xs
xsm
sm
md
lg

อสังหาฯ ปี 57 เผชิญความเสี่ยงรอบด้าน LPN คาดคอนโดฯ เปิดใหม่ 6-6.5 หมื่นยูนิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


LPN ยอมรับปี 57 ธุรกิจอสังหาฯ เหนื่อย เผชิญความความเสี่ยงรอบด้าน คาดคอนโดฯ เปิดใหม่ทั้งปี 60,000-65,000 ยูนิต ลด 30% หลังผู้ประกอบการปรับแผนบุกแนวราบแทน เตรียมใช้แผนสำรองหากการปิดหน่วยงานราชการกระทบธุรกิจ เพื่อดันยอดขายตามเป้า 26,000 ล้านบาท รายได้ 1.5 หมื่นล้าน เผยแผนปีม้า เปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงรอบด้าน โดยมีแนวโน้มมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการชะลอการลงทุน บางรายปรับแผนการดำเนินงานมุ่งไปสู่ตลาดที่มีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคต่างชะลอการซื้อเพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการณ์การเมือง และเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากสถานการณ์คลี่คลายก็เชื่อว่ากำลังซื้อจะกลับมา

สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2557 คาดว่าจะลดลงจากปีก่อน ซึ่งพิจารณาได้จากการประกาศแผนการดำเนินงานของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ปรับลดการลงทุนคอนโดฯ ลงประมาณ 30% โดยคาดว่าทั้งปีจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 60,000-65,000 ยูนิต ลดลงจากปี 56 ที่เปิดตัวโครงการใหม่ 85,000 ยูนิต เนื่องจากปัญหาทางด้านการเมืองส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายยืดระยะเวลาการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป ประกอบกับในปีที่ผ่านมา มีอาคารชุดเปิดตัวใหม่ค่อนข้างมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการหลายรายจึงเริ่มหันมาทำแนวราบมากขึ้นในปีนี้

“การปิดศูนย์ราชการต่างๆ ทำให้การติดต่อหน่วยงานราชการ หรือขออนุญาตเกี่ยวกับการก่อสร้าง สิ่งแวดล้อมไม่สามารถดำเนินการได้ หรือทำได้ลำบาก จะทำให้การพัฒนาโครงการทำได้ยากยิ่งขึ้น”

นายโอภาส กล่าวต่อว่า ในปี 2557 บริษัทตั้งเป้ารายได้ และยอดขายจะเติบโตประมาณ 10% จาก 2556 โดยคาดว่าจะมียอดขาย 26,400 ล้านบาท และรายได้ประมาณ 15,200 ล้านบาท จากปี 56 ที่มีรายได้ต่ำกว่าเป้าที่ 14,000 ล้านบาทเล็กน้อย แต่มียอดขาย 24,000 ล้านบาทสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 20,000 ล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 21,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 7,600 ล้านบาท ส่วนเหลือจะรับรู้ในปี 58 อย่างไรก็ตาม ยอด Backlog ที่จะรับรู้ในปีนี้ถือว่าน้อยคิดเป็น 50% ของเป้าหมายรับรู้รายได้ ต่างจากปีที่ผ่านๆ มาที่ยอด Backlog จะมีประมาณ 80-90% ของเป้าหมายรายได้ ซึ่งจะทำให้ปีนี้บริษัทจะต้องออกแรงในการดำเนินธุรกิจมากกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม จาก backlog อีกกว่า 13,000 ล้านบาท ที่จะรับรู้ฯรายได้ในปี 58 รวมทั้งโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 20,730 ล้านบาท จะทำให้ปี 58 เติบโตอย่างก้าวกระโดด ถือเป็นปีทองของ LPN และเติบโตต่อเนื่องไปในปี 59 ด้วย

“ยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่เหนื่อยทุกเรื่อง สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยมากนักเมื่อเทียบกับปี 55-56 แต่ปีนี้มีความเสี่ยงรอบด้าน แม้จะมีโอกาสทำได้ตามเป้าหมายแต่ก็มีความเสี่ยง ระหว่างทางก็อาจจะต้องปรับอีก” นายโอภาสกล่าว

นายโอภาส กล่าวต่อว่า การที่บริษัทจะไปถึงเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ก็จะต้องพยายามผลักดันรายได้จากโครงการใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทจึงจะเน้นเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ถึง 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,000 ล้านบาท กำหนดสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบได้ภายในปี 57 ส่วนอีก 7 โครงการ จะทยอยเปิดในช่วงที่เหลือของปี และมีกำหนดสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบภายในปี 58 โดยอาศัยข้อได้เปรียบที่บริษัทมีที่ดินรองรับแผนเปิดโครงการใหม่ทั้ง 12 โครงการ รวมถึงทุกโครงการผ่าน EIA แล้วจึงสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ทันที

ทั้งนี้ 5 โครงการใหม่ที่จะเปิดในไตรมาสแรกของปีนี้ ได้แก่ ลุมพินี อ่อนนุช 46 มูลค่า 1,400 ล้านบาท, ลุมพินี อ่อนนุช-พัฒนาการ 2,000 ล้านบาท, ลุมพินี ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ 1,500 ล้านบาท, ลุมพินี อ่อนนุช-ลาดกระบัง 1,100 ล้านบาท และลุมพินี ซีวิว จอมเทียน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มเปิดขาย 2 โครงการแรก พบว่า ยังคงได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายพอสมควรท่ามกลางสถานการณ์ที่มีผลต่อการตัดสินใจ

“เราจะมีรายได้มาจากการเปิดโครงการ 5 โครงการใหม่ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ทันทีประมาณ 7,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด เพราะเราต้องขอใบอนุญาตสิ่งแวดล้อม หากสถานที่ราชการไม่สามารถให้บริการได้ก็จะเป็นผลกระทบต่อเรา แต่ก็เชื่อว่าหากเกิดผลกระทบแบบนั้นขึ้นจริงเราก็มีแผนสำรองรองรับ เพื่อที่จะทำให้รายได้ของเราเป็นไปตามเป้าหมาย” นายโอภาส กล่าว

สำหรับทำเลที่มีความโดดเด่นในปีนี้ยังคงเป็นแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และพื้นที่ใจกลางเมือง โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงตั้งแต่สถานีแยกติวานนท์-เตาปูน ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ และอีกหนึ่งทำเลคือ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะ และรามอินทรา-มีนบุรี เนื่องจากเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในปีที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น