ชาวบ้านได้รับรู้ความคึกคักขององค์กรต่างๆ เช่น สภานิติบัญญัติ สภาปฏิรูป ป.ป.ช.เจรจากับตัวแทนสำนักงานอัยการสูงสุดเรื่องคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว รวมทั้งสารพัดโครงการขนาดใหญ่ซึ่งรัฐบาลจัดงบลงทุนหลายแสนล้านบาท
ดูเผินๆ แล้วน่าจะเป็นข่าวดี แนวโน้มว่าชีวิตของคนในบ้านเมืองนี้จะฟื้นตัวจากความเสื่อมโทรมจากการเมืองสามานย์ เต็มไปด้วยการคดโกง ละเมิดกฎหมายทำให้ระบบนิติรัฐ นิติธรรมอยู่ในสภาวะเสื่อม ไร้ความน่าเชื่อถือ
นั่นเป็นเพียงภาพมิติเดียว ข่าวร้ายยังมีต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาวะแสนสาหัสเมื่อมีทั้งเงินเฟ้อและเงินฝืด พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยทำมาหากินไม่คล่อง ไม่มีลูกค้า ต้องเลิกรากิจการไปเยอะ คนรายได้น้อยต้องอกไหม้ไส้ขม
รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเงินแจกให้ชาวนา ชาวสวนยางพารา รวมทั้งการช่วยเหลือภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งประสบภาวะลำบากแสนเข็ญ คงเป็นเพียงการบรรเทาทุเลาปัญหา จะหวังให้ลืมตาอ้าปากได้ คงยากเย็นแน่
เอาเถอะ เศรษฐกิจยามขาลงมีปัญหาเกือบทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป แม้แต่จีนก็ยังลำบากที่จะประคองตัวให้พ้นจากแรงกดดันรอบด้าน อินเดียอยู่ในสภาพไม่ต่างกันนัก และญี่ปุ่นซึ่งยังคงติดอยู่ในกับดักของเศรษฐกิจซบเซา
เรามีปัญหาจากองค์ประกอบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวเมื่อการประกาศกฎอัยการศึกทำให้นักท่องเที่ยวฝรั่งหายหน้าหายตา โรงแรมห้าดาวไม่มีลูกค้าชั้นดีเข้าพักเพราะคำว่ากฎอัยการศึกสร้างภาพลบอย่างมาก
รัฐบาลก็รู้ปัญหานี้ดี แต่ยังไม่สามารถยกเลิกกฎอัยการศึกได้ตามที่มีเสียงเรียกร้อง ติดในกับดักตัวเอง ไม่ใช่เพราะปัญหาคลื่นใต้น้ำ การกระเพื่อม หรือมีกลุ่มก่อกวนสร้างปัญหาความมั่นคง แต่เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่างหาก
เป็นประเด็นว่า “ใคร” เป็นผู้มีอำนาจประกาศหรือยกเลิกกฎอัยการศึก เรื่องนี้ทำให้รัฐบาลยังกลืนไม่เข้า คายไม่ออก อยู่ในสภาพทุลักทุเลยิ่งนัก ถ้าเกิดเคราะห์หามยามร้าย มีใครหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาถามไถ่อย่างจริงจัง น่าจะทำให้รัฐบาลเผชิญปัญหาด้านกฎหมาย ผู้มีอำนาจจะลำบากในการเดินหน้า
นั่นเป็นความเสี่ยงที่ผู้มีอำนาจต้องยอมรับสภาพ แล้วแต่จังหวะ บุญเก่า กรรมใหม่ เจตนาแท้จริงต่อบ้านเมือง ความตั้งใจจะแก้ปัญหาหรือสร้างฐานอำนาจใหม่เพื่อการควบคุมรัฐบาลโดยหวังผลประโยชน์สำหรับพวกพ้อง
