xs
xsm
sm
md
lg

ส.รับสร้างบ้านเล็งขอมาตรการเพิ่มหวังกระตุ้นตลาดปลายปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 ส.ธุรกิจรับสร้างบ้านขอบคุณสื่อ - นายวิสิฐษ์  โมไนยพงศ์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน นำทีมคณะกรรมการและสมาชิกสมาคมฯ จัดกิจกรรมเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชนประจำปี 2558 ภายใต้ธีม “คสช-คณะรักษาความสนุกแห่งชาติ คืนความสุขให้สื่อมวลชน” โดยมีกิจกรรมกีฬาแข่งเรือกระชับมิตรระหวร่างผู้บริหารและสื่อมวลชน ณ รายาบุรีรีสอร์ต จังหวัดกาญจนบุรี
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เผยเตรียมยื่นขอมาตรการภาครัฐอีกรอบ หลังมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่ออกมาเอื้อต่อธุรกิจรับสร้างบ้านน้อย หวังรัฐเพิ่มเติมมาตรการช่วยเหลือปลุกธุรกิจรับสร้างบ้านฟื้นตัว ระบุหากปี 59 ยังไม่มีมาตรการสนับสนุนอาจจะส่งผบกระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค และผู้ประกอบการทั้งระบบ ทำตลาดซึมยาว ยอมรับสิ้นปียอดขายตลาดรับสร้างบ้านแตะเพียง 9,300-9,500 ล้านบาท หดตัวจากปีก่อนหน้า 15% หรือขยายตัวต่ำสุดในรอบ 5 ปี

นายวิสิฐษ์ โมไนยพงศ์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ภายหลังจากที่รัฐมีมติเห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปแล้วนั้น ทางสมาคมฯ มองว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับอานิสงส์น้อยมากในเชิงปฏิบัติ เพราะมาตรการที่ออกมาโดยรวมมุ่งประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมมากกว่า

อย่างไรก็ดี ทางสมาคมฯ ได้รวบรวมข้อเสนอเตรียมส่งให้แก่ทีมเศรษฐกิจ และกระทรวงการคลัง เพื่อให้ช่วยเพิ่มเติมในส่วนมาตรการกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน หรือตลาดบ้านสร้างเอง ทั้งในส่วนการขอลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง และขอให้มีการจัดสรรที่ดินเปล่าของหน่วยงานรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้ผู้ต้องการมีบ้าน และที่ดินเป็นของตัวเอง

ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้มีการเสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการระยะสั้น โดยการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ในอัตรา 5% ของราคาปลูกสร้าง ทยอยลดหย่อนปีละ 20% เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้ผู้บริโภคที่มีที่ดินตัดสินใจปลูกสร้างบ้านได้ง่าย และเร็วขึ้น และยังเป็นการใช้ประโยชน์จากที่ดินว่างเปล่าได้อีกด้วย รวมทั้งการเสนอให้การเคหะแห่งชาติได้จัดสรรที่เปล่าสำหรับปลูกสร้างบ้านพร้อมสินเชื่อรองรับ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้สามารถปลูกสร้างบ้านได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั้งระบบ

สำหรับการลดภาษีสำหรับผู้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง นอกจากจะช่วยกระตุ้น และสนับสนุนให้ประชาชนมีบ้านเป็นของตนเองง่ายขึ้น แล้วยังก่อให้เกิดการจ้างงานทันที และกระจายตัวไปสู่ผู้ประกอบการ SME เกิดเงินหมุนเวียนในระบบมากกว่า 2.5 เท่า ยกตัวอย่าง หากมีผู้เข้าร่วมโครงการ 10,000 หลัง เฉลี่ยบ้านหลังละ 3,000,000 บาท จะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบทันที 75,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องยังได้รับอานิสงส์ด้วย คาดว่า 50% ของมูลค่าปลูกสร้างบ้าน เงินหมุนเวียนในระบบจะเพิ่มขึ้นอีก 37,500 ล้าน รวม 112,500 ล้านบาท โดยที่ภาครัฐไม่ต้องลงทุนเป็นเม็ดเงินสามารถทำได้ทันที ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยทั้งผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน และภาคผู้ประกอบการไปในคราวเดียวกัน และโครงการนี้จะไม่ก่อให้เกิดการสร้างเพื่อเก็งกำไร เพราะเป็นความต้องการที่แท้จริงในการปลูกสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยในที่ดินของตนเอง และกลุ่มนี้จะกู้แบงก์เพียง 30% ซึ่งแนวความคิดดังกล่าว สมาคมฯ อยากให้มีการศึกษา และนำมาใช้อย่างจริงจังเพื่อประโยชน์ในวงกว้าง

