ASTVผู้จัดการรายวัน- ทูตพม่านำพ่อ-แม่ 2 ผู้ต้องหาคดีฆ่านักท่องเที่ยวอังกฤษบนเกาะเต่าร้องกสม. ยันลูกชายถูกซ้อมให้รับสารภาพผิด อธิบดีอัยการภาค 8 ยังรอพนักงานสอบสวนสอบ ส่งพยานหลักฐานคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวอังกฤษ เผยพิจารณาให้ความเป็นธรรมผู้ต้องหาแล้ว ผู้ใหญ่วอพาลูกชายพบผบ.ตร.30 ต.ค.นี้ ตรวจดีเอ็นเอต่อหน้าสื่อ คลายปมสงสัยพันคดีเกาะเต่า
เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (28ต.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายทวนเอ ( Mr.Tun aye) อัครราชทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย พร้อมด้วย นายโท โท ไทด์ ( Tun Tun Htike ) นางเม เต้น ( May Thein)บิดา-มารดา ของนายวินซอทู และ นาง พิว เฉ นุ ( Phyu Shwe Nu)มารดาขอ งนายซอลิน 2 ผู้ต้องหาฆาตกรรม สองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึง ตัวแทนจากสภาทนายความ ได้เข้าพบ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิฯ ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและการเมือง เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับสองผู้ต้องหา
โดยนายทวนเอ ได้พูดผ่านล่ามว่า ทางพ่อแม่ของ 2 ผู้ต้องหาได้ประสานมายังสถานทูต เพื่อขอให้พามาร้องเรียนต่อกรรมการสิทธิฯ เนื่องจากได้พูดคุยกับลูกชายแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมที่เกิดขึ้น แต่ถูกข่มขู่ ทำร้ายให้รับสารภาพ จึงขอให้มาร้องต่อกรรมการสิทธิฯ เพราะเขาโดนทำร้าย โดนซ้อมมาก รวมทั้งอยากให้กรรมการสิทธิฯ ช่วยในกรณีการตีตรวน เนื่องจากบุคคลทั้งสองยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น
ด้านนายโทโทไทด์ ได้กล่าวผ่านล่ามว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ตนและภรรยา ได้ไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำเกาะสมุย จากการพูดคุย ลูกชายบอกว่า ตั้งแต่เด็กไม่เคยโกหกใคร แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่เคย ซึ่งก็ได้ถามลูกชายว่าที่รับสารภาพ เพราะทำจริงหรือไม่ ลูกชายก็บอกว่าไม่ได้ทำ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีเกาะเต่าเลย แต่ที่ต้องรับสารภาพ เพราะถูกข่มขู่ บังคับ เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าไม่รับสารภาพ ก็จะตัดแขนขาใส่ถุงปุ๋ยไปลอยน้ำ จะเผานั่งยาง ทรมานให้รับสารภาพ มีการเอาถุงคลุมหัว ด้วยเหตุนี้ จึงต้องรับสารภาพผิดไป ทำให้ต้องต้องมาร้องเรียน เพื่อขอความเป็นธรรม ความเมตตา ขอบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อช่วยให้คดีเป็นไปด้วยความยุติธรรม
ด้านนางพิว เฉ นุ กล่าวผ่านล่ามว่า ลูกบอกว่า ไม่เคยโกหกแม่ ลูกเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ได้ฆ่าสองนักท่องเที่ยว ที่ต้องรับสารภาพ เพราะโดนทรมาน ทำให้ทนไม่ไหว จึงขอร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้รีบดำเนินการช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้
น.พ.นิรันดร์ กล่าวทำความเข้าใจกับพ่อแม่ของผู้ต้องหาว่า ที่กรรมการสิทธิฯ ตรวจสอบไม่เกี่ยวกับการสืบสวนคดี แต่เป็นเรื่องของการที่ผู้ต้องหาถูกละเมิดสิทธิ ด้วยการถูกซ้อมทรมาน ซึ่งที่ผ่านมาอนุกรรมการฯ ได้มีการเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงถึง 3 ครั้งแล้ว แต่ก็ยังได้ข้อมูลไม่ชัดเจน เพราะทีมสอบสวนมีหลายชุด อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการตรวจสอบของอนุกรรมการ จึงยังไม่มาชี้แจงซึ่งเมื่อวันที่ 27 ต.ค. ก็ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อย้ำประเด็นที่กรรมการสิทธิตรวจสอบเฉพาะเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนของการจับกุม และสืบสวน เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนมาชี้แจงต่ออนุกรรมการใน วันจันทร์ที่ 3 พ.ย. เวลา 13.30 น. โดยอาจจะเชิญพ่อแม่ของสองผู้ต้องหา เข้าร่วมด้วย ส่วนในเรื่องการตีตรวน ก็จะเชิญผู้บัญชาการเรือนจำมาพูดคุย และประสานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ช่วยดูแล
