ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -1 เดือนของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ในตำแหน่ง ผบ.ตร.เริ่มเห็นอะไรเป็นอะไรกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะปัญหาของการบริหารงาน จุดแรกของมองไปที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนถึงวันนี้ไม่มีใครสามารถอธิบาย หรือให้เหตุผลได้ว่า ทำไมจึงแต่งตั้ง พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการเกตุ จากจเรตำรวจมา เป็น ผบช.ศชต.
นายตำรวจท่านนี้มีความเหามะสมประการใด เช่นเข้าใจปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี หรือสามารถกุมหัวใจผู้ใต้บังคับบัญชาไว้ได้ทุกคน เพราะภาระกิจที่นี่ล้วนวนเวียนอยู่กับความเป็นความตายทุกวินาที
อีกคำถามที่รู้กันอยู่ว่า ไม่มีใครหน้าไหนกล้าตอบ นั่นคือ การดึงตัว พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ อดีต ผบช.ศชต. กลับไปสู่สมรภูมิเลือดอีกครั้ง...ความชอบไม่ให้เขา แถมยังเจอข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่แล้ว พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ก็กลับลำ ออกคำสั่งให้ พล.ต.ท.สุชาติ ไปปฏิบัติหน้าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามเดิม แถมเที่ยวนี้มีตำแหน่งเป็น “พระรอง” ส่วนภารกิจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ยังเหมือนเดิม
นี่คือความผิดพลาดครั้งสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ...สำคัญก็เพราะท่านเห็นประโยชน์พวกพ้องมากกว่าความเป็นความตาย ของประเทศ... ว่างๆ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี น่าจะเรียกทุกคน ทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องกับการออกคำสั่งมาไถ่ถามกัน
ที่ชอบไปอ้างถึงหัวหน้า คสช. ว่าเอาคนนั้น ไม่เอาคนนี้ ชอบคนนั้น ไม่ชอบคนนี้ มันจริงหรือ
และข้อหาความมั่นคงที่ประเคนให้กับ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ใครเป็นคนรายงานท่าน...ท่านเชื่อตามนั้นมั้ย หากมีข้อสรุปขอแนะนำให้ท่านจัดการกับเขาคนนั้นเสีย เพราะพวกนี้ล้วนเป็นหอกข้างแคร่ เป็นอันตรายต่อความเชื่อมั่นตำรวจทุกระดับ...ขอย้ำว่า ทุกระดับเขากำลังชะเง้อมองดูว่าจะได้รับความเป็นธรรมตามที่เจ้านายเขาตอกย้ำจริงหรือไม่ แต่ดูไปแล้วไม่ต่างคำพูดของนักการเมือง
จะให้ความเป็นธรรมผู้ใต้บังคับบัญชา จะให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น...ไหนล่ะ มีอะไรที่พอมองเห็นเป็นรูปธรรมหรือยัง
ปัญหาอื่นที่มีมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย มันมากเสียจน จาระไนไม่หมด แต่ล่าสุดมีเรื่องราวไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นที่สนามสอบเลื่อนเป็นพนักงานสอบสวน (สบ.4)... เพื่อให้เห็นภาพขอนำรายละเอียดต่างๆ มาว่ากันให้เห็นชัดๆ....
