ผบ.ตร. ย้ำเจ้าหน้าที่"อังกฤษ-พม่า" แค่ผู้สังเกตการณ์ คดีฆ่า2นักท่องเที่ยวเกาะเต่า ชี้ต้องอยู่ภายใต้ รธน.-กม.และไม่ละเมิดอธิปไตยไทย พร้อมเปิดกว้างรับข้อมูลสนับสนุนการทำงาน เผยประสาน“เมียนมาร์” เข้าร่วม มั่นใจ กระบวนการสอบสวนไทย ยึด กม.-ความถูกต้อง กสม.พบมีซ้อมผู้ต้องหาฆ่านักท่องเที่ยวเกาะเต่าจริง ร่อนหนังสือถึงผบ.เรือนจำ เอ็กซ์เรย์ซ้ำ ขณะเดียวกันเตรียมเชิญทีมสอบทุกชุดแจง 27 ต.ค.
เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (20ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กรณีประเทศอังกฤษส่งเจ้าหน้าที่ มาเข้าร่วมสังเกตการณ์คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยว ที่ อ.เกาะเต่า จ.สุราษฎธานี ว่า เป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้หารือกับ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งทางการไทยมีความพร้อมและเต็มใจให้ทางอังกฤษส่งเจ้าหน้าที่ หรือผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือสนับสนุนในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่การดำเนินการทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามไม่ใช่เฉพาะประเทศอังกฤษอย่างเดียว ในส่วนของประเทศเมียนมาร์ เราก็แจ้งไปว่า สามารถส่งเจ้าหน้าที่มาสนับสนุน หรือร่วมสังเกตการณ์ได้เช่นกัน
เมื่อถามว่า ได้กำหนดกรอบให้เจ้าหน้าที่ของอังกฤษ มีส่วนร่วมในคดีเกาะเต่า อย่างไร พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ถ้าอะไรที่เขาสนับสนุนการทำงานเราได้ เราต้องเปิดกว้างและยอมรับ แต่ถ้าอะไรที่ขัดข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ตลอดจนอธิปไตยของประเทศไทย เราก็ไม่อนุญาตในส่วนนั้น
"ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ของอังกฤษมาในฐานะของผู้สังเกตการณ์ หรือให้คำแนะนำเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ทางประเทศอังกฤษไม่เชื่อมั่นกระบวนการสอบสวนของตำรวจไทย เป็นเรื่องภายในประเทศของเขา ที่มีความกดดันที่ทำให้รัฐบาลของประเทศอังกฤษ ต้องส่งเจ้าหน้าที่มาส่วนร่วม ซึ่งเราไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวตรงนั้น ทั้งนี้ ผมมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ยึดหลักกฎหมาย ความถูกต้อง พยานหลักฐาน ไม่ได้มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง" พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
กสม.พบมีซ้อมผู้ต้องหาฆ่านักท่องเที่ยว
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แถลงภายหลังการเชิญประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีมีผู้ร้องเรียนว่า มีการซ้อมทรมาน 2 ผู้ต้องหา คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ได้รับข้อมูลจาก พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร อ.เกาะพงัน ว่า คดีดังกล่าวมีชุดสืบสวนทั้งระดับพื้นที่และจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งลงพื้นที่จำนวนหลายชุด แต่ยืนยันว่าเมื่อจับกุมผู้ต้องหาได้และนำตัวมายัง สภอ.ไม่มีการซ้อมทรมาน โดยผู้ต้องหาได้รับสิทธิ ในการตั้งทนายความตามที่กฎหมายกำหนด แต่ทั้งนี้ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า การซ้อมทรมานเกิดขึ้นในขั้นตอนใด เพราะกระบวนการสืบสวนของแต่ละหน่วยงานที่ลงไป ไม่สามารถไปก้าวก่ายได้
ดังนั้น วันจันทร์ที่ 27 ต.ค. เวลา 10.00 น. อนุกรรมกรจะเชิญตัวแทนจากชุดสืบสวนทั้งหมด รวมทั้ง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บังคับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาลและ พล.ต.ต.ปวีณ พงษ์สิรินทร์ รอง ผบ.ช.ภาค 8 มาชี้แจงข้อมูลอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ กสม. ร่วมกับ คุณหญิงพญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ และการไปพูดคุยกับ 2 ผู้ต้องหา ได้ข้อมูลตรงกันว่า เจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมซ้อม ทุบตี ทำร้าย มีการใช้ถุงพลาสติกคลุมหัว จากการตรวจร่างกายเบื้องต้น พบจุดกดเจ็บที่หน้าอก ของผู้ต้องหา 1 ราย ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นอาการเจ็บของกระดูก หรือกล้ามเนื้อ อนุกรรมการจึงจะทำจดหมายถึงผู้บัญชาการเรือนจำ ขอให้มีการเอ็กซ์เรย์ผู้ต้องหา เพื่อให้ทราบว่ามีบาดแผลตรงไหนอีกหรือไม่
ทั้งนี้ กสม.ตรวจสอบเพียงเรื่องการละเมิด ตามที่มีการร้องว่าซ้อมผู้ต้องหาเท่านั้น ไม่ได้ตรวจสอบเรื่องว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำผิดจริงหรือไม่ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ยืนยันว่า กสม.จะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยความเป็นธรรม ก่อนที่จะมีการสรุปข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว เมื่อถามว่าเป็นการซ้อมเพื่อให้รับสารภาพจริงหรือไม่ นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า เขาบอกว่าถูกซ้อม แต่เราไม่รู้ว่า มีการกระทำอย่างที่กล่าวหาหรือเปล่า
เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (20ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กรณีประเทศอังกฤษส่งเจ้าหน้าที่ มาเข้าร่วมสังเกตการณ์คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยว ที่ อ.เกาะเต่า จ.สุราษฎธานี ว่า เป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้หารือกับ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งทางการไทยมีความพร้อมและเต็มใจให้ทางอังกฤษส่งเจ้าหน้าที่ หรือผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือสนับสนุนในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่การดำเนินการทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามไม่ใช่เฉพาะประเทศอังกฤษอย่างเดียว ในส่วนของประเทศเมียนมาร์ เราก็แจ้งไปว่า สามารถส่งเจ้าหน้าที่มาสนับสนุน หรือร่วมสังเกตการณ์ได้เช่นกัน
เมื่อถามว่า ได้กำหนดกรอบให้เจ้าหน้าที่ของอังกฤษ มีส่วนร่วมในคดีเกาะเต่า อย่างไร พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ถ้าอะไรที่เขาสนับสนุนการทำงานเราได้ เราต้องเปิดกว้างและยอมรับ แต่ถ้าอะไรที่ขัดข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ตลอดจนอธิปไตยของประเทศไทย เราก็ไม่อนุญาตในส่วนนั้น
"ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ของอังกฤษมาในฐานะของผู้สังเกตการณ์ หรือให้คำแนะนำเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ทางประเทศอังกฤษไม่เชื่อมั่นกระบวนการสอบสวนของตำรวจไทย เป็นเรื่องภายในประเทศของเขา ที่มีความกดดันที่ทำให้รัฐบาลของประเทศอังกฤษ ต้องส่งเจ้าหน้าที่มาส่วนร่วม ซึ่งเราไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวตรงนั้น ทั้งนี้ ผมมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ยึดหลักกฎหมาย ความถูกต้อง พยานหลักฐาน ไม่ได้มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง" พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
กสม.พบมีซ้อมผู้ต้องหาฆ่านักท่องเที่ยว
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แถลงภายหลังการเชิญประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีมีผู้ร้องเรียนว่า มีการซ้อมทรมาน 2 ผู้ต้องหา คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ได้รับข้อมูลจาก พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร อ.เกาะพงัน ว่า คดีดังกล่าวมีชุดสืบสวนทั้งระดับพื้นที่และจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งลงพื้นที่จำนวนหลายชุด แต่ยืนยันว่าเมื่อจับกุมผู้ต้องหาได้และนำตัวมายัง สภอ.ไม่มีการซ้อมทรมาน โดยผู้ต้องหาได้รับสิทธิ ในการตั้งทนายความตามที่กฎหมายกำหนด แต่ทั้งนี้ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า การซ้อมทรมานเกิดขึ้นในขั้นตอนใด เพราะกระบวนการสืบสวนของแต่ละหน่วยงานที่ลงไป ไม่สามารถไปก้าวก่ายได้
ดังนั้น วันจันทร์ที่ 27 ต.ค. เวลา 10.00 น. อนุกรรมกรจะเชิญตัวแทนจากชุดสืบสวนทั้งหมด รวมทั้ง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บังคับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาลและ พล.ต.ต.ปวีณ พงษ์สิรินทร์ รอง ผบ.ช.ภาค 8 มาชี้แจงข้อมูลอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ กสม. ร่วมกับ คุณหญิงพญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ และการไปพูดคุยกับ 2 ผู้ต้องหา ได้ข้อมูลตรงกันว่า เจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมซ้อม ทุบตี ทำร้าย มีการใช้ถุงพลาสติกคลุมหัว จากการตรวจร่างกายเบื้องต้น พบจุดกดเจ็บที่หน้าอก ของผู้ต้องหา 1 ราย ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นอาการเจ็บของกระดูก หรือกล้ามเนื้อ อนุกรรมการจึงจะทำจดหมายถึงผู้บัญชาการเรือนจำ ขอให้มีการเอ็กซ์เรย์ผู้ต้องหา เพื่อให้ทราบว่ามีบาดแผลตรงไหนอีกหรือไม่
ทั้งนี้ กสม.ตรวจสอบเพียงเรื่องการละเมิด ตามที่มีการร้องว่าซ้อมผู้ต้องหาเท่านั้น ไม่ได้ตรวจสอบเรื่องว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำผิดจริงหรือไม่ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ยืนยันว่า กสม.จะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยความเป็นธรรม ก่อนที่จะมีการสรุปข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว เมื่อถามว่าเป็นการซ้อมเพื่อให้รับสารภาพจริงหรือไม่ นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า เขาบอกว่าถูกซ้อม แต่เราไม่รู้ว่า มีการกระทำอย่างที่กล่าวหาหรือเปล่า