xs
xsm
sm
md
lg

2 ขาใหญ่ซดเกาเหลา เศรษฐกิจไม่กระเตื้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**“ครม.บิ๊กตู่”ได้ฤกษ์ปรับทัพอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่งวดนี้ยังไม่มีใครถูกปรับออก เป็นเพียงการเติมเต็มใน 2 ตำแหน่งที่ยังขาดหายไป ซึ่งตามภาษาข่าวต้องเรียกว่า “ครม.ตู่ 2”โดยมีชื่อ“อำนวย ปะติเส”เข้ามาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ“วิสุทธ์ ศรีสุพรรณ”เข้ามาเป็นรมช.คลัง
ทั้ง 2 หน่อก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลนั่งเป็น “ที่ปรึกษา”ของทั้งสองกระทรวงอยู่แล้ว
ชื่อของอำนวย ติดโผมาพักใหญ่ ที่จะมีการดึงให้เข้าช่วยเสริมยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องยางพารา โดยมักมีชื่ออยู่ในลิสต์ลำดับต้นๆ ที่จะเข้ามาช่วยดูแลปัญหาราคายางพาราของรัฐบาลเกือบทุกยุค ยังเคยนั่งเป็นกุนซือของ“ธีระชัย แสนแก้ว”อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย ในช่วงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มาก่อนด้วย
ส่วนชื่อของวิสุทธิ์ ถือว่าสร้างเซอร์ไพรส์เล็กๆ เพราะก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีข่าวหลุดออกมาก่อนเลย แต่ด้วยดีกรี“ลูกหม้อคลัง”จึงถูกหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ“หม่อมอุ๋ย”ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ดึงตัวมาช่วยงาน หลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร เมื่อครั้งตั้ง “สมหมาย ภาษี”เป็น รมว.คลัง เพียงคนเดียว โดยไม่มีรัฐมนตรีช่วยเลย ทั้งที่แต่ละรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างน้อยๆ ต้องมี รมช.คลังถึง 2 คนด้วยซ้ำ
** จากนี้ไป กระทรวงการคลัง ก็อยู่ในอุ้งมือของ หม่อมอุ๋ย เรียกว่าคุมหางเสือเศรษฐกิจไทยในยุค“รัฐบาลทหาร”อย่างเบ็ดเสร็จ
ขณะเดียวกันบรรดา“ขุนทหาร”ก็ยังพอมี“หมาก”ที่ทำให้รู้เท่าทัน หม่อมอุ๋ยเหมือนกัน โดยเฉพาะการวางตัว“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”สมาชิกคสช. เข้ามาเป็นประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งตำแหน่ง ที่คอยให้คำแนะนำทั้งทางลับ และทางเปิด
** ซึ่งรู้กันทั้งบางว่าทฤษฎีทางเศรษฐกิจของ“สมคิด - หม่อมอุ๋ย”แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
โดย หม่อมอุ๋ย มีแนวคิดสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าของอาเซียน โดยเร่งจัดทำระบบคมนาคมให้ดีที่สุด เพื่อรองรับการขนส่งของอาเซียนที่จะใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง และเร่งสร้างท่าเรือน้ำลึกโดยเร็ว และต้องการให้รัฐบาลผลักดันให้นักลงทุนไทยหันไปลงทุนในต่างประเทศบ้าง เพราะไทยเริ่มประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และต้องการให้นักลงทุนไทย จับมือกับนักลงทุนต่างชาติ เปิดสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคในประเทศไทย
**ไทยต้องเป็นศูนย์กลางของอาเซียนให้ได้ คือแนวทางของ หม่อมอุ๋ย ซึ่งดูจะมองไกล โดยไม่เหลียวมองปัญหาที่อยู่ใกล้ตัว เพราะสิ่งที่ หม่อมอุ๋ย ลืมคิดไปในตอนนี้คือ การแก้ไขปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะเรื่องของแพง ที่ต่อเนื่องมาจากสมัย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งที่ผ่านมา 6 เดือนของ คสช. ยังแก้ปัญหากันไม่ตก
ส่วนแนวคิดของ สมคิด ที่เพิ่งโชว์วิสัยทัศน์ผ่านการปาฐกถาพิเศษเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เน้นย้ำเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรกระทำต่อเมื่อจำเป็น การใช้จ่ายภาครัฐต้องทำเพื่อกระตุ้นในสิ่งที่สอดรับ สอดคล้องเท่านั้น