บ่ายวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม พนักงานสอบสวน (สบ 3) ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสอบเลื่อนระดับ เป็นพนักงานสอบสวน (สบ4) หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผกก.พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.จากทั่วประเทศ ประมาณ 200 นาย ทยอยเข้ายื่นหนังสืออุทธรณ์ผลการสอบเพื่อเลื่อนระดับเมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า มีข้อสอบบางข้อได้คะแนนไม่ชอบมาพากล โดยข้อสอบดังกล่าวเป็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องจรรยาบรรณ และจริยธรรม โดยคะแนนเต็มมี 25 คะแนน แต่ผู้สอบกลับได้แค่ 1-2 คะแนน มากที่สุดคือ 5 คะแนน ทำให้คะแนนรวมไม่ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ มีผลให้หมดสิทธิ์เลื่อนชั้น จึงเกิดความเคลือบแคลงว่า อาจมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
นายตำรวจคนหนึ่งบอกว่า ได้ยื่นอุทธรณ์ไปยัง พล.ต.ต.โสพรรณ ธนะโสธร ผบก.สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน และส่งเรื่องต่อให้เข้าชี้แจง แต่ทำได้ครั้งละ 1 คน สามารถชี้แจงได้วันละ 40 คน ทั้งที่สามารถทำความเข้าใจได้ทีเดียวพร้อมกันหมด แต่คณะกรรมการเลือกวิธีนี้ จึงทำให้เกิดความสงสัยมากขึ้น เพราะทุกคนต้องมีงาน ต้องมีค่าใช้จ่าย ตำรวจทั้งหมดกระจายมาจาก ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ และที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนทำนองนี้ทุกปี แต่ไม่ได้รับการแก้ไข
นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมตำรวจไทย...ลำดับความผิดปกติ เริ่มตั้งแต่คะแนนข้อสอบเรื่องจรรยาบรรณ และจริยธรรม ที่มีคะแนนเต็ม 25 แต่ตำรวจระดับ พ.ต.ท.ทำได้เพียง 1-2 คะแนน หรือสูงสุด 5 คะแนนนั้น สมมุติว่าเป็นจริง ก็ขอเสนอแนะให้ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเสีย
ขอย้ำว่า คะแนนเรื่องจรรยาบรรณ และจริยธรรม นายตำรวจระดับ พ.ต.ท. จากทั่วประเทศทำได้แค่ 1 หรือ 2 คะแนน มาจากความรู้ความเข้าใจจริงๆ โดยไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือประโยชน์ใดแอบแฝง สังคมไทยก็หมดความคาดหวังจากตำรวจไทยไปได้เลย โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมนั่น เพราะตำรวจ คือต้นธาร หากต้นธารไม่เข้าใจเรื่องจรรยาบรรณ ไม่เข้าใจเรื่องจริยธรรม สังคมไทยจบเห่กันแค่นี้แหละ
เอาเป็นว่าคงไม่ใช่อย่างนั้น และตำรวจกว่า 200 นาย ที่เขามาร้องเรียน ก็ต้องมั่นใจว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่เบื้องหลังแน่ๆเพราะสังคมตำรวจเป็นอย่างไร สลับซับซ้อนมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนอย่างไร ตำรวจเขารู้ทันกันหมด
เรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่ทำอะไรเลย แค่เพียงส่งทีมโฆษกมาแถลงแล้วก็แล้วกันไปคงไม่ได้
ท่านคงไม่ลืมกรณีตำรวจพิจิตร ยกขบวนไปศูนย์ดำรงธรรม ขอให้ย้ายผู้กำกับ เหตุการณ์ครั้งนั้น อาจมาล้อกรณีความล้มเหลวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะเรื่องการเล่นพรรคเล่นพวก และความไม่สามารถอำนวยยุติธรรมให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าว่าตามเนื้อผ้าคงพอเข้าใจได้ ในเรื่องการเล่นพรรคเล่นพวก และตามใจน้องนุ่งตามประสาพี่ใหญ่ใจดี... แต่สิ่งที่ท่านต้องระมัดระวังก็คือ อย่าตามใจ อย่าเล่นบทใจนักเลง จนเกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม
ท่านเคยสังเกตไหมว่า ทำไมจึงเกิดกระแสต่อต้านตำรวจอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คดีเกาะเต่า กรณีสินบนใบสั่ง หรือกระทั่งการแต่งตั้งโยกย้าย แค่เพียง 1 เดือนของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ในตำแหน่ง ผบ.ตร. เจอแต่เรื่องหนักๆ จนต้องลาป่วยกะทันหัน
วันนี้มีเสียงซุบซิบในรั้วปทุมวันทำนองว่า “น้องๆ คิด สมยศ-ประวิตร ทำ"
การบริหารงานที่ "คนเป็นไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้เป็น" อาจจะเพี้ยนเป็น "คนทำไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ทำ" ไป สถานการณ์นี้น่าจะอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง คนเดิมพันสูงเช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี จะช่วยเขาคิดอีกคนไหม