อย่างไรก็ดี จากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลต่อความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง กระทบต่อการตัดสินใจในการใช้จ่ายอย่างเห็นได้ชัด ดูได้จากผลการจัดงาน Home Builder Expo 2015 ที่ผ่านมา พบว่ายอดจองบ้านลดลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี 2557 แม้จะกระตุ้นด้วยกิจกรรม และโปรโมชันอย่างเต็มกำลัง และจากที่รัฐออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ล่าสุด ไม่เอื้อต่อธุรกิจรับสร้างบ้านนัก

“ที่ผ่านมา ทางสมาคมได้มีการยื่นเรื่องไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ดังนั้น ทางสมาคมฯ จะยื่นเรื่องเข้าไปอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ หากไม่มีมาตรการใดๆ มารองรับก็อาจส่งผลกระทบยาวไปถึงปีหน้า เพราะในไตรมาส 4 นี้ ชัดเจนแล้วว่าทรงตัว ยอดขายที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากกิจกรรมโปรโมชันที่เกิดขึ้นจากผู้ประกอบการเอง ทั้งนี้ ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา ตลาดรับสร้างบ้านมียอดขายได้เพียง 8,000 ล้านบาท และคาดว่าตลาดปีนี้จะมียอดขายเพียง 9,300-9,500 ล้านบาท หรือลดลง 15% จากเป้ายอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วมียอดอยู่ที่ 10,500 ล้านบาท ถือว่าเป็นยอดต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยราคาบ้านระดับ 2-5 ล้านบาท มีสัดส่วนมากสุด รองลงมาคือ ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มระดับ 7-8 ล้านบาท ทั้งนี้ ทุกระดับราคายอดลดลงทั้งหมด”

ด้าน นายธีร์ บุญวาสนา อุปนายกสมาคมฝ่ายวิชาการ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้วตลาดรับสร้างบ้านในปี 2559 นั้นยังไม่มีมาตรการใดๆ เข้ามามาสนับสนุน ก็อาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และอาจทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจออกไปอีก ดังนั้น ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ให้มองเห็นถึงโอกาสดีในการสร้างบ้านในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นราคาบ้านไม่มีการปรับขึ้นในขณะนี้แน่นอน เพราะส่วนใหญ่จะมีการส่งเสริมการขายโดยการหั่นราคากันอยู่แล้ว นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็มีการปรับผลิตภัณฑ์ หรือโปรดักต์ให้มีหลากหลาย ทั้งนี้ เพื่อให้ตรง และสอดคล้องต่อความต้องการของผู้บริโภค

สำหรับการแข่งขันนั้นยังคงมีรุนแรง ซึ่งก็ขึ้นกับแต่ละบริษัทจะมีจุดเด่นจุดแข็งอย่างไรเพื่อดึงกำลังซื้อที่มีอยู่ให้เกิดการตัดสินที่จะสร้างบ้านโดยเร็ว นอกจากนี้ การขยายฐานไปยังต่างจังหวัดเพื่อขยายฐานรายได้ของบริษัทนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของบริษัทนั้นๆ เช่นกัน เนื่องจากต่างจังหวัดแม้จะมีกำลังซื้อสูงก็ตาม แต่ต้นทุนในการบริหารจัดการก็สูงเช่นกันหากเป็นผู้ประกอบการในกรุงเทพฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น