**สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กับการถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จอมตีกรรเชียง ละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหาย ที่ถูกบรรจุวาระพิจารณาในวันที่ 12 พ.ย.นี้ สนช.แสดงท่าทางเอาจริง ออกอาการมั่นใจจะจัดการให้เรียบร้อยโรงเรียนสนช.
แต่จะท่าดีทีเหลวเหมือนกับกรณี “ค้อนสนิม”นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ปมแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว. มิชอบหรือไม่ ต้องจ้องตาเขม็งเกลียวกันเอาไว้ เพราะคราวก่อนเจออิทธิฤทธิ์ “บิ๊กกี่”พล.อ.นพดล อินทปัญญา สมาชิก สนช. เพื่อนรักบิ๊กป้อมเตะตัดขากันเสียจนเบรกแทบแตก ไปกันไม่เป็น ต้องเอากลับไปดองเค็มอยู่พักใหญ่
เที่ยวนี้สมาชิกสนช.หลายคน ขึ้นต้นเป็นลำไผ่กันเพียบ ยืนยันฟันธงอย่างไรก็ถอนรากกระชากโคนอดีตนายกฯหญิงได้ เพราะฐานความผิดแตกต่างจาก 2 อดีตผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ ที่โดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เชือดคอด้วยฐานความผิดเดียว ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ถูกฉีกทิ้งไปแล้ว แต่ของ “ปูบาร์บี้”ดันมีชนักปักหลังอีก 2 กระทง คือ ความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ที่ยังบังคับใช้อยู่ทั้งคู่ เลยดิ้นไม่ง่ายเหมือนสองเฒ่ากระเด้าลม
ขณะเดียวกัน รอบนี้สมาชิกสนช.หลายคน ทั้งในส่วนของนักวิชาการ และอดีตส.ว.ปักหมุดกันลึก ไม่ยอมเกมล็อบบี้ของอีกฟากฝั่งเหมือนครั้งก่อน ขู่ฟ่อดังๆ ให้ได้ยินกันทั่วสนช.เลยว่า ถ้าไม่ยึดตัวบทกฎหมาย จะเอาแต่รอมชอมเพื่อปรองดองจอมปลอม ถึงคราวยุบวิปสนช.ทิ้งไป ไม่ต้องมี ไม่ต้องคุยกันแล้ว แถมยังมีข่าวว่า สนช.ก๊กจ้องเชือดนี้ยังได้แบ็กดีมาคอยเกื้อกูลให้ต่อกรกับอีกฝั่ง เป็นศึกวัดพลังกันระหว่างผู้มีบารมีทั้งสองฝ่าย หมู่หรือจ่า เดี๋ยวรู้เรื่อง
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาหัวหรือก้อย ปมถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นหัวเชื้อติดไฟง่ายแน่ๆ ตามคิวที่ นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. ออกมาดักคอขู่กลางกฎอัยการศึก ถ้าโปรเจกต์ถอดถอนน้องสาวนักโทษชายเข้าอีหรอบเหมือนสองประธานเฒ่า เจอม็อบแน่ ขณะที่ก๊วนเสื้อแดงก็คำรามส่งสัญญาณกันทุกวัน ถ้านายหญิงโดนกำจัดทางการเมือง อย่างไรก็ไม่มีวันปรองดองได้ เลยกลายเป็นงานหนักที่ผู้มีอำนาจต้องตัดสินใจบนทางสามแพร่ง
