รายงานการเมือง
ครบถ้วนกระบวนความ ปิดภารกิจได้ทันตามกำหนด เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดส่งบัญชีรายชื่อผู้เข้ารับการเสนอชื่อเป็น สปช. ทั้ง 11 ด้าน จำนวน 550 คน พร้อม 77 จังหวัด จำนวน 385 คน รวมแล้วประมาณ 935 คน ส่งถึงมือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นที่เรียบร้อย
จากนี้จะเป็นหน้าที่ของ คสช. ทั้ง 15 ท่านทำหน้าที่ร่อนตะแกรงทำคลอดในขั้นตอนสุดท้าย เฟ้นหายอดฝีมือ 250 คน มาทำงานใหญ่ปฏิรูปประเทศไทยใน 11 ด้าน อาทิ ด้านการเมือง การศึกษา สังคม การปกครองท้องถิ่น สื่อสารมวลชน กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น
แม้กระบวนการต่างๆจะเข้าโค้งสุดท้าย จวนจะถึงปลายทางในขั้นตอนสุดท้าย เพราะ 2 ตุลาคม ต้องคลอดโฉมหน้าบรรดาอรหันต์แล้ว แต่ความคลางแคลงใจเรื่องล็อกสเปกยังไม่เคยคลี่คลายให้คนได้หายสงสัย ตามหลอกหลอนตั้งแต่กระบวนการเริ่มตั้งไข่ จนเห็นเป็นรูปเป็นร่าง
ล่าสุด กรณีจังหวัดพังงา โร่แจ้ง “ภุชงค์ นุตราวงศ์” เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการระบุว่าที่จังหวัดพังงามีการเผยแพร่รายชื่อผู้ได้รับการสรรหา 5 คน ที่ส่งตัวมาให้ คสช. คัดสรรเข้ารอบเป็นสปช. เต็มตัว
รายชื่อของทุกจังหวัด หรือแต่ละด้านล้วนเป็นความลับมาก ที่ คสช. กำชับมาแต่ต้น ห้าม! เปิดเผยก่อนเด็ดขาด พร้อมทั้งคาดโทษไว้อีกต่างหาก แล้วใครจะกล้าหือ ดังนั้นเมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ ยังมี “นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์” อดีตรองประธานวุฒิสภาและผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาจังหวัดสุรินทร์ ออกมาร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใสในจังหวัดสุรินทร์ที่มีผู้ใกล้ชิดกับคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดติดโผ 5 รายชื่อส่งให้ คสช. คัดเลือกต่อไป
เรื่องนี้นักข่าวจ่อไมค์ถาม “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ซึ่งเป็น 1 ในคณะกรรมการสรรหาด้านการเมือง และเป็น คสช. ที่จะทำหน้าที่เลือกล็อตสุดท้ายอีก ถึงข่าวล็อกเป้า เล่นเอาฉุนถามกลับแบบมีอารมณ์ จะล็อกอย่างไรให้บอกวิธี หรือฝ่ายเลขานุการอย่าง “ภุชงค์” ยืนยันนั่งยันนอนยัน ไม่มีล็อกสเปกอย่างแน่นอน แต่ท้ายที่สุดก็ยังมีคนมาร้องจนวันสุดท้าย
กระนั้นก็ตามที 2 กรณีนี้ยังไม่นับรวมกับหลายจังหวัดที่เคยร้องเรียนเข้ามา เพราะการกล่าวหาล็อกสเปกมีมาตั้งแต่เริ่มกระบวนการสรรหา และที่มีปัญหาเรื่องนี้ส่วนใหญ่มาจากการสรรหาระดับจากจังหวัดแทบทั้งสิ้น แต่ในละส่วนการสรรหาในด้านต่างๆไม่ค่อยเจอประเด็นปัญหานี้
เลยต้องย้อนกลับไปเปิดรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 มาตรา 30(1) ระบุว่าจัดให้มีคณะกรรมการสรรหาบุคคลด้านต่างๆ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 ด้านละหนึ่งคณะ และให้มีคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดแต่ละจังหวัดเพื่อสรรหาจากบุคคลซึ่งมีภูมิลำเนาในจังหวัดนั้นๆ
หลักใหญ่ใจความสำคัญเกี่ยวกับการสรรหา สปช. คสช. เน้นย้ำว่าต้องมีความหลากหลายสาขาอาชีพ ต้องมีบุคคลจากกลุ่มต่างๆ