เห็นแนวโน้มพฤติกรรมของ สนช. และ สปช.แล้ว ชาวบ้านซึ่งรับรู้เหตุการณ์บ้านเมืองมาโดยตลอดคงบอกตัวเองได้ว่า “หวังอะไรได้ยากจริงๆ” โดยเฉพาะพิธีกรรมถอดถอนนักการเมือง การปฏิรูปโดยร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ความหวังว่า สนช.จะกล้าหาญถอดถอนนักการเมืองพฤติกรรมฉาว คงไม่มีเหลือ เมื่อเห็นจำนวนเสียงแค่ 87 เสียงรับเรื่องวาระถอดถอน ยังห่างไกลจาก 132 เสียงจำเป็นสำหรับการถอดถอนให้สำเร็จ เพราะมีคนไม่เต็มใจเยอะ
ชาวบ้านคงไม่หวังว่า สนช.จะทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะการรับเรื่องปฏิรูปจาก สปช.เมื่อโครงสร้างของสมาชิก สนช.ชี้ให้เห็นได้ชัดว่ามีแต่กลุ่มของเจ้าหน้าที่ ข้าราชการประจำ ง่ายต่อการถูกชี้นำ ควบคุมเสียงโดยวิป
เอาแค่เห็นคนมีพฤติกรรมชั่วร้าย มีประจักษ์พยานชัดเจน ถ่ายทอดสดออกอากาศยังไม่ทำให้ สนช.บางพวกรู้สึกว่าเป็นความอัปยศ ย่ำยีความดีงามในบ้านเมือง สมควรถูกห้ามไม่ให้เข้ามามีส่วนในกิจกรรมการเมืองตลอดชีวิต
แล้วชาวบ้านจะกล้าหวังให้ท่านผู้ทรงเกียรติทำอะไรสำคัญกว่า ซึ่งต้องอาศัยจิตวิญญาณความรักชาติเพื่อจัดการนักการเมืองชั่วร้าย มีเครือข่ายกว้างขวาง ขุมกำลังของกลุ่มเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอิทธิพลมายาวนานในองค์กรต่างๆ ในกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นปัญหารุนแรงของความล้มเหลวในระบบนิติรัฐ
เห็นโครงสร้างของ สนช.ช่วงแรกนึกว่าจะเป็นองค์กรฝักถั่ว รับคำสั่งให้ซ้ายหันขวาหันได้ตามใจผู้กุมอำนาจรัฐ แต่ผลงานเป็นที่ประจักษ์คือการถดถอยของระดับความกล้าหาญ มีทั้งผละละทิ้งหน้าที่ วางเฉยไม่มีความเห็น
น่าจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณจากเงินภาษีของชาวบ้านโดยแท้! บางบทบาทน่าจะเป็นสภาตรายางประทับรับรองพิธีกรรมต่างๆ ของผู้กุมอำนาจ แต่ไม่ส่งผลในด้านเป็นคุณต่อบ้านเมือง เช่น การผ่านกฎหมายสำคัญ
ความหวังที่จะเห็นกฎหมายเก็บภาษีมรดก ภาษีทรัพย์สิน ที่ดิน อย่างจริงจัง มีผลในการสร้างความเป็นธรรม จัดระเบียบการถือครองทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของประชาชนไทยน่าจะลางเลือนเพราะบรรยากาศปรองดองนั่นเอง
ยิ่งสภาปฏิรูปด้วยแล้ว ความคิดหลากหลายทำให้น่าสงสัยว่าองค์กรนี้น่าจะเป็นเพียงแหล่งระบายความคิด ความเห็น ผลงานสุดท้ายคือการร่างรัฐธรรมนูญน่าจะมีปัญหาการยอมรับโดย สนช.ทำให้เกิดความล่าช้าต่อไป
ทั้ง สนช. และ สปช.เป็นเพียงองค์กรแห่งพิธีกรรม ไร้อำนาจ ขนาด คสช.เป็นองค์กรมาจากรัฐประหารมีกฎอัยการศึกเป็นพลัง ก็ยังไม่กล้าทำอะไรกับกลุ่มผู้ได้กระทำความชั่วร้ายให้บ้านเมืองได้จนเจตนาดั้งเดิมถูกละลายสิ้น
ทุกวันนี้ยังมีความสงสัยอย่างแรงว่า “ใคร” เป็นผู้นำ มีอำนาจแท้จริง!
