สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เชื่อมั่นการเมืองคลี่คลาย และเริ่มเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นให้คนกลับมาซื้อบ้านเพิ่มขึ้น ขณะที่ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท คาดแนวโน้มไตรมาส 2/57 รายได้ และยอดขายน่าจะสูงกว่าไตรมาส 1/57 จึงคงเป้ารายได้ทั้งปี 57 ที่ 40,000 ล้านบาท
นายอิสระ บุญยัง ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เชื่อว่า หลังการเมืองคลี่คลายจะเป็นปัจจัยบวกต่ออสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ 5 เดือนแรกการเปิดโครงการใหม่ของแนวราบชะลอตัว 19% คอนโดฯ ลดลง 40% เฉลี่ยการเปิดโครงการใหม่ลดลง 33% ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/57 น่าจะเปิดมากขึ้น ประเมินว่าทั้งปีนี้น่าจะลดลงเหลือแค่ 25-30%
ส่วนยอดโอนกรรมสิทธิ์ลดลง 6% ในไตรมาส 1/57 เป็นการปรับตัวที่ดีผู้ซื้อไม่ได้ทิ้งดาวน์มาก ผู้บริโภคยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยได้ในระดับหนึ่ง และส่วนนี้ที่ คสช.เข้ามาตั้งทีมเศรษฐกิจ ทำให้มีเม็ดเงินมาสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ทั้งเรื่องการจ่ายเงินคืนชาวนา และเร่งงบประมาณปี 57 ที่ยังค้างอยู่จำนวนมาก และเร่งพิจารณางบฯ ปี 58 เพื่อที่จะให้การลงทุนของภาครัฐฯเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้ความวิตกกังวลลดลง
“การตั้งทีมเศรษฐกิจที่ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นนักการเมืองเท่านั้น ทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาได้เร็ว และเห็นด้วยต่อการพิจาณาเดินหน้าโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท เพราะเป็นเรื่องที่ดี ทำให้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสู่ภูมิภาคมากขึ้น จากเดิมกรุงเทพฯ เป็นแค่ศูนย์กลางเดียวของประเทศ และจะส่งผลดีต่ออสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคตามไปด้วย” นายอิสระ กล่าว
ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า แนวโน้มไตรมาส 2/57 รายได้และยอดขายน่าจะสูงกว่าไตรมาส 1/57 ที่มีรายได้อยู่ 8,000 ล้านบาท และยอดขาย 8,200 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 2/57 มีโครงการรอโอนจำนวนมาก ทั้งนี้ ยอมรับว่าตลาดคอนโดมิเนียมในไตรมาส 1/57 ของผู้ประกอบการรายใหญ่ Top 5 มียอดขายต่ำกว่ายอด visit เนื่องจากลูกค้ายังรอความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจ และสถานการณ์บ้านเมือง แต่เมื่อไรก็ตาม ที่ความเชืรอมี่นกลับมาผู้ประกอบการรายใหญ่ได้เตรียมพร้อมหมดแล้ว
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน หรือ backlog อยู่ราว 37,000-38,000 ล้านบาท กำหนดรับรู้รายได้จากการโอนในปีนี้ 18,000 ล้านบาท ที่เหลือทยอยโอนในอีก 2 ปีข้างหน้า ดังนั้น ถือเป็นการทยอยรับรู้รายได้ตลอดปี 2558-2559 โดยในปีนี้บริษัทยังคงเป้ายอดรับรู้รายได้ประมาณ 40,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน เพราะสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อกระทบยอดขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทก็พยายามรักษาระดับของรายได้ และยอดขายให้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังความเชื่อมั่นของลูกค้าน่าจะกลับมาได้บ้าง โดยปีนี้คงเป้าการเปิดโครงการใหม่ 30-50 โครงการ มูลค่ารวม 40,000-50,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว และทาวเฮาส์ ขณะที่เป็นคอนโดมิเนียมประมาณ 8-10 โครงการ บริษัทได้เลื่อนไปเปิดในช่วงครึ่งปีหลังทั้งหมด หลังจากที่ไตรมาส 1/57 เปิดโครงการบ้านเดี่ยว และทาวเฮาส์ไปแล้ว 17-18 โครงการ สาเหตุที่เลื่อนเปิดคอนโดฯ เพราะมูลค่าตลาดรวมของคอนโดฯ ในช่วงที่ผ่านมาลดลงไปถึง 37% และการเปิดโครงการใหม่ของตลาดรวมลดลง 47% จากไตรมาส 4/56 ทำให้มองว่าลูกค้ายัง Wait & See ชะลอการตัดสินใจ เชื่อว่าความพร้อมจะกลับมาตามความเชื่อมั่นในครึ่งปีหลัง