xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” หลังพิง “ตัวช่วย” หวังหยุดรัฐบาลกระแสตก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

แม้รัฐบาลยังไม่ถึงกับเป็นช่วงขาลงเสื่อมทรุด แต่ก็อยู่ในระยะกระแสนิยมตกลงอย่างเห็นได้ชัด วัดผลได้จากเสียงสะท้อนทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

ล่าสุด ผลสำรวจของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพล) ที่สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ประชาชนเห็นอย่างไรกับทิศทางการปฏิรูปการเมืองของประเทศไทย” ซึ่งในคำถามที่ว่า “อยากให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีระยะเวลาการทำงานเป็นอย่างไร” ผลสำรวจออกมาคือ ร้อยละ 64.0 อยากให้ทำงานจนกว่าประเทศจะเรียบร้อยในทุกๆด้าน โดยอาจจะมากกว่า 1 ปี

แต่คำตอบนี้เสียงหนุนให้รัฐบาลบิ๊กตู่ อยู่เกินหนึ่งปีเพื่อแก้ปัญหาประเทศ พบว่าลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อนร้อยละ 2.4 ขณะที่ ร้อยละ 36.0 อยากให้ทำงานแล้วเสร็จภายใน 1 ปี และจัดให้มีการเลือกตั้ง

แรงหนุนที่ลดลงดังกล่าว เป็นดัชนีชี้วัดที่แลเห็นได้อย่างดีว่า ประชาชนเริ่มมีความรู้สึกกับรัฐบาลชุดนี้อย่างไร และผลโพลที่ออกมาลักษณะนี้ก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ผสมกับเสียงบ่นจากหลายภาคส่วน ตั้งแต่นักธุรกิจชั้นนำของประเทศ จนถึงนักธุรกิจทั่วไป เลยไปถึงชนชั้นกลาง เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ กับภาวะที่บอกว่า รัฐบาลยังล้มเหลวในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
แพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจที่อัดฉีดเงินเข้าระบบ 3.6 แสนล้านบาท ที่ทำผ่านการแจกเงินชาวนา-เกษตรกร พบว่ายังไม่ตอบโจทย์เศรษฐกิจประเทศ เห็นได้ว่า หลังโหมโฆษณาชวนเชื่อไปแล้ว แต่เงินยังไม่เข้าระบบ เลยทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่กระเตื้องขึ้นมาได้

จนเห็นกันหมดแล้วว่า ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดนี้ นอกจากมีปัญหาเกาเหลาของรัฐมนตรี และทีมงานรัฐมนตรีกันเอง จนไม่มีการประชุมครม.เศรษฐกิจกันแล้ว รัฐมนตรีหลายคนล้วน “ของปลอม” ทั้งสิ้น

ทุกเสียงสะท้อนดังกล่าว เชื่อว่า พลเอก ประยุทธ์ และแกนนำ คสช. ก็รู้ดี จนมีเสียงหวดกำชับออกมาหลายรอบแล้วให้รัฐมนตรีและทีมโฆษก-ฝ่ายสารนิเทศของทุกกระทรวงเร่งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงาน (ที่ไม่ค่อยมี) ออกไปสู่ประชาชนให้มากขึ้น ไม่ใช่มัวแต่รอให้นายกรัฐมนตรีพูดคนเดียวได้ทุกเรื่องตั้งแต่การเมือง สังคม ความมั่นคง เศรษฐกิจ การต่างประเทศ

ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล รัฐมนตรีหลายคนยังเป็นเสนาบดีที่โลกลืมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

คงเพราะด้วยเหตุนี้ ข่าว ครม. ประยุทธ์ 2 ที่จะเพิ่มรัฐมนตรีกระทรวงด้านเศรษฐกิจอีก 2 คน เข้ามาเพื่อเติมเต็มโควตาครม. ประยุทธ์ คือ อำนวย ปะติเส อดีตรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล ชวน หลีกภัย - อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคประชาธิปัตย์ มาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และอดีตอธิบดีหลายกรมในกระทรวงการคลัง ลูกหม้อขนานแท้ของกระทรวงเช่นเดียวกับ สมหมาย ภาษี รมว.คลัง

การจะดึง อำนวย - วิสุทธิ์ มาตอนนี้ พูดกันตามตรง มีแต่คนบอกว่าช้าไป เพราะเห็นปลายทางเศรษฐกิจของประเทศ แม้จะมีบางฝ่ายยังมองโลกสวยว่าปีหน้าเศรษฐกิจประเทศไทยจะกระเตื้องขึ้น

ถ้าให้ดี แก้ถูกจุด มันต้องโละใหญ่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเสียมากกว่า !

