ผ่าประเด็นร้อน
เงื่อนไขสำคัญที่สุดที่ทำให้ทุกรัฐบาลไปไม่รอดก็มีสาเหตุหลักแค่หนึ่งถึงสองอย่างเท่านั้นคือ ทุจริตคอร์รัปชัน เล่นพรรคเล่นพวก ใช้อำนาจโดยมิชอบ เป็นต้น เรื่องแบบนี้แหละที่ทำให้หลายรัฐบาลพังมาแล้ว รวมไปถึงตัวผู้นำคือนายกรัฐมนตรีต้องประสบชะตากรรมทรามให้เห็นมานักต่อนัก
คำยืนยันล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ตอบคำถามกับผู้สื่อข่าวว่ารัฐบาลของเขาจะ “ไม่ซ้ำรอย” รัฐบาลเก่า โดยเฉพาะเรื่องความล้มเหลวจากการทุจริตเป็นอันขาด โดยย้ำว่านอกจากตัวเขาที่ไม่เข้ามาหาผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียวแล้ว รัฐมนตรีคนอื่นที่ร่วมคณะก็ต้องไม่มีเรื่องทุจริตด้วย พร้อมทั้งยืนยันว่าหากใครฝ่าฝืนก็ต้องถูกปลดออกและถูกสอบสวนฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา โดยระบุว่านี่คือนโยบายที่สำคัญด้วย
ขณะเดียวกันยังได้เตือนไปถึงข้าราชการทุกฝ่าย ทั้งทหารและตำรวจให้ปฏิบัติตามกฎหมาย หากออกนอกลู่นอกทางก็จะต้องเจอดีเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย้ำอีกว่าเขารับฟังความเห็นทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายที่ต่อต้านเขา โดยจะนำความเห็นเหล่านั้นมาวิเคราะห์ก่อนมาสรุปแล้วแก้ปัญหา พร้อมทั้งเรียกร้องให้อย่าเพิ่งออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องอะไรมากมาย ขอให้ผ่านช่วงพิเศษ ในช่วงกำลังแก้ปัญหาหมักหมมและการปฏิรูปบ้านเมืองไปก่อน ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก
นั่นคือเรื่องหลักๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหารคนล่าสุดให้คำมั่นสัญญาอีกรอบ
อย่างไรก็ดี หากวิเคราะห์กันตามสถานการณ์ถึงสาเหตุที่เขาต้องออกมาเน้นย้ำในเรื่องดังกล่าวในช่วงเวลาแบบนี้ก็เพื่อลดแรงกดดันจากภายนอกลงไปได้บ้าง หลังจากเข้ามาควบคุมอำนาจในนามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมเป็นต้นมาจนต่อเนื่องกลายมาเป็นรัฐบาลมาจนถึงวันนี้ก็ 4 เดือนกว่า กำลังก้าวไปสู่เดือนที่ 5 แล้ว
และแน่นอนว่าหมดช่วงโปรโมชัน หมดเวลาฮันนีมูน ต้องมีแต่ของจริงมาแสดงเท่านั้น ซึ่งเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวภายนอกก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น แรงขึ้น และท้าทายมากขึ้น มีทั้งพวกเดือดร้อนจริง กับพวกผสมโรง พวกกลุ่มอำนาจเก่าที่ยังเป็น “คลื่นใต้น้ำ” ก็เริ่มโผล่ออกมาให้เห็นหน้ามากขึ้น ไม่ว่าจะมาในนาม “นักวิชาการหางว่าว” เจ้าเดิม ที่พอเห็นหน้าเห็นไปถึงลิ้นไก่แล้วว่ามีเจตนาซ่อนเร้นอะไรกันแน่
แต่สรุปก็คือเริ่มเคลื่อนไหวกันออกมาแล้ว ประกอบกับปัญหาหลายอย่างก็ชักกลับมามีปัญหาใหม่ ไม่เป็ยไปตามคาด นั่นคือปัญหาเศรษฐกิจ การส่งออกไม่เข้าเป้า ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำแทบทุกตัว หนี้ครัวเรือนยังพุ่งสูง ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่เป็นอย่างที่คาด
ล่าสุดมีการสรุปตรงกันจากสถานบันการเงินทั้งในและต่างประเทศแล้วทั้งปีจะโตไม่เกินร้อยละ 1.6 จากเดิมที่เคยลุ้นให้โตถึงร้อยละ 2
ด้วยสารพัดปัญหาที่ทำท่าจะย้อนกลับมาแบบเดิม โดยเฉพาะเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่มีปัจจัยหลายอย่างมาประกอบ ซึ่งบางอย่างเราควบคุมไม่ได้ อย่างเช่นปัญหาการส่งออกที่ตลาดหลักยังมีปัญหาบักโกรกเอาตัวแทบไม่รอด มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีเงินมาซื้อของจากเรา ขณะที่การท่องเที่ยวก็ยังฟื้นตัวช้าเป็นลูกโซมาจากเรื่องเศรษฐกิจในประเทศดังกล่าวซบเซาก็ไม่มีเงินมาเที่ยว นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจไดี แต่สำหรับฝ่ายต่อต้านนี่คือเงื่อนไขสำคัญในการดิสเครดิตรัฐบาลและคณะทหารชุดนี้ เพราะหากขายของไม่ได้ราคา ข้าวของแพง เขาก็ต้องชี้หน้ามาที่รัฐบาลที่รับผิดชอบ และเชื่อว่านับจนกนี้ไปจะต้องเจอหนักกว่านี้แน่
ด้วยมองเห็นถึงปัญหาดังกล่าวที่จะต้องเผชิญอยู่ข้างหน้า ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกมายืนยันว่า “ไม่โกงและไม่ยอมให้ใครโกง” เป็นอันขาด อย่างน้อยก็เป็นการ “ตัดเกม” ทำลายเงื่อนไขฝ่ายตรงข้ามออกไปก่อน เพราะหากเขาย้ำว่าจะไม่ให้ซ้ำรอยรัฐบาลเก่า นั่นก็แสดงว่ารับรู้ถึงจุดอ่อนได้ดีว่าต่อให้รัฐบาลจะเข้มแข็งมั่นคงแค่ไหน แต่ถ้ามีเรื่องทุจริต ใช้อำนาจมิชอบ ทำเพื่อพวกพ้อง หรือทรยศต่อความไว้วางใจเมื่อใดก็ตาม...พังทุกราย
ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร ที่แม้จะได้รับความนิยมสูงมากแค่ไหนมันก็ไปไม่รอด หรือแม้แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเครือข่ายเดียวกันก็ต้องพัง บริหารต่อไปไม่ได้ จนต้องมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติไงละ ซึ่งทุกยุคทุกสมัยสิ่งที่ชาวบ้านรับไม่ได้มากที่สุดก็คือการทุจริตนี่แหละ
ดังนั้นการยืนยันว่าจะไม่โกง และไม่ยอมให้ใครโกงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีทางหนึ่งก็ถือว่าได้รับรู้ถึงความรู้สึกของชาวบ้านล่วงหน้าแล้ว ที่เหลือก็จะต้องพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยการกระทำเท่านั้น ซึ่งในยุคสื่อสารออนไลน์ยุคใหม่มันปิดกันไม่มิด ดีไม่ดีอย่างไรต้องรับรู้วันยังค่ำ!