***จ่อลงโทษสถานบริการที่ละเลยจนเกิดเหตุ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. เมื่อวานนี้ (28ต.ค.) ว่า นายกฯได้พูดถึงเรื่องสถานบริการ ที่เกิดเหตุเนื่องจากไม่ดำเนินการตามข้อกฎหมายหลีกเลี่ยง อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือละเลย เช่น กรณี เกาะเต่า ที่บาร์มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน แล้วเป็นเหตุเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวอังกฤษ นายกฯ ก็ถามว่า กระทรวงมีมาตรการอย่างไรบ้าง ต่อสถานประกอบการเหล่านี้ นายกฯ จึงให้แนวทางต้องให้เขารู้จักบทลงโทษบ้าง ฉะนั้นสถานประกอบการที่ละเลยเรื่องแล้วเป็นชนวนหรือสุ่มเสี่ยงให้เกิดเหตุในลักษณะ อาชญากรรม เกิดเหตุกับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นไทย หรือต่างประเทศ ต้องมีมาตรการลงโทษ อาจจะปิดสถานบริการ 15 วัน 30 วัน 60 วัน สุดแล้วแต่เป็นอำนาจหน้าที่ของใครมากน้อยแค่ไหน แต่ต้องเป็นบทเรียนเพื่อเป็นมาตรการกำชับอีกชั้นหนึ่ง ไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้ เกิดขึ้นอีก
***อัยการภาค8รอสำนวนเพิ่มเติมก่อนส่งฟ้อง
วานนี้(28 ต.ค.) นายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 หัวหน้าคณะอัยการพิจารณาสำนวนคดี เปิดเผยว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ส่งประเด็นที่ทางอัยการสอบถามเพิ่มเติมมาให้เพียงประเด็นเดียว คือ ข้อหาฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดอาญา ส่วนประเด็นอื่นที่เป็นพยานเอกสารและบุคคล พนักงานสอบสวนคงต้องใช้เวลาในการรวบรวมรายละเอียด ดังนั้นทางอัยการจึงต้องรอสรุปสำนวนอีกระยะ
"วันนี้อัยการเริ่มพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ต้องหาตามที่ได้ร้องเรียน ซึ่งจะพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับคดีเท่านั้น ที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่รับพิจาณา ส่วนที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรียกพนักงานสอบสวนไปชี้แจง เรื่องผู้ต้องหาถูกทำร้ายร่างกายนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อรูปคดี"
***ยัน'สกอตแลนด์ยาร์ด'แค่สังเกตการณ์ ไม่รื้อคดี
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวถึงกรณีตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดของอังกฤษมาสังเกตการณ์การทำคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวอังกฤษที่ชายหาดเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี นั้นเรื่องนี้เป็นข้อตกลงมาตั้งแต่ต้นว่าเป็นการมาร่วมสังเกตการณ์การทำคดี ไม่ใช่การร่วมสืบสวนสอบสวนแต่อย่างใด ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเพราะพลเมืองของเขาถูกฆาตกรรม ขณะที่ตำรวจไทยได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด รวมทั้งพาคณะเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติเวชวิทยา
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ห้องปฏิบัติการของสถาบันนิติเวชได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO:17025 มาตรฐานเดียวกับของประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ เท่าที่พูดคุยกันเขาก็รู้สึกพอใจในการให้ข้อมูลของเรา หลังจากนี้เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันในรายละเอียด คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ก็คงจบ เขาคงได้รับความพอใจ และได้รับความกระจ่างเกี่ยวกับขั้นตอนที่ตำรวจไทยได้สอบสวนไป
“ยืนยันว่าเขาไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องการสืบสวนสอบสวน เป็นการร่วมสังเกตการณ์ ฟังจากที่เราเล่าให้ฟังเท่านั้น หลังที่เขาได้เห็นรายละเอียดในภาพรวมแล้ว ยังมีบางประเด็นที่ต้องดูในรายละเอียด เมื่อดูรายละเอียดครบถ้วนแล้วจะสามารถสรุปผลการสังเกตการณ์ครั้งนี้ได้”.
