ASTVผู้จัดการรายวัน - “บิ๊กตู่”เผยครม.อนุมัติ ร่างกม.ชุมนุมที่สาธารณะ พร้อมปัดพูดกดดันสื่อ ป้องทหารที่ไปไทยพีบีเอสคุยกันดีๆ โวยสื่อเขียนให้มันดีๆ หน่อย ปิดประตูตายไม่ทบทวนประกาศ คสช. ตามที่องค์กรสื่อเรียกร้อง สะบัดตอบนิติบุคคลซื้อที่ดินพ่อ 600 ล้าน บอกไม่ใช่เรื่องของคุณ ป้องสิทธิส่วนบุคคลเฉย ส่วน พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กเจริญพันธ์กำลังปรับแก้ ย้อนกลับอย่าคิดเล็กคิดน้อย พร้อมสั่งทุกฝ่ายเร่งเดินหน้าตามโรดแม็บ ยึดพิมพ์เขียวกลาโหมปฏิรูปแก้รธน. อ้างจำเป็นต้องมีอัยการศึกเหตุสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ลั่นถ้าเลิกทะเลาะ ไม่ปลุกระดมก็พร้อมจะยกเลิก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม.ว่า ที่ประชุมครม.รับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมที่สาธารณะ แต่ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปปรับแก้เนื้อหาเพื่อให้เกิดความชอบธรรม ทั้งในแง่ของสถานที่ เวลา เพิ่มเติมกรณีหากมาชุมนุมแล้วไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะมีอำนาจในการดำเนินการได้มากแค่ไหน หากมีการขัดขืน ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่ไม่ต้องการเกิดผลกระทบ ตนคิดว่ามีความจำเป็นเพราะในต่างประเทศ เมื่อมีการประท้วงเขาไม่ได้มวลชนขนาดใหญ่เหมือนเรา มันไม่ได้มันเสียหาย เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบแล้ว จะส่งให้สนช. พิจารณาต่อไป
**ลั่นไม่ทบทวนประกาศคุมสื่อ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวอย่างมีอารมณ์ เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ทหารไปกดดันสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โดยนายกฯ ตอบว่า "ผมไม่เคยพูดว่ากดดัน ไม่มีใครกดดันอะไร ไปพูดคุยกับผู้บริหารดีๆ มันไปกดดันตรงไหน เขียนมันให้ดีๆ หน่อย" ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอให้ทบทวนประกาศ หรือคำสั่ง ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ฉบับที่ 97 และ 103 นายกฯกล่าวว่า ไม่ทบทวน
***"ประยุทธ์"ปรี๊ดขู่อย่าละเมิดสิทธิ์
พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว เมื่อถูกถามถึงการขายที่ดินจำนวน 9 แปลง ให้แก่ บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวนเงิน 600 ล้านบาทว่า "ไม่ใช่เรื่องของคุณเลยนะ คนอื่นถามมา ไม่มีเรื่องอื่นที่ประเทืองปัญญากว่านี้หรือไง พูดเรื่องประเทศชาติกันอยู่ แล้วกลับมาเรื่องนี้ทำไมอีก ไม่เข้าใจ " เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตมีการตั้ง บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ขึ้นมาก่อนขายที่ดินเพียง 7 วัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนว่า ก็ไปถามบริษัท เขาซิ
"เรื่องในประเทศ คือในประเทศ ส่วนตัว คือส่วนตัว ประเทศชาติ คือประเทศชาติ เอาอย่างนั้นแล้วกัน จะได้ไม่หงุดหงิดใส่กัน ขอร้อง ถ้าคนไม่ละเมิดซึ่งกันและกัน สิทธิส่วนบุคคลผมมีอยู่ ไม่ใช่ผมเป็นนายกฯ แล้วจะมาอย่างไงก็ได้กับผม มันไม่ใช่ ผมก็เป็นประชาชน มีสิทธิปกป้องตัวเหมือนกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง การแต่งตั้งคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 12 คน ที่มี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานว่า เข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชนมีรายได้พอมี พอกิน แก้เรื่องเศรษฐกิจ เยอะแยะไปหมด วันๆ ใช้สมองเยอะ คิดเยอะไปหมด เอกสารก็อ่านเยอะ เราต้องดูโลกภายนอกด้วย ไม่ใช่คิดเองในประเทศ โดยไม่คำนึงถึงประเทศเพื่อนบ้าน ไม่คิดถึงอาเซียน ไม่คิดถึงแปซิฟิก ไม่คิดถึงยุโรป วันนี้ต้องคิดถึง ที่ผ่านมาไม่ได้คิดกันแบบนี้ พอคิดแบบนี้มา ปัญหาเก่าก็ตามมา เพราะฉะนั้นต้องช่วยเสริมกันบ้างในบางเรื่องที่จะก้าวหน้า
ส่วนปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนใต้ เร็ววันนี้ จะมีการพูดคุย ตนจะเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซีย ไม่มีปัญหาอะไรทุกอย่างต้องเดินไป เมื่อถามว่าได้ลงนามตั้งชุดเจรจาสันติสุข หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยัง ต้องไปคุยกับมาเลเซียก่อน ว่าเห็นชอบร่วมกันอย่างไร เขาจะตั้งใจใคร เราจะตั้งใคร ถ้าตั้งไปแล้วเขาไม่เห็นด้วย ก็กลับมาทบทวน ทุกอย่างไม่มี 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว มันต้องเป็นการพูดคุย มาเลเซียเป็นแค่ผู้อำนวยความสะดวกให้ 2 ฝ่ายมาเจอกันเท่านั้น ไม่ใช่คนกลาง
***เรียกฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ แจงการทำงาน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในระหว่างการหารือร่วมกัน 5 ฝ่าย โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) โดยได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทำหน้าที่ในช่วงที่ผ่านมา และยืนยันว่ารัฐบาลต้องการนำพาประเทศไปสู่การปฏิรูปให้ได้ภายใน 1 ปีตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ และได้ให้แนวทางการทำงานกับทุกฝ่ายที่ร่วมหารือว่า ต่อไปนี้ขอให้ร่วมกันทำงานอย่างกระชับ ยึดกรอบเวลาที่กำหนดไว้เป็นหลัก โดยเฉพาะการปฏิรูปประเทศควรจะยึดกรอบความเห็นร่วมปฏิรูปประเทศไทยของกระทรวงกลาโหมที่ได้มีการศึกษาไว้แล้วทั้ง 11 ด้านเป็นหลัก รวมถึงงานศึกษาของคณะต่างๆ อาทิ คณะทำงานของนพ.ประเวศ วะสี เป็นต้น โดยเลือกแต่ประเด็นที่ทันสมัยเพื่อให้การทำงานเร็วยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมาการทำงานของสนช.และสปช. เน้นแต่เรื่องกระบวนการมากเกินไป ยืดเยื้อ ยังไม่เข้าสู่เป้าหมาย นับจากนี้ไปขอให้ทุกฝ่ายทำงานอย่างรวดเร็ว และให้ออกมาเป็นรูปธรรมทุกขั้นตอน
ในส่วนการทำงานของสนช.และสปช. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำให้ ร่วมกันทำงานใน 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.ขอให้สนช.เร่งผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี ซึ่งน่าจะมีประมาณ 300 ฉบับ โดยขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้เตรียมที่จะเสนอสนช.ในเร็วๆนี้ประมาณ 100 ฉบับ ส่วนที่เหลือจะทยอยตามมาภายหลังจากนี้ หรืออย่างน้อยภายในปีนี้สนช.ต้องออกฎหมายที่ทำให้ประชาชนมีความสุขเพื่อแก้ปัญหาพื้นฐานให้กับประชาชนเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน 2.ภายใน 3 เดือนนี้สปช.ต้องทำงานให้เห็นผลและถ้ามีอุปสรรคอะไรก็ให้ทำเรื่องมายังคณะรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการให้ทั้งหมด และ 3.อยากให้สปช.เดินหน้าวางกระบวนการปฏิรูปโดยไม่อยากให้ไปเริ่มทำการนับหนึ่งตั้งแต่ต้น เพราะกระทวงกลาโหมได้ทำรายงานเสนอมาครบทั้ง 11 ด้านแล้ว แต่หากมีส่วนไหนที่ขาดก็ค่อยไปเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์
ทั้งนี้สมาชิกสปช. ฯได้ถามถึงแนวทางการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในช่วงกฎอัยการศึก ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้ถามกลับว่า “วันนี้บ้านเมืองสงบแล้วหรือยัง เลิกตีกันทะเลาะกันหรือยัง ถ้าวันนี้บ้านเมืองวันนี้สงบ เลิกทะเลาะกันไม่มีการปลุกระดม ก็จะยกเลิกให้วันนี้เดี๋ยวนี้เลย แต่เวลานี้ยังมีความจำเป็นต้องใช้ต่อไป ส่วนเรื่องไหนที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นรัฐบาลก็ไม่ได้ขัดข้อง” ภายหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงขึงขังปรากฏว่าไม่มีใครในห้องประชุมกล้าถามอะไรต่อ
“ผมไม่อยากอยู่ในตำแหน่งแล้ว ผมจะอยู่ได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับพวกที่นั่งอยู่ในที่นี้ เปลืองตัว ประชุมก็เยอะ แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องเดินหน้าไปด้วยกัน และวันนี้อยากขอให้แม่น้ำทั้ง 5 สายรวมเป็นสายเดียวกัน เพื่อให้ประสบความสำเร็จ” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
ขณะที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคสช. แสดงความคิดเห็นต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญว่า ในอดีตที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญให้เสร็จโดยเร็วพร้อมจัดทำกฎหมายลูกเพื่อส่งมอบให้มีการจัดการเลือกตั้ง แต่มีปัญหาที่ผ่านมา คือ หลายเรื่องในรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลต่อๆมาไม่เคยสานต่อให้สำเร็จ ดังนั้น จึงเห็นว่าไม่อยากให้เร่งรีบจัดทำรัฐธรรมนูญ มิเช่นนั้นจะทำให้เสียของและล้มเหลว
ส่วนนายบวรศักดิ์ เห็นว่า การรับฟังความคิดเห็นและการทำประชามติจะเป็นส่วนสำคัญและเป็นเกราะที่ป้องกันให้รัฐธรรมนูญในอนาคตถูกแก้ไขได้ยาก ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ตอบในเรื่องนี้ว่า การทำประชามติยังอีกไกล ขอดูสถานการณ์และความเหมาะสมก่อน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยความราบรื่น และเป็นกันเอง โดยส่วนใหญ่พล.อ.ป็นคนพูดมากที่สุด และยังได้สอบถามถึงปัญหาอุปสรรคของแต่ละฝ่ายว่ามีอะไรบ้าง และมีแนวทางการทำงานอย่างไร ก็พร้อมอำนวยความสะดวก ขอให้ประสานมา
ทั้งนี้มีรายงานว่า การประชุมในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยพล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลากล่าวคนเดียวนานถึง 1 ชั่วโมง และได้มีการเลี้ยงอาหารให้กับผู้มาร่วมประชุม อาทิ ชา กาแฟ น้ำดอกอัญชัน ขนมตาล และขนมใส่ไส้