**เป็นแพร่งที่เดินทางไหนก็เสี่ยง แต่ก็เป็นช้อยส์บังคับให้เลือกว่า “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกปรองดองแบบไหน ระหว่างวิธีปรองดองโดยยกประโยชน์ให้จำเลย กับปรองดองโดยยึดความถูกต้องเป็นที่ตั้ง งานนี้ไม่มีตรงกลาง ไม่มีวิน–วิน ยุคปฏิรูปถ้าทำครึ่งๆ กลางๆ ไม่สุดซอยจะมานั่งน้ำตาตกในตอนท้ายว่า ทำไมตอนมีโอกาสถึงไม่ทำ
ครั้นจะลงมือทำก็ไม่ใช่สะเปะสะปะ ลุยดะจะฆ่ากันให้ตายลูกเดียวแบบไม่ละเอียดรอบคอบ เพราะเชื่อขนมรับประทานรอได้ ถ้าทำกันแบบป้ำๆ เป๋อๆ มีรูโหว่ให้ฝั่งตรงข้ามเห็นช่องเอาไปประโคมโหมข่าวว่าถูกจองล้างจองผลาญ ไม่ได้เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม สองมาตรฐาน จะซ้ำรอย น.ช.ทักษิณทันที ยิ่งลักษณ์จะมีแต่คนสงสารและกองเชียร์เพิ่มขึ้นอีกเพียบ งานนี้เลยต้องทำให้เนียน เถียงไม่ได้
ปมถอดถอนเป็นเหมือนดาบสองคม ทำดีฝั่งตรงข้ามจะยิ่งอ่อนแอ แต่ถ้าทำแย่ จะยิ่งเป็นการเพิ่มพลัง ดังนั้นทุกอย่างต้องว่ากันด้วยเหตุผลกฎหมาย ต้องป้องกันพวกศรีธนญชัยออกมาตีกินหาความชอบธรรมอยู่ข้างนอก อย่าให้ใครมองว่า เป็นการถอดถอนเพราะเกมการเมืองของอีกฝั่งที่ต้องการทำลายขุนอย่าง ตระกูลชินวัตร แต่ว่ากันไปตามกติกาประเทศที่ทุกคนต้องอยู่บนบรรทัดฐานเดียว คนชั่วห้ามลอยนวล
จะว่ากันจริงๆ แล้ว ปมถลกหนังยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอากลับไปหารือกันให้รอบคอบก่อนก็ยังได้ เพราะทุกวันนี้ก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด ชะตากรรมอยู่ในมือผู้มีอำนาจ กลไกทุกอย่างมีพร้อมอยู่แล้ว เรื่องเสียง ยิ่งไม่ต้องกังวล จะให้ออกมาแบบท่วมท้น 220 ต่อ 0 ยังได้เลย หากมีสัญญาณไฟเขียวลงมา
แต่หากทำตอนนี้ แม้จะมีเหตุผลเป็นกฎหมายสวยหรูแค่ไหน อย่างไรก็ยังมีช่องอยู่ดี เพราะพวกศรีธนญชัยฝั่ง น.ช.ทักษิณ ก็แบไต๋ข้อต่อสู้มาให้เห็นแล้วว่า ยังหากินกับคดีอาญาในเรื่องเดียวกันได้อยู่ ซึ่งตราบใดที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยังไม่ได้ส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง เรื่องการถอดถอนจะไม่ได้รับความชอบธรรมโดยร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้ในทางกฎหมายจะไม่เกี่ยวข้องกันก็ตาม
**ซึ่งถ้าจะเอาแบบเนียนตา ไร้ข้อกังขา และหมดจด เรื่องการถอดถอน มันควรจะจ่อตูดหลัง อสส.หรือ ป.ป.ช. มีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้วจะดีกว่า เพื่อไม่ให้จอมแถดิ้นพลั่ดๆ เหมือนปลาช่อนโดนทุบได้ แล้วแรงเสียดทานที่บรรดาก๊วนเสื้อแดงจะปลุกระดม ก็เบาบางลง ไม่เข้มข้นเท่าไหร่ อยู่ในระดับที่คสช.เอาอยู่
ดังนั้น สนช.บางส่วนจึงไม่จำเป็นต้องกระเหี้ยนกระหือรือกันมากมาย อย่าสักแต่ว่าจะฆ่ากันลูกเดียว หากยังอยู่กรอบเดิมๆ จะไม่มีวันตามทักษิณได้ทัน
อย่าคิดว่าศัตรูตายสนิท ไม่มีอะไรต่อกร เพราะปัจจุบันก็แค่กลั้นลมหายใจ แกล้งตายเท่านั้น ยังรอวันกระทืบเมื่อคสช.พลาดกันอยู่ จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมามีความพยายามปลุกกระแสกันอยู่ตลอดเวลา ในลักษณะของคลื่นใต้น้ำ สุมสถานการณ์ให้มันค่อยๆ อุ่นขึ้นเรื่อยๆ ตามคิวที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และน.ช.ทักษิณพี่ชายขยันโพสต์รูปเที่ยวต่างแดนกันสบายใจเฉิบ เย้ยคสช.