*** ตรวจDNA”วรท “30นี้
วันนี้(28 ต.ค.)มีรายงานว่าเมื่อเวลา 18.30 น.นายวรพันธ์ ตู้วิเชียร หรือ ผู้ใหญ่วอ เจ้าของเอซีบาร์ ได้เดินทางโดยเครื่องบิน เพื่อเข้าพบพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)โดยจะนำตัวนายวรท หรือดีโด้ตู้วิเชียร อายุ 22 ปี บุตรชาย มาตรวจดีเอ็นเอ พร้อมเตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวไขข้องข้องใจ หลังจากถูกโจมตีในโซเชียลมีเดียว่าบุตรชายเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สราษฎร์ธานี โดยตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดตำรวจไม่มีการนำตัวนายวรท มาตรวจดีเอ็นเอ ตรวจเพียงนายวรพันธ์เท่านั้น ทั้งนี้ นายวรพันธ์ ยืนยันว่าจะนำตัวบุตรชายตรวจดีเอ็นเอต่อหน้าสื่อมวลชน และจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อม ผบ.ตร. ,เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ และ เจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติเวชวิทยา
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังทีมโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับการยืนยันว่า นายวรพันธ์ ได้ประสานติดต่อเข้าพบ ผบ.ตร จริงในวันที่ 30 ตุลาคม เวลา10.00น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (28ต.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายทวนเอ ( Mr.Tun aye) อัครราชทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย พร้อมด้วย นายโท โท ไทด์ ( Tun Tun Htike ) นางเม เต้น ( May Thein)บิดา-มารดา ของนายวินซอทู และ นาง พิว เฉ นุ ( Phyu Shwe Nu)มารดาขอ งนายซอลิน 2 ผู้ต้องหาฆาตกรรม สองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึง ตัวแทนจากสภาทนายความ ได้เข้าพบ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิฯ ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและการเมือง เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับสองผู้ต้องหา
โดยนายทวนเอ ได้พูดผ่านล่ามว่า ทางพ่อแม่ของ 2 ผู้ต้องหาได้ประสานมายังสถานทูต เพื่อขอให้พามาร้องเรียนต่อกรรมการสิทธิฯ เนื่องจากได้พูดคุยกับลูกชายแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมที่เกิดขึ้น แต่ถูกข่มขู่ ทำร้ายให้รับสารภาพ จึงขอให้มาร้องต่อกรรมการสิทธิฯ เพราะเขาโดนทำร้าย โดนซ้อมมาก รวมทั้งอยากให้กรรมการสิทธิฯ ช่วยในกรณีการตีตรวน เนื่องจากบุคคลทั้งสองยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น
ด้านนายโทโทไทด์ ได้กล่าวผ่านล่ามว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ตนและภรรยา ได้ไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำเกาะสมุย จากการพูดคุย ลูกชายบอกว่า ตั้งแต่เด็กไม่เคยโกหกใคร แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่เคย ซึ่งก็ได้ถามลูกชายว่าที่รับสารภาพ เพราะทำจริงหรือไม่ ลูกชายก็บอกว่าไม่ได้ทำ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีเกาะเต่าเลย แต่ที่ต้องรับสารภาพ เพราะถูกข่มขู่ บังคับ เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าไม่รับสารภาพ ก็จะตัดแขนขาใส่ถุงปุ๋ยไปลอยน้ำ จะเผานั่งยาง ทรมานให้รับสารภาพ มีการเอาถุงคลุมหัว ด้วยเหตุนี้ จึงต้องรับสารภาพผิดไป ทำให้ต้องต้องมาร้องเรียน เพื่อขอความเป็นธรรม ความเมตตา ขอบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อช่วยให้คดีเป็นไปด้วยความยุติธรรม