แต่จะว่าไปแล้วยังพบช่องโหว่ช่องว่างให้ถูกโจมตีการล็อกสเปกได้ เนื่องจาก พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช. ที่ให้อำนาจคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดมีอำนาจเลือกบุคคลที่เห็นมามี คุณสมบัติครบเครื่องเพื่อส่งชื่อให้ คสช. โหวตมาเป็น สปช. ได้ ซึ่งไม่เหมือนกับการสรรหา สปช. แต่ละด้านที่ให้องค์กรนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาได้องค์กรละ 2 คน แล้วคณะกรรมการสรรหาค่อยมาเลือกเฟ้นอีกครั้งให้เหลือ 550 คน
จุดนี้จึงเป็นจุดที่แตกต่างกันระหว่างระดับจังหวัด และ สปช. แต่ละด้าน
แม้หลังเกิดข้อครหา คสช. รีบปรับกระบวนท่า ให้ระดับจังหวัดเปิดรับผู้เสนอตัวเข้ารับการสรรหาได้ คำว่า “ล็อกสเปก” ก็คลี่คลายไประดับหนึ่ง
หรือกระทั่งวันเปิดตัวมอบนโยบายให้คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน รวมทั้งระดับจังหวัด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. รีบปิดรูรั่ว อ้าแขนรับผู้ที่จะพลาดหวังจากการเข้ารับการสรรหา จะจัดสรรพื้นที่ให้อยู่แบบไม่น้อยหน้า รวมทั้งพร้อมรับฟังเสียงหรือข้อเสนอต่างๆ ด้วย
กระนั้นคลื่นใต้น้ำก็ยังคงหมุนวนอยู่
ขั้นตอนนับจากนี้จึงเป็นหน้าที่ของ คสช. จะพิสูจน์ เคลียร์ข้อกังขา เฟ้นหาผู้มีฝีมือตัวจริงมานั่งเป็น 250 อรหันต์ เดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยให้ออกจากความขัดแย้ง
ในทางกลับกัน ถ้าไม่ “คลีน” แต่ล็อกเป้าตามสเปก น้ำผึ้งหยดนี้จะกลายเป็นน้ำมัน หยอดลงกองเพลิงรอปะทุได้ทุกเมื่อ จึงไม่ใช่งานง่ายที่ คสช. จะเลือกคนที่ถูกใจทุกคน เพราะเมื่อมีคนสมหวัง ก็มีคนพลาดหวัง
เว้นเสียแต่ว่าคนที่ผิดหวังจะยอมรับในตัว “ผู้ถูกเลือก” ว่า มีฝีมือจริง เก่งจริง เพลิงริษยาคงจะเพลาลงได้
แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาจากปรากฏการณ์ล็อกสเปก ต้องอย่าลืมมองถึงเจตนาของ คสช. ที่มีอำนาจเต็ม จิ้มใครมาเป็นสปช. ได้โดยไม่ต้องผ่านความยุ่งยากให้เสียเวลาไปกว่า 50 วัน ทำการเปิดเวทีสรรหา แต่ คสช. กลับต้องการเคลียร์ตัวเองในประเด็นรวบอำนาจ จึงมอบ กกต. ไปดำเนินการเปิดเวทีรับสมัครบุคคลเข้ามาร่วมกันปฏิรูปประเทศ
หากเจตนาล็อกสเปกแต่ต้นก็สามารถทำได้ทันที เหมือนที่แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ซึ่งไม่ต้องเสียเวลา แต่สามารถเลือกคนได้ตามใจชอบ
แต่เพราะ คสช. เล็งเห็นว่าเรื่องการปฏิรูปจะรวบอำนาจแต่ฝ่ายเดียวไม่ได้ จึงต้องเปิดกว้างไปทั่วทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ เพราะถ้าเมินเสียงที่หลากหลาย ก็จะกลายเป็นชนวนต้าน คสช. เพราะนำมาปั่นเป็นประเด็นการเมืองได้ง่ายๆ เส้นทางปฏิรูปคงไม่ถึงไหน แต่ละติดล่มเพราะอำนาจตัวเอง
อีกประเด็นที่น่าสนใจ หากมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นอย่างที่มีการร้องเรียนจริง คสช. อาจตัดปัญหา สั่งโละได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องแต่งตั้งให้ครบ 250 คนตามจำนวนเต็มก็ได้ เปิดคัดเลือกใหม่ ใครที่เป็น “นักร้อง” อาจจะถูกตัดหางออกจากวงจรปฏิรูปไปเลยก็ยังได้
เส้นทางการปฏิรูปยังอีกไกล แต่แค่เริ่มต้นก็สะดุดไปมา จึงต้องดูว่า คสช. จะเฟ้น 250 คน จะได้น้ำดีหรือล็อกเป้าตามที่กล่าวหา รอจับตาดูกันต่อไปท่านผู้ชม