ไม่ใช่แค่รูปพี่น้องพบหน้าแล้วถ่ายกันมาแชร์ให้แฟนคลับเห็น โดยอารมณ์โพสต์กันถี่ยิบ จงใจให้เห็นพี่ชายกับน้องสาว ที่โดนเขี่ยตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะฤทธิ์รัฐประหารยังอยู่ดีมีสุข ไม่ได้ง่อยเปลี้ยจนทำอะไรไม่ได้ จนยึดหน้าสื่อแย่งซีนรัฐบาลไปได้หลายวัน
แล้วยังเป็นการเช็กเรตติ้งเลี้ยงกระแสให้เห็นว่า มวลชนที่สนับสนุนยังมีจำนวนมหาศาล หากรัฐบาลทำอะไรผลีผลาม ย่อมสุ่มเสี่ยงจะเกิดม็อบลุกลามบานปลาย ซึ่งเป็นการล้อกระแสพอดิบพอดีกับสนช. ที่มีคิวบรรจุสำนวนถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณกันให้เห็นชัดๆว่า ไม่ยอมจนมุมง่ายๆ แถมยังต่อรองกันสุดลิ่ม
**อีกฝั่งยังมีเกมมวลชนเป็นเครื่องมือต่อรอง ฝ่ายผู้มีอำนาจต้องคิดหนัก สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ !!!
แต่จะท่าดีทีเหลวเหมือนกับกรณี “ค้อนสนิม”นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ปมแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว. มิชอบหรือไม่ ต้องจ้องตาเขม็งเกลียวกันเอาไว้ เพราะคราวก่อนเจออิทธิฤทธิ์ “บิ๊กกี่”พล.อ.นพดล อินทปัญญา สมาชิก สนช. เพื่อนรักบิ๊กป้อมเตะตัดขากันเสียจนเบรกแทบแตก ไปกันไม่เป็น ต้องเอากลับไปดองเค็มอยู่พักใหญ่
เที่ยวนี้สมาชิกสนช.หลายคน ขึ้นต้นเป็นลำไผ่กันเพียบ ยืนยันฟันธงอย่างไรก็ถอนรากกระชากโคนอดีตนายกฯหญิงได้ เพราะฐานความผิดแตกต่างจาก 2 อดีตผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ ที่โดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เชือดคอด้วยฐานความผิดเดียว ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ถูกฉีกทิ้งไปแล้ว แต่ของ “ปูบาร์บี้”ดันมีชนักปักหลังอีก 2 กระทง คือ ความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ที่ยังบังคับใช้อยู่ทั้งคู่ เลยดิ้นไม่ง่ายเหมือนสองเฒ่ากระเด้าลม
ขณะเดียวกัน รอบนี้สมาชิกสนช.หลายคน ทั้งในส่วนของนักวิชาการ และอดีตส.ว.ปักหมุดกันลึก ไม่ยอมเกมล็อบบี้ของอีกฟากฝั่งเหมือนครั้งก่อน ขู่ฟ่อดังๆ ให้ได้ยินกันทั่วสนช.เลยว่า ถ้าไม่ยึดตัวบทกฎหมาย จะเอาแต่รอมชอมเพื่อปรองดองจอมปลอม ถึงคราวยุบวิปสนช.ทิ้งไป ไม่ต้องมี ไม่ต้องคุยกันแล้ว แถมยังมีข่าวว่า สนช.ก๊กจ้องเชือดนี้ยังได้แบ็กดีมาคอยเกื้อกูลให้ต่อกรกับอีกฝั่ง เป็นศึกวัดพลังกันระหว่างผู้มีบารมีทั้งสองฝ่าย หมู่หรือจ่า เดี๋ยวรู้เรื่อง
