xs
xsm
sm
md
lg

ทีม ศก.ประยุทธ์ 1 ไม่เวิร์ก ปัญหาปากท้อง เร่งฉุดขาลง !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน


เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวที่เป็นจริงเป็นจังมากขึ้นสำหรับการปรับเปลี่ยน “ทีมเศรษฐกิจ” ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือที่เรียกว่ารัฐบาล “ประยุทธ์ 1” เงื่อนไขและตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว น่าจะมาจากสาเหตุเดียว ก็คือ “ปัญหาเศรษฐกิจ” ที่ยังไม่กระเตื้องตามเป้าหมาย ตรงกันข้ามกลับทรุดลง ทำให้เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดหมายว่าในช่วงไตรมาสสาม สี่ จะช่วยดึงเศรษฐกิจทั้งปีพลิกกลับมาเป็นบวก จะเติบโตทั้งปีร้อยละ 2 แต่ปรากฏว่าเอาเข้าจริงต้องปรับลดการคาดการณ์กันใหม่หลายรอบ เหลือร้อยละ 1.5 ล่าสุด มีการปรับลดลงมาอีก ซึ่งหลายคนภาวนาว่าอย่าให้ลดต่ำกว่าร้อยละ 1 ก็แล้วกัน อย่างไรก็ดี ถือว่าอัตราการเติบโตของไทยต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน

สำหรับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็ย่อมหมายถึง “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นั่นแหละ ก่อนหน้านี้ ได้ออกมาแสดงความเห็นด้วยความภาคภูมิใจว่าได้เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตแรกจำนวน 3.6 แสนล้านบาท ออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเหมือนกับทิ้งก้อนหินลงในทะเล จมหายไปเลย ไม่เกิดแรงกระเพื่อมใดๆ กลับมาให้ได้เห็นเลย การเบิกจ่ายทำได้ล่าช้า เพียงแค่เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละพันบาท จนถึงเวลานี้ยังเบิกจ่ายได้ไม่ถึงร้อยละ 20 เลย

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากรัฐมนตรีเศรษฐกิจกระทรวงอื่น เช่น กระทรวงพาณิชย์ ที่ส่งทีมงานคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) อย่าง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ไปกำกับดูแลว่าการในช่วงแรกดูคึกคัก แต่มาในระยะหลังดูเหมือนค่อยๆ ฝ่อลงผิดสังเกต การส่งออกยังไม่ได้ตามเป้า ขณะที่การระบายข้าวแม้จะมีเป้าหมายเพื่อทวงแชมป์การส่งออกกลับมา แต่ขณะเดียวกัน มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อราคาข้าวในประเทศตกต่ำ ชาวนาขายข้าวไม่ได้ราคา เวลานี้เกิดเสียงโวยวายกันว่าบรรดาผู้ส่งออกไม่ทำตามสัญญายกระดับราคาตามที่กำหนด แต่ไปกดราคารับซื้อจากโรงสีทำให้โรงสีไปกดราคาซื้อจากชาวนาอีกทอดหนึ่ง แม้จะอ้างว่าที่ผ่านมาเป็นช่วงฝนตก ข้าวมีความชื้นสูง อีกทั้งปริมาณออกมาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก จึงราคาตก มั่นใจว่าจากนี้ราคาจะเริ่มกระเตื้องขึ้น

แต่เชื่อว่าความหมายที่ชาวนาต้องการอย่างเร่งด่วน ก็คือ ต้องให้ราคาสูงกว่านี้ ไม่ใช่ให้ “กระเตื้อง” ขึ้นมา แน่นอนว่าปัญหาส่วนหนึ่งมาจากสต๊อกข้าวที่ตกค้างมาจากสมัยรัฐบาลที่แล้วมีปริมาณสูง ทำให้กลายเป็นตัวฉุดราคา แต่ก็นั่นแหละปัญหามีไว้แก้ต้องหาทางแก้ปัญหาในภาวะวิกฤติให้ได้ ส่วนเรื่องยางพารา พืชเกษตรหลักอีกตัวหนึ่งก็ยังไม่เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นเลย