ดูเผินๆ แล้วน่าจะเป็นข่าวดี แนวโน้มว่าชีวิตของคนในบ้านเมืองนี้จะฟื้นตัวจากความเสื่อมโทรมจากการเมืองสามานย์ เต็มไปด้วยการคดโกง ละเมิดกฎหมายทำให้ระบบนิติรัฐ นิติธรรมอยู่ในสภาวะเสื่อม ไร้ความน่าเชื่อถือ
นั่นเป็นเพียงภาพมิติเดียว ข่าวร้ายยังมีต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาวะแสนสาหัสเมื่อมีทั้งเงินเฟ้อและเงินฝืด พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยทำมาหากินไม่คล่อง ไม่มีลูกค้า ต้องเลิกรากิจการไปเยอะ คนรายได้น้อยต้องอกไหม้ไส้ขม
รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเงินแจกให้ชาวนา ชาวสวนยางพารา รวมทั้งการช่วยเหลือภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งประสบภาวะลำบากแสนเข็ญ คงเป็นเพียงการบรรเทาทุเลาปัญหา จะหวังให้ลืมตาอ้าปากได้ คงยากเย็นแน่
เอาเถอะ เศรษฐกิจยามขาลงมีปัญหาเกือบทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป แม้แต่จีนก็ยังลำบากที่จะประคองตัวให้พ้นจากแรงกดดันรอบด้าน อินเดียอยู่ในสภาพไม่ต่างกันนัก และญี่ปุ่นซึ่งยังคงติดอยู่ในกับดักของเศรษฐกิจซบเซา
เรามีปัญหาจากองค์ประกอบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวเมื่อการประกาศกฎอัยการศึกทำให้นักท่องเที่ยวฝรั่งหายหน้าหายตา โรงแรมห้าดาวไม่มีลูกค้าชั้นดีเข้าพักเพราะคำว่ากฎอัยการศึกสร้างภาพลบอย่างมาก
รัฐบาลก็รู้ปัญหานี้ดี แต่ยังไม่สามารถยกเลิกกฎอัยการศึกได้ตามที่มีเสียงเรียกร้อง ติดในกับดักตัวเอง ไม่ใช่เพราะปัญหาคลื่นใต้น้ำ การกระเพื่อม หรือมีกลุ่มก่อกวนสร้างปัญหาความมั่นคง แต่เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่างหาก
เป็นประเด็นว่า “ใคร” เป็นผู้มีอำนาจประกาศหรือยกเลิกกฎอัยการศึก เรื่องนี้ทำให้รัฐบาลยังกลืนไม่เข้า คายไม่ออก อยู่ในสภาพทุลักทุเลยิ่งนัก ถ้าเกิดเคราะห์หามยามร้าย มีใครหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาถามไถ่อย่างจริงจัง น่าจะทำให้รัฐบาลเผชิญปัญหาด้านกฎหมาย ผู้มีอำนาจจะลำบากในการเดินหน้า
นั่นเป็นความเสี่ยงที่ผู้มีอำนาจต้องยอมรับสภาพ แล้วแต่จังหวะ บุญเก่า กรรมใหม่ เจตนาแท้จริงต่อบ้านเมือง ความตั้งใจจะแก้ปัญหาหรือสร้างฐานอำนาจใหม่เพื่อการควบคุมรัฐบาลโดยหวังผลประโยชน์สำหรับพวกพ้อง