การดึง อำนวย - วิสุทธิ์ มาเป็นรัฐมนตรีตามกระแสข่าว จึงเป็นการสร้าง “ตัวช่วย” ให้มากอบกู้สถานการณ์รัฐบาลเท่านั้น ก็เฉกเช่นเดียวกับ กรณีปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ พลเอก ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เซ็นเงียบคำสั่งนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง “คณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี” โดยระบุเหตุผลในคำสั่งดังกล่าวว่า เพื่อให้การทำงานตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี และการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนและนโยบายสำคัญของรัฐบาล และ คสช. ได้มีการนำไปปฏิบัติอย่างรวดเร็ว และเป็นกลไกในการประสานและขับเคลื่อนให้เกิดผลสำเร็จ
เมื่อดูตามรายชื่อแล้วบางคนอาจคิดว่าเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ แต่จริงๆ แล้ว มีการยืนยันว่าเป็นคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีที่พร้อมจะให้คำปรึกษานายกรัฐมนตรีได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ และค่อนข้างมีบทบาทพอสมควรหากคณะชุดนี้เริ่มต้นติดเครื่องทำงาน เพราะแต่ละคนธรรมดาซะที่ไหน

ไม่ว่าจะเป็นประธานคณะที่ปรึกษา คือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ - รมว.คลัง ที่ตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในคณะผู้ดำรงตำแหน่งใน คสช. 15 คนด้วย, พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อนร่วมรุ่น ตท. 12 กับบิ๊กตู่ ที่นั่งเป็นรองประธานคณะที่ปรึกษา
กรรมการคนอื่น ก็มี ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, บรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน), สมพล เกียรติไพบูลย์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่อยู่ในกลุ่มสมคิดในยุค คสช. มาตลอด, คุณหญิง ชฎา วัฒนศิริธรรม อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ และหนึ่งในแกนนำกลุ่มเครือข่ายภาคีต่อต้านคอร์รัปชัน ที่เคลื่อนไหวต่อต้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ คนแรกๆ, นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ - นางธันยา เลาหทัย จากกระทรวงการต่างประเทศ

ส่วนรายชื่ออื่นๆ ในคณะที่ปรึกษาอย่าง พันเอก นิมิตต์ สุวรรณรัฐ หลานชาย พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี - พันเอก อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ - นางสาวรุจิรา ริมผดี - นางสาวกุลกานต์ ตันติเตมิท พวกกลุ่มนี้คงมาทำหน้าที่ในฐานะคณะทำงานในลักษณะการประสานงาน และงานด้านการเตรียมข้อมูลเป็นหลัก ตลอดจนเรียนรู้การทำงานจากผู้อาวุโส เพราะบางคนก็ช่วยงานพลเอก ประยุทธ์ และ พลเอก วิลาศ อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นปกติอยู่แล้ว

การที่บิ๊กตู่ ตั้งคณะที่ปรึกษาดังกล่าว ทำให้คนจับตามองกันมากว่าจะทำให้เกิด “เกาเหลาคู่เดิม” ระหว่าง “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กับ “สมคิด” ที่แม้ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ก็เป็นทั้งประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-บอร์ดคสช. กลับมามีปัญหาอะไรอีกหรือไม่

หลังเคยเกิดปัญหามาแล้วตอนรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และช่วงที่ผ่านมา ก็มีข่าวความไม่ลงรอยกันของ ทีม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กับทีมสมคิด ในรัฐบาลออกมาตลอด แม้หม่อมอุ๋ย จะยืนกรานว่าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดนี้ทำงานเข้าขากันดี แต่เมื่อการเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของหม่อมอุ๋ย กับการรันนโยบายเศรษฐกิจหลายเรื่องออกมาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

สิ่งที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เล่นบทวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเศรษฐกิจตอนอยู่ข้างเวที พอมามีอำนาจเอง กลับไม่ประสบความสำเร็จ จนมีผลต่อเรตติ้งของ พลเอกประยุทธ์ มันก็อาจทำให้ พลเอก ประยุทธ์ อยู่เฉยไม่ได้ เลยคิดเพิ่มบทบาท ให้ สมคิด และทีมงาน มากขึ้นต่อจากนี้
อย่างไรก็ตาม มองในแง่ดี การตั้งทีมกุนซือนายกฯ ดังกล่าวของบิ๊กตู่ อย่างน้อยก็อาจทำให้ พลเอก ประยุทธ์ ได้มุมคิดในการทำงานจากผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ มากขึ้น ทั้งการต่างประเทศ - การเงินการคลัง - ตลาดทุน - การส่งออก ที่ยังไงก็ดีกว่าจะมานั่งคุยกันเองในหมู่ทหาร คสช. ที่ไม่ได้รอบรู้เรื่องเหล่านี้เท่าคนที่บิ๊กตู่ ตั้งมาคราวนี้แน่นอน แต่คำถาม คือว่า พลเอกประยุทธ์และรัฐมนตรีโดยเฉพาะพวกรัฐมนตรี ที่มาจากทหารทั้งหลาย พร้อมเปิดกว้างรับฟังคำปรึกษาจากคณะที่ปรึกษาชุดนี้มากแค่ไหน และเสนอไปแล้ว บิ๊กตู่ จะเอาด้วยหรือไม่ ตรงนี้คือสิ่งที่หลายคนตั้งคำถาม

หรือจริงๆ แล้ว ที่พลเอก ประยุทธ์ ตั้งคณะที่ปรึกษาดังกล่าวก็เพราะเริ่มอยู่ในภาวะ ที่เริ่มเห็นแล้วว่ารัฐบาลอาจอยู่ไปได้เรื่อยๆ แต่ระยะยาว มีปัญหาแน่นอนกับการบริหารประเทศ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่อาจมีปัญหาไม่ประสบความสำเร็จ เลยต้องดิ้นรน หาตัวช่วยต่างๆ ให้มากขึ้นหวังประคองสถานการณ์ตอนนี้ไปก่อน ไม่ให้ทุกอย่างสายเกินแก้ ?
กำลังโหลดความคิดเห็น