xs
xsm
sm
md
lg

มติสนช.ต่อลมหายใจ”ยิ่งลักษณ์” ทนายเล่นยื้อ หวังรอผลคดีอาญา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**มติที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันพุธที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา มีมติด้วยเสียงข้างมาก 167 ต่อ 16 เสียง ให้เลื่อนพิจารณาวาระถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง กรณีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ออกไป 15 วัน จากเดิม 12 พ.ย. ไปเป็นวันที่ 28 พฤศจิกายน
เป็นไปตามมติวิปสนช.ก่อนหน้านี้ ที่ก็เห็นควรว่าสมควรเลื่อนการพิจารณาวาระดังกล่าวออกไป ตามที่ทีมทนายความยิ่งลักษณ์ อ้างเหตุในการขอเลื่อนว่า เป็นเพราะการรับเอกสารสำนวนดังกล่าวของยิ่งลักษณ์ ไม่ครบกำหนดตามข้อบังคับการประชุม สนช.ปี 57 เนื่องจากก่อนหน้านี้ ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปต่างประเทศ และไม่ทราบว่าจะมีการบรรจุวาระการพิจารณาถอดถอน จนกระทั้งเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางกลับ และได้รับเอกสารในวันที่ 7 พ.ย. ทำให้หากสนช.พิจารณาวาระนี้ เมื่อ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ก็จะไม่ครบเวลาในการดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมสนช. ที่ต้องส่งเอกสารให้ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาทราบล่วงหน้าก่อน 15วัน เพื่อเตรียมตัว สนช.ถึงจะเริ่มกระบวนการได้
**การเลื่อนดังกล่าวก็เลยทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นในการไปสู้คดีถอดถอนต่อที่ประชุมสนช. จากเดิมที่คาดหมายว่า น่าจะต้องเข้าสู่กระบวนการแถลงเปิดสำนวนต่อที่ประชุมสนช. ในช่วงต้นเดือนธันวาคม ดูแล้ว ก็น่าจะขยับออกไปเป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม คือ อาจอยู่ในช่วงประมาณหลังวันที่ 10 ธ.ค. ไปไม่ไกลมาก
เว้นแต่ที่ประชุมสนช. ที่จะพิจารณาระเบียบวาระเรื่องการถอดถอนยิ่งลักษณ์ เพื่อกำหนดวันแถลงเปิดสำนวนในวันที่ 28 พ.ย. อาจเห็นว่า คดีล่าช้ามาพอสมควรแล้ว เพราะเลื่อนจาก 12 พ.ย.ไป 28 พ.ย. กินเวลาเลยไปจากเดิมถึง 16 วัน อีกทั้งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องเลื่อนจาก 12 พ.ย. ไปเป็น 28 พ.ย. ก็เป็นเรื่องความไม่รัดกุมของสำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในขั้นตอนทางธุรการ การจัดส่งเอกสารสำนวนไปถึงมือยิ่งลักษณ์ เพราะเดิมผู้เกี่ยวข้องในสนช. ก็คิดกันว่า ส่งไปตั้งแต่ 27 ต.ค. แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ขั้นตอนนี้ถือว่ามีผลเมื่อ 7 พ.ย. คือ เอกสารถึงมือผู้รับ ยิ่งลักษณ์ ในวันดังกล่าว จนเปิดช่องให้ทีมทนายยิ่งลักษณ์ นำมาใช้เป็นข้ออ้างว่า ได้รับเอกสาร 7 พ.ย. จึงต้องเลื่อนการพิจารณาของสนช.ออกไปก่อน เพราะข้อบังคับการประชุมสนช.บอกว่า ต้องส่งเอกสารสำนวนการถอดถอนให้ผู้ถูกร้องได้เตรียมตัวล่วงหน้า 15 วัน ก่อนถึงวันนัดกำหนดแถลงเปิดคดี จึงไม่ใช่ 12 พ.ย. อย่างที่ระเบียบวาระกำหนดไว้ จนสุดท้ายเป็นเหตุให้ต้องเลื่อนไปตามคาด
