ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เป็นภาพข่าวความเคลื่อนไหวตลอดต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ อดีตนายกฯ “นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร”ที่ยังเร่ร่อนอยู่ต่างแดน เดินทางไปท่องเที่ยวกับน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”อดีตนายกฯ จอมตีกรรเชียง ที่พาลูกชายไปด้วย
ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นมุกเก่า กระบวนท่าเดิม ปั่นข่าวเลี้ยงกระแส ยิ่งช่วงหลังยิ่งเห็นชัดถึงการจัดฉากสปินข่าว ยิ่งลักษณ์ไปโน่นมานี่ ออกแอ๊คชั่นลีลา ท่าทาง จนดูจงใจไร้จริต
สองอดีตนายกฯ อยู่พร้อมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ย่อมเป็นข่าวไม่มากก็น้อย แต่คะเนได้ว่ามาก พรรคพวก สมุน ขี้ข้า เห็นแล้วก็ใจชื้น เจ้านายสบายกายสบายใจ ยังเตรียมพร้อมสู้รบปรบมือกันใหม่ถ้าโอกาสเปิด ซึ่งก็มีการส่งสัญญาณกันให้รับรู้เป็นระยะๆ ว่าเอาแน่ ไม่หนี ไม่ถอย ไม่ถอดใจ
“นช.ทักษิณ”อยู่ต่างแดนมากี่ปีแล้ว ยังทำใจยอมรับได้ยาก ต้องการจะกลับบ้านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ฉะนั้นแรงขับดันฟันฝ่าต่อสู้ให้ตัวเองกลับมายังมีอยู่เต็มเปี่ยม อยู่ที่ว่าจะพลิกแพลงกระบวนท่าไปอย่างไรเท่านั้น
ชั่วโมงนี้ “นช.แม้ว”ใช้วิชาตัวเบา โฉบไปโฉบมาในประเทศแถบเอเชีย บินฉวัดเฉวียนปั่นประสาท คสช. เคลื่อนไหวไร้ร่องรอย ใช้เครื่องบินส่วนตัว ผลุบนั่นที โผล่นี่ที แต่ไม่มีเสียงเอะอะมะเทิ่ง ไม่มีวลีเด็ดออกมาสร้างประเด็นข่าว
สงบสยบเคลื่อนไหว กำลังภายในก่อเกิดคลื่นใต้น้ำ !!!
ด้วยหวังใจว่า คสช.จะทำทุกอย่างพังคามือ ประเมินอย่างยิ้มเยาะว่า ไปไม่รอด ไปไม่เป็นหรอก สั่งเครือข่ายลิ่วล้อหยุดสอพลอ สงบปากห่ามห้าว อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์คสช.มาก "เดี๋ยวเขาไปไม่รอด จะโทษเราเป็นต้นเหตุ" เหล่าสมุนกระดิกหัว กระดิกหู รับทราบครับเจ้านายยย... แยกย้ายไปเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย เยี่ยงสามัญชน
ความเคลื่อนไหวของ “นช.ทักษิณ”ยังเคลื่อนอยู่ในลักษณะนี้ ตั้งแต่หลังคสช.ยึดอำนาจ กำลังรอดูจังหวะรุกคืบ หากมีโอกาสและจำเป็นต้องออกหมัด สั่งมวลชนโดยเฉพาะคนเสื้อแดง เตรียมพร้อมในรูปแบบอื่นๆ แปรรูปจากคนเสื้อแดงเป็นมวลชนกลุ่มใหม่ๆ อุปโลกน์เป็นชนชั้นกลาง ชนชั้นกรรมาชีพ สร้างกระแสโหมทำลาย คสช. เมื่อถึงเวลาอันควร ซึ่งทางคสช. ที่มีหน่วยข่าวอยู่เต็มประเทศ รู้เขารู้เรา ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ คงอัยการศึก กดเอาไว้แน่นไม่มีแนวคิดผ่อนคลาย
กระนั้นก็ดี ดูเหมือนว่าระหว่าง “นช.แม้ว”กับ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ผู้กุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในประเทศไทยยามนี้ มีอะไรที่น่าสนใจซ่อนอยู่ คนคู่นี้ไม่ได้เกลียดกันแบบจ้องกินเลือดเนื้อ หนำซ้ำยังดูเข้ากันได้ดีมากกว่า
แนวทางการเจรจาแบบลับของ“นช.ทักษิณ”กับผู้มีอำนาจยังคงมีอยู่ตลอด ไม่นานมานี้ “บิ๊กทหาร”บางคนที่เป็นรัฐมนตรีอยู่ขณะนี้ ก็บินไปพบกันมาแล้ว ไม่รู้ว่ามีการพูดคุยวางแลนด์มาร์คไว้แค่ไหน "บิ๊กตู่" ส่งซิกอะไรไว้หรือไม่ อดีตนายกฯนักโทษจอมฉุนเฉียว ถึงได้เงียบสงัด ราวกับวัดในป่าช้า
ล่าสุดฟังเสียงสัมภาษณ์นายกฯประยุทธ์ แล้วแปร่งๆ เหมือนกับจะแผ้วทางให้ นช.กลับประเทศมาสู้คดีแบบสวยๆ จบกันแบบแฮปปี้เอนดิ้งเสียอย่างนั้น มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ โอว...พระเจ้า ไม่นะ !!!