ด้านนางพิว เฉ นุ กล่าวผ่านล่ามว่า ลูกบอกว่า ไม่เคยโกหกแม่ ลูกเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ได้ฆ่าสองนักท่องเที่ยว ที่ต้องรับสารภาพ เพราะโดนทรมาน ทำให้ทนไม่ไหว จึงขอร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้รีบดำเนินการช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้
น.พ.นิรันดร์ กล่าวทำความเข้าใจกับพ่อแม่ของผู้ต้องหาว่า ที่กรรมการสิทธิฯ ตรวจสอบไม่เกี่ยวกับการสืบสวนคดี แต่เป็นเรื่องของการที่ผู้ต้องหาถูกละเมิดสิทธิ ด้วยการถูกซ้อมทรมาน ซึ่งที่ผ่านมาอนุกรรมการฯ ได้มีการเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงถึง 3 ครั้งแล้ว แต่ก็ยังได้ข้อมูลไม่ชัดเจน เพราะทีมสอบสวนมีหลายชุด อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการตรวจสอบของอนุกรรมการ จึงยังไม่มาชี้แจงซึ่งเมื่อวันที่ 27 ต.ค. ก็ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อย้ำประเด็นที่กรรมการสิทธิตรวจสอบเฉพาะเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนของการจับกุม และสืบสวน เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนมาชี้แจงต่ออนุกรรมการใน วันจันทร์ที่ 3 พ.ย. เวลา 13.30 น. โดยอาจจะเชิญพ่อแม่ของสองผู้ต้องหา เข้าร่วมด้วย ส่วนในเรื่องการตีตรวน ก็จะเชิญผู้บัญชาการเรือนจำมาพูดคุย และประสานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ช่วยดูแล
***จ่อลงโทษสถานบริการที่ละเลยจนเกิดเหตุ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. เมื่อวานนี้ (28ต.ค.) ว่า นายกฯได้พูดถึงเรื่องสถานบริการ ที่เกิดเหตุเนื่องจากไม่ดำเนินการตามข้อกฎหมายหลีกเลี่ยง อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือละเลย เช่น กรณี เกาะเต่า ที่บาร์มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน แล้วเป็นเหตุเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวอังกฤษ นายกฯ ก็ถามว่า กระทรวงมีมาตรการอย่างไรบ้าง ต่อสถานประกอบการเหล่านี้ นายกฯ จึงให้แนวทางต้องให้เขารู้จักบทลงโทษบ้าง ฉะนั้นสถานประกอบการที่ละเลยเรื่องแล้วเป็นชนวนหรือสุ่มเสี่ยงให้เกิดเหตุในลักษณะ อาชญากรรม เกิดเหตุกับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นไทย หรือต่างประเทศ ต้องมีมาตรการลงโทษ อาจจะปิดสถานบริการ 15 วัน 30 วัน 60 วัน สุดแล้วแต่เป็นอำนาจหน้าที่ของใครมากน้อยแค่ไหน แต่ต้องเป็นบทเรียนเพื่อเป็นมาตรการกำชับอีกชั้นหนึ่ง ไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้ เกิดขึ้นอีก
***อัยการภาค8รอสำนวนเพิ่มเติมก่อนส่งฟ้อง
วานนี้(28 ต.ค.) นายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 หัวหน้าคณะอัยการพิจารณาสำนวนคดี เปิดเผยว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ส่งประเด็นที่ทางอัยการสอบถามเพิ่มเติมมาให้เพียงประเด็นเดียว คือ ข้อหาฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดอาญา ส่วนประเด็นอื่นที่เป็นพยานเอกสารและบุคคล พนักงานสอบสวนคงต้องใช้เวลาในการรวบรวมรายละเอียด ดังนั้นทางอัยการจึงต้องรอสรุปสำนวนอีกระยะ