เห็นแนวโน้มพฤติกรรมของ สนช. และ สปช.แล้ว ชาวบ้านซึ่งรับรู้เหตุการณ์บ้านเมืองมาโดยตลอดคงบอกตัวเองได้ว่า “หวังอะไรได้ยากจริงๆ” โดยเฉพาะพิธีกรรมถอดถอนนักการเมือง การปฏิรูปโดยร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ความหวังว่า สนช.จะกล้าหาญถอดถอนนักการเมืองพฤติกรรมฉาว คงไม่มีเหลือ เมื่อเห็นจำนวนเสียงแค่ 87 เสียงรับเรื่องวาระถอดถอน ยังห่างไกลจาก 132 เสียงจำเป็นสำหรับการถอดถอนให้สำเร็จ เพราะมีคนไม่เต็มใจเยอะ
ชาวบ้านคงไม่หวังว่า สนช.จะทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะการรับเรื่องปฏิรูปจาก สปช.เมื่อโครงสร้างของสมาชิก สนช.ชี้ให้เห็นได้ชัดว่ามีแต่กลุ่มของเจ้าหน้าที่ ข้าราชการประจำ ง่ายต่อการถูกชี้นำ ควบคุมเสียงโดยวิป
เอาแค่เห็นคนมีพฤติกรรมชั่วร้าย มีประจักษ์พยานชัดเจน ถ่ายทอดสดออกอากาศยังไม่ทำให้ สนช.บางพวกรู้สึกว่าเป็นความอัปยศ ย่ำยีความดีงามในบ้านเมือง สมควรถูกห้ามไม่ให้เข้ามามีส่วนในกิจกรรมการเมืองตลอดชีวิต
แล้วชาวบ้านจะกล้าหวังให้ท่านผู้ทรงเกียรติทำอะไรสำคัญกว่า ซึ่งต้องอาศัยจิตวิญญาณความรักชาติเพื่อจัดการนักการเมืองชั่วร้าย มีเครือข่ายกว้างขวาง ขุมกำลังของกลุ่มเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอิทธิพลมายาวนานในองค์กรต่างๆ ในกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นปัญหารุนแรงของความล้มเหลวในระบบนิติรัฐ
เห็นโครงสร้างของ สนช.ช่วงแรกนึกว่าจะเป็นองค์กรฝักถั่ว รับคำสั่งให้ซ้ายหันขวาหันได้ตามใจผู้กุมอำนาจรัฐ แต่ผลงานเป็นที่ประจักษ์คือการถดถอยของระดับความกล้าหาญ มีทั้งผละละทิ้งหน้าที่ วางเฉยไม่มีความเห็น
น่าจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณจากเงินภาษีของชาวบ้านโดยแท้! บางบทบาทน่าจะเป็นสภาตรายางประทับรับรองพิธีกรรมต่างๆ ของผู้กุมอำนาจ แต่ไม่ส่งผลในด้านเป็นคุณต่อบ้านเมือง เช่น การผ่านกฎหมายสำคัญ
ความหวังที่จะเห็นกฎหมายเก็บภาษีมรดก ภาษีทรัพย์สิน ที่ดิน อย่างจริงจัง มีผลในการสร้างความเป็นธรรม จัดระเบียบการถือครองทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของประชาชนไทยน่าจะลางเลือนเพราะบรรยากาศปรองดองนั่นเอง
ยิ่งสภาปฏิรูปด้วยแล้ว ความคิดหลากหลายทำให้น่าสงสัยว่าองค์กรนี้น่าจะเป็นเพียงแหล่งระบายความคิด ความเห็น ผลงานสุดท้ายคือการร่างรัฐธรรมนูญน่าจะมีปัญหาการยอมรับโดย สนช.ทำให้เกิดความล่าช้าต่อไป
ทั้ง สนช. และ สปช.เป็นเพียงองค์กรแห่งพิธีกรรม ไร้อำนาจ ขนาด คสช.เป็นองค์กรมาจากรัฐประหารมีกฎอัยการศึกเป็นพลัง ก็ยังไม่กล้าทำอะไรกับกลุ่มผู้ได้กระทำความชั่วร้ายให้บ้านเมืองได้จนเจตนาดั้งเดิมถูกละลายสิ้น
ทุกวันนี้ยังมีความสงสัยอย่างแรงว่า “ใคร” เป็นผู้นำ มีอำนาจแท้จริง!