เรื่องอดีตนักโทษทักษิณกับยุทธศาสตร์เคลื่อนไหวด้วยกระบวนท่าวิชาตัวเบา ถือเป็นแฟกเตอร์การเมืองที่น่าสนใจ และต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่เรื่องที่น่าสนใจ และน่าสนุกกว่า เห็นจะเป็นข่าวคราวฉาวโฉ่ การแต่งตั้งที่ปรึกษาของ“พีระพงษ์ มานะกิจ”กรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ภายหลังเกิดความขัดแย้งกับที่ปรึกษาคนเก่า “พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล”ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานนี้ ก็ไม่อยากจะทนเหม็นขี้หน้ากันอีกต่อไป จัดการปลดออกไปในที่สุด แต่ที่ฮือฮาท้าทายกระแสสังคมอย่างบ้าคลั่ง นั่นคือ การแต่งตั้ง “นางจรรยา สว่างจิตร”ภรรยานอกสมรส เข้ามารับตำแหน่งที่ปรึกษาคนใหม่ กินเงินเดือนอัตรา 100,000 บาท
แต่ไม่รู้ว่าเพราะทนแรงเสียดทานไม่ไหว หรือเพิ่งนึกออกคิดได้ถึงความไม่เหมาะสม จึงเอวังล้มโต๊ะ ออกคำสั่งยกเลิก หลังการแต่งตั้งผ่านไป 6 วัน
เหตุผลที่ “พีรพงษ์” เอ่ยอ้างในการแต่งตั้งเมียนอกสมรสของตัวเองเข้ามา ฟังแล้วเบสิกๆ หรือพื้นๆ ไม่ได้หน่วงนำให้สังคมเห็นด้วยช่วยเชียร์ มีแต่คนนินทาหมาดูถูก สังคมออนไลน์ด่ากันเช็ดเม็ด อ่านแล้วสะดุ้งโหยง แรกๆ ก็ยื้อไปยื้อมา จะตั้งให้ได้ท่าเดียว
ความจริงแล้วคุณสมบัติของ “จรรยา”นั้นไม่ผ่านควอลิฟายด์ เรื่องความเหมาะสมยิ่งไปกันใหญ่ แต่ดูเหมือนว่า “ท่านดอกเตอร์พีรพงษ์”จะลุ่มหลงภรรยานอกสมรสคนนี้เสียเหลือเกิน
หากสืบค้นลงลึกไปถึงปูมหลังประวัติความเป็นมาของการเป็นสามีภรรยานอกสมรสของคนคู่นี้ บอกได้คำเดียวว่า "สะท้านสะเทือน" ก่อนหน้านี้ “จรรยา”เป็นภรรยาของ “พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร”อดีตนายทหารกลุ่มยังเติร์กผู้ล่วงลับ จากการยิงตัวตาย การมารักกับ“พล.ท.พีรพงษ์”ได้อย่างไรนั้น เรื่องนี้ต้องไปถาม "ซ้อเจ็ด" จะให้รายละเอียดดีที่สุด
มีข้อมูลน่าสนใจว่า ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ชนิดที่เรียกว่าแนบแน่นกับครอบครัวอดีตนายกฯ“นักโทษทักษิณ”อย่างตัว “พีรพงษ์” เองมีข่าวลือเล่าอ้างว่า เคยไปวิ่งเต้นกับ “นช.ทักษิณ”เพื่อผลักดันตัวเองให้เป็นประธาน กทช. แล้วก็ซุบซิบกันด้วยว่า“พีรพงษ์”คนนี้แหละที่เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้เครือข่ายวิทยุคนเสื้อแดง ช่วงที่ปราบปรามกันอย่างหนัก แต่ปราบวิทยุเสื้อแดงไม่ได้ เพราะมีพี่แกคอยคุ้มกันให้ ตอบแทนกันไปกันมา จนสนิทแนบแน่น
ส่วน“จรรยา”ก็สนิทกับ "หญิงอ้อ" พจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานักโทษ โดย “จรรยา”เป็นนักธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง ต้องทำมาหารับประทาน ก็ได้ "หญิงอ้อ" ใช้กำลังภายในช่วยจนได้งานประมูลอะไรต่างๆ ไปมากมาย จนร่ำรวย วันดีคืนดีก็เดินเข้าพรรคเพื่อไทยบริจาคเงินโชว์รวย โชว์สวยสบายใจ ช่วงเลือกตั้งก็จัดหนัก ควักเงิน 10 ล้าน บริจาคเข้าพรรค สมทบทุนกระสุนดินดำ แบบไม่มีเสียดาย
อย่างไรก็ดี สำหรับการแต่งตั้งเมียนอกสมรสมาเป็นที่ปรึกษาของ “พีรพงษ์”แม้จะมีการยกเลิกไป หลังการแต่งตั้งเพียง 6 วัน แต่ก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว มีการเซ็นเอกสารไปเรียบร้อย เรื่องนี้ “พีรพงษ์”น่าจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่เหนืออื่นใดเลย ตอนนี้กระแสสังคมพิพากษาไปแล้วว่า กระทำไม่เหมาะ แต่งตั้งภรรยาตัวเองมาเป็นที่ปรึกษาในหน้าที่การงานสำคัญ มีผลเกี่ยวโยงประโยชน์ประเทศชาติ ลำพังแค่ตั้งพวกพ้อง คนสนิท สังคมก็ตั้งแง่ครหาแล้ว แต่นี่ตั้งเมียกันแบบโจ่งแจ้ง แบบไม่แคร์สายตาใคร ความผิดสำเร็จแล้ว ละอายใจก็ลาออกไปดีกว่า !!!