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาหัวหรือก้อย ปมถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นหัวเชื้อติดไฟง่ายแน่ๆ ตามคิวที่ นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. ออกมาดักคอขู่กลางกฎอัยการศึก ถ้าโปรเจกต์ถอดถอนน้องสาวนักโทษชายเข้าอีหรอบเหมือนสองประธานเฒ่า เจอม็อบแน่ ขณะที่ก๊วนเสื้อแดงก็คำรามส่งสัญญาณกันทุกวัน ถ้านายหญิงโดนกำจัดทางการเมือง อย่างไรก็ไม่มีวันปรองดองได้ เลยกลายเป็นงานหนักที่ผู้มีอำนาจต้องตัดสินใจบนทางสามแพร่ง
**เป็นแพร่งที่เดินทางไหนก็เสี่ยง แต่ก็เป็นช้อยส์บังคับให้เลือกว่า “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกปรองดองแบบไหน ระหว่างวิธีปรองดองโดยยกประโยชน์ให้จำเลย กับปรองดองโดยยึดความถูกต้องเป็นที่ตั้ง งานนี้ไม่มีตรงกลาง ไม่มีวิน–วิน ยุคปฏิรูปถ้าทำครึ่งๆ กลางๆ ไม่สุดซอยจะมานั่งน้ำตาตกในตอนท้ายว่า ทำไมตอนมีโอกาสถึงไม่ทำ
ครั้นจะลงมือทำก็ไม่ใช่สะเปะสะปะ ลุยดะจะฆ่ากันให้ตายลูกเดียวแบบไม่ละเอียดรอบคอบ เพราะเชื่อขนมรับประทานรอได้ ถ้าทำกันแบบป้ำๆ เป๋อๆ มีรูโหว่ให้ฝั่งตรงข้ามเห็นช่องเอาไปประโคมโหมข่าวว่าถูกจองล้างจองผลาญ ไม่ได้เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม สองมาตรฐาน จะซ้ำรอย น.ช.ทักษิณทันที ยิ่งลักษณ์จะมีแต่คนสงสารและกองเชียร์เพิ่มขึ้นอีกเพียบ งานนี้เลยต้องทำให้เนียน เถียงไม่ได้
ปมถอดถอนเป็นเหมือนดาบสองคม ทำดีฝั่งตรงข้ามจะยิ่งอ่อนแอ แต่ถ้าทำแย่ จะยิ่งเป็นการเพิ่มพลัง ดังนั้นทุกอย่างต้องว่ากันด้วยเหตุผลกฎหมาย ต้องป้องกันพวกศรีธนญชัยออกมาตีกินหาความชอบธรรมอยู่ข้างนอก อย่าให้ใครมองว่า เป็นการถอดถอนเพราะเกมการเมืองของอีกฝั่งที่ต้องการทำลายขุนอย่าง ตระกูลชินวัตร แต่ว่ากันไปตามกติกาประเทศที่ทุกคนต้องอยู่บนบรรทัดฐานเดียว คนชั่วห้ามลอยนวล
จะว่ากันจริงๆ แล้ว ปมถลกหนังยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอากลับไปหารือกันให้รอบคอบก่อนก็ยังได้ เพราะทุกวันนี้ก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด ชะตากรรมอยู่ในมือผู้มีอำนาจ กลไกทุกอย่างมีพร้อมอยู่แล้ว เรื่องเสียง ยิ่งไม่ต้องกังวล จะให้ออกมาแบบท่วมท้น 220 ต่อ 0 ยังได้เลย หากมีสัญญาณไฟเขียวลงมา
