พูดไว้ว่าจะทำโน่นทำนี่ตั้งแต่วันที่ยังไม่ได้เป็นนายกฯ ซึ่งเกี่ยวกับการปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะรถไฟรางคู่ ไปถึงไหนแล้ว รายละเอียดเป็นอย่างไร การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจที่มีการตั้งซูเปอร์บอร์ดตั้งแต่วันแรกๆ ของการยึดอำนาจบังเกิดผลอย่างไรบ้าง การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำมีอะไรที่เป็นทางออกที่ยั่งยืนมากกว่าการแจกเงินให้ชาวนาชาวสวนยางไหม
คำตอบของเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งจะต้องมีรายละเอียดที่มากกว่ากำลังศึกษาอยู่ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดูอยู่ หรือต้องไม่มีการทุจริต จะเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจของประชาชน และนักลงทุนทั้งคนไทย และต่างชาติต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย
การแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ทั้งที่ควบคุมได้ และนอกเหนือการควบคุม ที่มีความสัมพันธ์ ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา และมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่สามารถใช้คำสั่งประกาศ คสช.แต่เพียงอย่างเดียวได้ แต่ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และมีความรู้ ความเข้าใจว่าจะทำอย่างไร
หลักการทำงานของรัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศว่า ทำก่อน ทำจริง ทำทันที ยังไม่พอสำหรับการบริหารจัดการเศรษฐกิจต้องทำเป็นด้วย