กระบวนการที่เกิดขึ้น แม้ไม่มีใครอยากตำหนิฝ่ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งดำเนินการจัดส่งเอกสารให้ยิ่งลักษณ์ รวมถึงขั้นตอนทางธุรการต่างๆ ว่าไม่รัดกุม จนเปิดช่องให้ทนายยิ่งลักษณ์ นำมาเป็นเหตุขอเลื่อนคดีได้ จนทำให้การบรรจุระเบียบวาระดังกล่าวเมื่อ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ต้อง"วืด" ไปแบบผู้ใหญ่ในสนช. บางคนที่ออกตัวเรื่องนี้มาเต็มที่ ต้องเสียหน้าพอสมควร
แต่ก็ต้องถือว่า ความขัดข้องดังกล่าว เป็นความขัดข้องที่ทางฝ่ายสนช. พลาดกันเอง จุดนี้มันก็อาจทำให้ สนช.หลายคน อาจเร่งกำหนดวันแถลงเปิดสำนวนให้เร็วขึ้นระดับหนึ่ง แต่ก็คงไม่ถึงกับการเร่งรัดมาก เพราะหากไปเร่งมาก ก็จะกลายเป็นการเปิดช่องให้พวกทนายหน้าหอของยิ่งลักษณ์ และตัวฝ่ายพรรคเพื่อไทย เอาไปดิสเครดิตได้ว่า สนช.เร่งรัดเร่งรีบจะพิจารณาถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ให้ได้
**ยังไงก็ตาม ดูจากกรอบเวลาทั้งหมด แม้สนช.จะดีเลย์เลื่อนพิจารณาคดียิ่งลักษณ์ออกไป แต่บทสรุปสุดท้าย นัดหมายวันลงมติ “จะถอดถอน หรือไม่ถอดถอน” ที่ต่อให้ช้ายังไง แต่ก็จะไม่เกิน 45 วัน นับจากวันที่ 28 พ.ย. นั่นก็หมายถึง นัดหมายลงมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในคดียิ่งลักษณ์ ก็ไม่เกินสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม แน่นอน
การได้มีเวลาเพิ่มขึ้นจากเดิมออกมาอีก 16 วัน ก็น่าจะทำให้ฝ่ายทนายความ และทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้มีเวลาไปกำหนดแท็กติกสู้คดีมากขึ้น
ปมนี้ วิเคราะห์แล้ว เชื่อได้ว่า หนึ่งในความต้องการของทีมทนายความยิ่งลักษณ์ ที่วางแผนสู้คดีไว้ก็คือ ขอลุ้นให้วันลงมติคดีนี้ในชั้นสนช. เกิดขึ้นหลัง มีข้อยุติระหว่าง คณะกรรมการป.ป.ช. กับอัยการสูงสุด ที่ตอนนี้งัดข้อกันอยู่ในการพิจารณาว่า จะสั่งฟ้องยิ่งลักษณ์ในคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ในกรณีโครงการรับจำนำข้าวเหมือนกันหรือไม่ ซึ่งฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย คงประเมินไว้ว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่ อัยการกับป.ป.ช. จะแยกทางกันเดิน
ด้วยเหตุผลอัยการสูงสุดเห็นว่า สำนวนคดีไม่สมบูรณ์ ทำให้ป.ป.ช. ต้องไปยื่นฟ้องต่อศาลฏีกาฯเอง หากมันเกิดขึ้นจริง มันก็จะเข้าทางทนายความยิ่งลักษณ์ ที่จะได้เอาประเด็นนี้มาใช้เป็นประเด็นหลักประเด็นหนึ่งในการยกไปเป็นปมสู้คดีถอดถอนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการนำไปเขียนไว้ในคำแถลง "ปิดสำนวนด้วยวาจา" ให้กับยิ่งลักษณ์เอาไปอ่าน กลางที่ประชุม สนช. เพื่อพยายามจะบอกว่า เห็นไหม คดีนี้ ขนาดคดีอาญาที่มีโทษร้ายแรงถึงขั้นจำคุก อัยการสูงสุดยังเห็นแล้วว่า ไม่สามารถเอาผิดสั่งฟ้องได้ แล้วคดีถอดถอนที่เป็นโทษซึ่งเบากว่าคดีอาญา ซึ่ง ป.ป.ช.แยกส่งมาต่างหาก สนช.จะมาลงมติถอดถอน เพื่อให้เว้นวรรคการเมืองห้าปีได้อย่างไร ควรจะลงมติไม่ถอดถอนเท่านั้น