แต่หากทำตอนนี้ แม้จะมีเหตุผลเป็นกฎหมายสวยหรูแค่ไหน อย่างไรก็ยังมีช่องอยู่ดี เพราะพวกศรีธนญชัยฝั่ง น.ช.ทักษิณ ก็แบไต๋ข้อต่อสู้มาให้เห็นแล้วว่า ยังหากินกับคดีอาญาในเรื่องเดียวกันได้อยู่ ซึ่งตราบใดที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยังไม่ได้ส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง เรื่องการถอดถอนจะไม่ได้รับความชอบธรรมโดยร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้ในทางกฎหมายจะไม่เกี่ยวข้องกันก็ตาม
**ซึ่งถ้าจะเอาแบบเนียนตา ไร้ข้อกังขา และหมดจด เรื่องการถอดถอน มันควรจะจ่อตูดหลัง อสส.หรือ ป.ป.ช. มีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้วจะดีกว่า เพื่อไม่ให้จอมแถดิ้นพลั่ดๆ เหมือนปลาช่อนโดนทุบได้ แล้วแรงเสียดทานที่บรรดาก๊วนเสื้อแดงจะปลุกระดม ก็เบาบางลง ไม่เข้มข้นเท่าไหร่ อยู่ในระดับที่คสช.เอาอยู่
ดังนั้น สนช.บางส่วนจึงไม่จำเป็นต้องกระเหี้ยนกระหือรือกันมากมาย อย่าสักแต่ว่าจะฆ่ากันลูกเดียว หากยังอยู่กรอบเดิมๆ จะไม่มีวันตามทักษิณได้ทัน
อย่าคิดว่าศัตรูตายสนิท ไม่มีอะไรต่อกร เพราะปัจจุบันก็แค่กลั้นลมหายใจ แกล้งตายเท่านั้น ยังรอวันกระทืบเมื่อคสช.พลาดกันอยู่ จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมามีความพยายามปลุกกระแสกันอยู่ตลอดเวลา ในลักษณะของคลื่นใต้น้ำ สุมสถานการณ์ให้มันค่อยๆ อุ่นขึ้นเรื่อยๆ ตามคิวที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และน.ช.ทักษิณพี่ชายขยันโพสต์รูปเที่ยวต่างแดนกันสบายใจเฉิบ เย้ยคสช.
ไม่ใช่แค่รูปพี่น้องพบหน้าแล้วถ่ายกันมาแชร์ให้แฟนคลับเห็น โดยอารมณ์โพสต์กันถี่ยิบ จงใจให้เห็นพี่ชายกับน้องสาว ที่โดนเขี่ยตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะฤทธิ์รัฐประหารยังอยู่ดีมีสุข ไม่ได้ง่อยเปลี้ยจนทำอะไรไม่ได้ จนยึดหน้าสื่อแย่งซีนรัฐบาลไปได้หลายวัน
แล้วยังเป็นการเช็กเรตติ้งเลี้ยงกระแสให้เห็นว่า มวลชนที่สนับสนุนยังมีจำนวนมหาศาล หากรัฐบาลทำอะไรผลีผลาม ย่อมสุ่มเสี่ยงจะเกิดม็อบลุกลามบานปลาย ซึ่งเป็นการล้อกระแสพอดิบพอดีกับสนช. ที่มีคิวบรรจุสำนวนถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณกันให้เห็นชัดๆว่า ไม่ยอมจนมุมง่ายๆ แถมยังต่อรองกันสุดลิ่ม
**อีกฝั่งยังมีเกมมวลชนเป็นเครื่องมือต่อรอง ฝ่ายผู้มีอำนาจต้องคิดหนัก สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ !!!