** "ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ขอยกตัวอย่างจีน ในปี 2551 จีนได้ทุ่มเทเงิน 4 ล้านล้านหยวน เพื่อลดช่องว่างการเติบโตระหว่างเมืองกับชนบท"
สิ่งที่ สมคิด พูดคือการส่งสัญญาณชัดเจนว่า อีกไม่นานอาจจะมีการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่จะกระทำก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น พูดง่ายๆ ว่าหาก “รัฐบาลบิ๊กตู่”เข้าตาจนเมื่อไร มีหวังโปรโมชั่น ลด-แลก-แจก-แถม ออกมากระหน่ำซัมเมอร์เซลแน่ๆ
เพราะ“กุนซือสมคิด”รู้ดีว่า หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ อีกไม่นาน แรงหนุนจาก พ่อค้า-แม่ค้า-ประชาชน จะสวิงกลับโจมตี“รัฐบาล-คสช.”ได้ เพราะอย่าลืมว่า“ภัยความมั่นคง-ภัยม็อบ”แก้ไขหายไปได้ ถือเป็นชัยชนะแบบชั่วคราว แต่หากแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ยิ่งปล่อยผ่านไปจะกลับเป็นหอกทิ่มแทง“รัฐบาล-คสช.”เสียเอง
ด้านพรรคเพื่อไทย ก็รู้เกมดีว่าประเด็นทางเศรษฐกิจถือเป็น“ม็อคกิ้งเจย์”ของพลพรรคสีแดง เป็นหมากเด็ด ที่จะทำให้คะแนนนิยมของ “บิ๊กตู่”ตกลงเรื่อยๆ จนเสียรังวัด และหมากต่อไปคงหนีไม่พ้นการออกมาโจมตีว่า รัฐบาลทหาร ไม่มีความรู้ความเข้าใจทางเศรษฐกิจ และไม่สามารถนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่นคั่งได้
ตัวอย่างที่มีให้เห็นทันตาคือ“พิชัย นริพทะพันธุ์”มือเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ “รัฐบาลบิ๊กตู่”ไม่เพียงพอต่อการฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้น สอดคล้องกับตัวเลขการเติบโตด้านเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 โดยคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ระบุว่า ขยายตัวเพียง 0.6%
พิชัย บวกลบคูณหารให้ฟังว่า "เมื่อตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ในไตรมาส 3 โตเพียง 0.6% ทำให้ 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้โตเพียง 0.2% ส่งผลให้โอกาสที่ทั้งปี 2557 จะขยาย ตัวถึง 1% เป็นไปได้ยาก แต่ขุนคลัง ของรัฐบาลกลับดื้อดึงว่า จีดีพีของไทยทั้งปี จะโตเกิน 1.5% ซึ่งเท่ากับว่าในไตรมาส 4 จีดีพีต้องโตเกิน 6% ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย" พิชัย ฟันธงไว้แบบนี้
คำพูดคำเตือนของพิชัย สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนด้อยของทีมเศรษฐกิจ ที่อยู่เบื้องหลัง“รัฐบาลบิ๊กตู่”ซึ่งนำโดย หม่อมอุ๋ย ดังนั้นเตรียมรับสภาพเอาไว้เลย หากยังไม่มีมุกกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ออกมา ดูท่ารัฐบาลคสช.คงจะลำบาก
**หากเทียบนโยบายของ หม่อมอุ๋ย ที่มักจะวาดฝันอนาคต กับแนวคิดของ สมคิด ที่ติดอยู่กับปัจจุบัน“รัฐบาล-คสช.”คงต้องเลือกว่าใครดีกว่ากัน
มีเสียงแว่วจากตึกไทยคู่ฟ้า ออกมาเหมือนกันว่า อีกไม่นานให้จับตาว่าอาจจะมีการปรับครม. เพราะมีการประเมินกันว่า “รัฐมนตรีบางคน”ทำผลงานได้ไม่ตรงตามเป้า ซึ่งอาจจะมีการประเมินกันในช่วงปลายเดือนมกราคม 2558 เ พราะถือว่ารัฐมนตรี ทำงานครบ 5 เดือนพอดี หากใครไม่เข้าเป้า ก็ปรับออกเมื่อครบ 6 เดือน
แม้ สมคิดจะเป็นรัฐมนตรีด้วยตัวเองไม่ได้ เพราะถูกรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เขียนล็อกห้ามเอาไว้ แต่เด็กในคาถาที่อยู่ในทีมที่ปรึกษานายกฯ ก็มีดีกรีไม่ธรรมดาทีเดียว ดีไม่ดีต้นปีหน้าอาจจะเห็น“ทีมสมคิด”ผงาดเข้ามากุมบังเหียนเศรษฐกิจให้รัฐบาลก็เป็นได้
ส่วนเรื่องเกาเหลาไม่กินเส้นกันนั้น ตามบทก็ต้องแก้ตัวเพื่อสร้างบรรยากาศกันไป ถึงขนาด“บิ๊กตู่”ยังต้องออกมาคอนเฟิร์มด้วยตัวเองว่า รักกันดูดดื่มดี แต่หากจับทิศทางให้ดี ทั้ง“หม่อมอุ๋ย - สมคิด”ต่างคนต่างกันเล่นเกมปล่อยข่าวบลั๊ฟกันไปมาอยู่เนืองๆ
**จากนี้ต้องติดตามเกม“แทงข้างหลังแต่ ทะลุถึงหัวใจ”ของทั้ง 2 คน ว่าสุดท้ายแล้ว ใครจะชนะเกมยาว ปรับครม.หนหน้า ก็คงรู้กัน
กำลังโหลดความคิดเห็น