ขณะที่ราคาพลังงานที่ปรับขึ้นตามแนวทางการปรับโครงสร้างด้านราคา โดยเฉพาะราคาก๊าซเอ็นจีวี และ แอลพีจี ที่อ้างว่าเพื่อให้สะท้อนต้นทุน และการตลาดที่แท้จริง แต่กลายเป็นว่าทำให้ต้นทุนด้านขนส่ง การบริการ และอาหารเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าฝ่ายรัฐบาล ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ณรงค์ชัย อัครเศรณี และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์จะอ้างว่ามีผลต่อต้นทุนน้อยมากจนแทบไม่มีเลยก็ตาม เพราะเมื่อสำรวจตามความเป็นจริง กลับพบว่ามีการปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉพาะหมวดอาหาร ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคแม้ส่วนใหญ่จะไม่ปรับราคา แต่จะมีการใช้วิธีลดปริมาณลง สะท้อนค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะที่รายได้ลดลง ซึ่งจากการตรวจสอบของธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยตัวเลขหนี้เครือเรือนที่ยังสูง จนเกรงว่าจะก่อให้เกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ขาดกำลังซื้อ

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ “ขาดเอกภาพ” ในการทำงาน ก็คือ ยังไม่มีเรียกประชุมทีมเศรษฐกิจ และแถลงออกมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้งเดียว มีเพียงแต่การแยกกันแถลงระหว่าง รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี รวมไปถึงรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น พาณิชย์ อุตสาหกรรม และ ท่องเที่ยว เป็นต้น

แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ลงนามในคำสั่งนายกฯตั้งทีมที่ปรึกษานายกฯขึ้นมาอีกชุดหนึ่งจำนวน 8 คน มี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน มี พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เป็นรองประธาน กรรมการประกอบด้วย ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ บรรยง พงษ์พานิช สมพล เกียรติไพบูลย์ คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม และ วีระศักดิ์ ฟูตระกูล เป็นต้น หากพิจารณาจากชื่อชั้นแต่ละคนก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะตามแบ็กกราวนด์ล้วนครบเครื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจมหภาค การส่งออก การเงินการคลัง และเมื่อมาเชื่อมโยงการ พล.อ.วิลาศ ที่เป็นเลขาธิการนายกฯเป็นเพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.ประยุทธ์ งานก็พอมองออกมา เป็นเชื่อมโยงแบบสายตรงกันเลยทีเดียว และเมื่อดูจากตัวบุคคลแต่ละคนแล้ว ล้วนหนักไปทางเศรษฐกิจ ก็แน่นอนว่าเพื่อต้องการมาสร้างจุดแข็งลบจุดอ่อนทางด้านนี้โดยตรง

ดังนั้น นี่คือภาพสะท้อนที่นายกฯต้องการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพราะหากยังย่ำอยู่กับที่ หรือถดถอยอยู่แบบนี้ การใช้บริการจากทีมงานเศรษฐกิจชุดที่มีอยู่ นำโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ยังไม่เวิร์กเท่าที่ควร แม้ว่าอาจจะไม่ถึงขั้นต้องเปลี่ยนตัว แต่อาจต้องลดบทบาทลงมา แล้วเสริมคนใหม่เข้ามาเพื่อความกระฉับกระเฉง อย่างน้อยเท่าที่เห็นก็มีการเพิ่มรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็น วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ และ อำนวย ปะติเส เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ

ขณะเดียวกัน การตั้งทีมที่ปรึกษาที่นำโดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มากลั่นกรองงานสำคัญ เพื่อหวังว่าให้การขับเคลื่อนเข้าสู่เป้าหมายมากขึ้น เพราะตราบใดที่ปัญหาเศรษฐกิจยังไม่คลี่คลาย เรื่องปากท้องยังรุมเร้าชาวบ้านแบบนี้ ต่อไปนี้อัตรา “ขาลง” ก็ลงแบบพรวดพราด เพราะหมดช่วงฮันนีมูน อยู่ได้ด้วยของจริงเท่านั้น และนี่คือเดิมพัน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย !!
กำลังโหลดความคิดเห็น