"วันนี้อัยการเริ่มพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ต้องหาตามที่ได้ร้องเรียน ซึ่งจะพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับคดีเท่านั้น ที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่รับพิจาณา ส่วนที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรียกพนักงานสอบสวนไปชี้แจง เรื่องผู้ต้องหาถูกทำร้ายร่างกายนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อรูปคดี"
***ยัน'สกอตแลนด์ยาร์ด'แค่สังเกตการณ์ ไม่รื้อคดี
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวถึงกรณีตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดของอังกฤษมาสังเกตการณ์การทำคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวอังกฤษที่ชายหาดเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี นั้นเรื่องนี้เป็นข้อตกลงมาตั้งแต่ต้นว่าเป็นการมาร่วมสังเกตการณ์การทำคดี ไม่ใช่การร่วมสืบสวนสอบสวนแต่อย่างใด ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเพราะพลเมืองของเขาถูกฆาตกรรม ขณะที่ตำรวจไทยได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด รวมทั้งพาคณะเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติเวชวิทยา
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ห้องปฏิบัติการของสถาบันนิติเวชได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO:17025 มาตรฐานเดียวกับของประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ เท่าที่พูดคุยกันเขาก็รู้สึกพอใจในการให้ข้อมูลของเรา หลังจากนี้เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันในรายละเอียด คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ก็คงจบ เขาคงได้รับความพอใจ และได้รับความกระจ่างเกี่ยวกับขั้นตอนที่ตำรวจไทยได้สอบสวนไป
“ยืนยันว่าเขาไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องการสืบสวนสอบสวน เป็นการร่วมสังเกตการณ์ ฟังจากที่เราเล่าให้ฟังเท่านั้น หลังที่เขาได้เห็นรายละเอียดในภาพรวมแล้ว ยังมีบางประเด็นที่ต้องดูในรายละเอียด เมื่อดูรายละเอียดครบถ้วนแล้วจะสามารถสรุปผลการสังเกตการณ์ครั้งนี้ได้”.
*** ตรวจDNA”วรท “30นี้
วันนี้(28 ต.ค.)มีรายงานว่าเมื่อเวลา 18.30 น.นายวรพันธ์ ตู้วิเชียร หรือ ผู้ใหญ่วอ เจ้าของเอซีบาร์ ได้เดินทางโดยเครื่องบิน เพื่อเข้าพบพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)โดยจะนำตัวนายวรท หรือดีโด้ตู้วิเชียร อายุ 22 ปี บุตรชาย มาตรวจดีเอ็นเอ พร้อมเตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวไขข้องข้องใจ หลังจากถูกโจมตีในโซเชียลมีเดียว่าบุตรชายเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สราษฎร์ธานี โดยตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดตำรวจไม่มีการนำตัวนายวรท มาตรวจดีเอ็นเอ ตรวจเพียงนายวรพันธ์เท่านั้น ทั้งนี้ นายวรพันธ์ ยืนยันว่าจะนำตัวบุตรชายตรวจดีเอ็นเอต่อหน้าสื่อมวลชน และจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อม ผบ.ตร. ,เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ และ เจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติเวชวิทยา
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังทีมโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับการยืนยันว่า นายวรพันธ์ ได้ประสานติดต่อเข้าพบ ผบ.ตร จริงในวันที่ 30 ตุลาคม เวลา10.00น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