ซึ่งดูแล้ว มีความเป็นไปได้ ที่อาจรู้ผลว่า อัยการจะสั่งฟ้อง หรือสุดท้ายป.ป.ช. ต้องไปฟ้องเอง ได้ก่อนวันแถลงปิดสำนวน หรือวันลงมติของสนช. ก็เป็นได้ เพราะคณะทำงานเอาผิดยิ่งลักษณ์ในคดีอาญาของฝ่ายสำนักงานเลขาธิการ ป.ป.ช.ก็บอกไว้แล้วว่า จะให้โอกาสในการประชุมสองฝ่าย คืออัยการกับป.ป.ช.อีกแค่นัดเดียวเท่านั้น หากยังหาข้อสรุปไม่ได้ ป.ป.ช.ก็อาจไม่รออีกแล้ว จะขอดึงสำนวนกลับไปฟ้องเอง ที่ก็ไม่รู้ว่า ป.ป.ช. จะทำตามอย่างที่พูดจริงไหม
**กระนั้นที่ยังเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ก็คือ ยังไม่มีใครรู้แม้แต่ป.ป.ช. ว่าจะนัดประชุมร่วมสองฝ่ายกันวันไหน ซึ่งมันก็ส่งผลต่อการวางแผนสู้คดีของทนายความยิ่งลักษณ์ เช่นกัน เพราะทำให้การกำหนดแผนรับมือให้กับยิ่งลักษณ์ ทั้งคดีอาญา และคดีถอดถอน ก็ชะงักตามไปด้วย
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า ตอนนี้ถือว่าเข้าสู่ช่วงการ ชิงไหวชิงพริบ การวางแผนสู้คดีกันแล้วของฝ่ายยิ่งลักษณ์ และทีมทนายความ กับทางป.ป.ช.ในคดีอาญา และกับสนช.กลุ่มที่ต้องการถอดถอนยิ่งลักษณ์ เป็นการวางแผนกันแบบใครพลาดนิดเดียว ก็เปิดช่องให้อีกฝ่ายกุมได้แต้มเหนือทันที อย่างที่เห็นมาแล้วกับการที่ สนช. ต้องเลื่อนการพิจารณาคดียิ่งลักษณ์ออกไปจากเดิมถึง 16 วัน เพราะเรื่องขั้นตอนการส่งเอกสาร
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสุดท้าย จะมีความพยายามยื้อกันอย่างไร สุดท้าย มันก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการสู้คดีกันตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญา หรือคดีถอดถอน ยังไงทุกคนก็ต้องได้เห็น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร –สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ –นิคม ไวยรัชพานิช เข้าสู่กระบวนการถอดถอนอยู่ดี แม้ต่อให้จะไม่ไปชี้แจงด้วยตัวเองต่อที่ประชุม สนช. โดยส่งตัวแทนไป แต่ขั้นตอนทุกอย่างก็ต้องเดินหน้าต่อไปตามกฎหมาย ตามที่รธน. ฉบับชั่วคราวปี 57 –พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 และข้อบังคับการประชุม สนช. 57 เขียนรับรองการใช้อำนาจถอดถอนของป.ป.ช. และสนช.ไว้
**ส่วนผลการลงมติจะออกมาแบบไหน ก็ค่อยมาว่ากันอีกที ว่าสนช.จะได้ก้อนอิฐ หรือดอกไม้ เมื่อมีการขานเสียงคะแนนโหวตออกมา

……โปรย---

ปมนี้ วิเคราะห์แล้ว เชื่อได้ว่า หนึ่งในความต้องการของทีมทนายความยิ่งลักษณ์ ที่วางแผนสู้คดีไว้ก็คือขอลุ้นให้วันลงมติคดีนี้ในชั้นสนช.เกิดขึ้นหลัง มีข้อยุติระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. กับอัยการ ที่ตอนนี้งัดข้อกันอยู่ในการพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องยิ่งลักษณ์ในคดีอาญาต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาฯในกรณีโครงการรับจำนำข้าวเหมือนกันหรือไม่ ซึ่งฝ่ายกฎหมายเพื่อไทย คงประเมินไว้ว่ายังมีความเป็นไปได้ที่ อัยการกับป.ป.ช.จะแยกทางกันเดิน
กำลังโหลดความคิดเห็น