xs
xsm
sm
md
lg

“พรีเมี่ยม เพลส”รุกคอนโดฯเร่งสร้างพอร์ตรับแผนเข้าMAI

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “พรีเมี่ยม เพลส” จัดสรรโซนตะวันออกกทม. เผยแผนปี 58 เปิดทาวน์โฮม-คอนโด 4 โครงการ ตั้งเป้ากวาดยอดขาย 2,000 ล้านบาท หวัง 5 ปีกรุยทางเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI ล่าสุดเตรียมแกรนด์โอเพนนิ่ง “พรีมิโอ เฟรสโก” รามอินทรา กม.2 ในวันที่ 15-16 พ.ย.นี้ เผยยอดขาย 9 เดือน 800 ล้านบาท

นายธนเทพ มงคลเจริญศรี กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท พรีเมี่ยม เพลส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นับตั้งแต่ปี 2529 โดยพัฒนาโครงการทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ ภายใต้แบรนด์ Premium Place ( พรีเมี่ยม เพลส) จนถึงปัจจุบัน จำนวน 19 โครงการ มูลค่ากว่า 7,600 ล้านบาท โดยเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมาบริษัทได้เล็งเห็นศักยภาพของตลาดคอนโดมิเนียมจึงได้เปิดบริษัท พรีมีโอ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯ ภายใต้แบรนด์ PREMIO (พรีมิโอ)

ที่ผ่านมาพัฒนาคอนโดฯมาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ “พรีมิโอ ไพร์ม เกษตร - นวมินทร์” คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 3 อาคาร มีจำนวน 392 ยูนิต บนพื้นที่ 4 ไร่ ซึ่งปิดการขายไปแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างโอนกรรมสิทธ์ โดยลูกค้ารับโอนไปแล้ว 95% โครงการที่สอง “พรีมิโอ วีโทร” เป็นคอนโดมิเนียมสูง 16 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ มีจำนวน 289 ยูนิต สามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น

ล่าสุด เปิดตัวโครงการ “พรีมิโอ เฟรสโก” เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ มีจำนวน 266 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 26 -45 ตารางเมตร ราคา 1.69 -3.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 635 ล้านบาท โครงการนี้ทำเลติดถนนรามอินทรา กม.2 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี บริษัทกำหนดจัดงานแกรนด์โอเพนนิ่งขึ้น ในวันที่ 15 - 16 พฤศจิกายน นี้ ที่สำนักงานขาย ราคาช่วงโปรโมชั่นเริ่มต้นที่ 1.59 ล้านบาท แถมฟรีแอร์ เฟอร์นิเจอร์ พร้อมของแถมอื่นๆ

นายธนเทพ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯเน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ที่อยู่โซนกรุงเทพฝั่งตะวันออกเป็นส่วนใหญ่ เพราะตลาดบริเวณนั้นยังมีความต้องการในเรื่องที่อยู่อาศัยอยู่มากพอสมควร ดูได้จากผลการตอบรับที่ผ่านมา ในหลายๆ โครงการสามารถปิดยอดขายได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน อย่างไรก็ตามในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังทำเลใกล้เคียง รวมถึงตลาดบ้านเดี่ยว รวมถึงการสร้างแบรนด์ที่อยู่อาศัยของบริษัทให้เป็นที่รับรู้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าภายในระยะเวลา 5 ปีจะนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ซึ่ง ณ วันนั้นจะมีพอร์ตการลงทุนมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท หรือลงทุนปีละอย่างน้อย 3-4 โครงการ และมีทุนจดทะเบียนเพิ่มจาก 350 ล้านบาทในปัจจุบัน เป็น 1,000 ล้านบาท

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2558 ตั้งเป้าพัฒนา 4 โครงการ แบ่งเป็น โครงการทาวน์โฮม หรือ โฮมออฟฟิศ 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการพรีเมี่ยมเพลส พหลโยธิน - รัตนโกสินทร์ สมโภช ตั้งอยู่บนพื้นที่ 8 ไร่ พัฒนาเป็นทาวน์โฮม สูง 3-4 ชั้น ขนาด 21.25 ตารางวา ราคา 5.6-7 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 85 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท

2.พรีเมี่ยมเพลส แฟชั่น ไอส์แลนด์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 13 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบวางผังโครงการ ซึ่งในเบื้องต้นจะพัฒนาเป็นรูปแบบมิกซ์ยูส คือ พัฒนาทั้งคอนโดฯและโฮมออฟฟิศส่วนอีก 2 โครงการจะพัฒนาเป็นคอนโดฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินในย่านเกษตร-นวมินทร์ และรามอินทรา คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายในปีนี้

สำหรับในช่วงที่ผ่านมาของปี 2557 บริษัทพัฒนาทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ 2 โครงการ ได้แก่ พรีเมียม เพลส เอกมัย - รามอินทรา” มีจำนวน 77 ยูนิต เป็นอาคาร 3 และ 4 ชั้น บนพื้นที่ 8 ไร่ มูลค่าโครงการ 520 ล้านบาท โดยราคาเริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท สำหรับโครงการนี้เปิดขายมาตั้งแต่ปลายปี2556 ที่ผ่านมา และสามารถปิดการขายไปได้แล้ว 90%

ส่วนอีกโครงการ คือ “พรีเมี่ยมเพลส เอกมัย - รามอินทรา 2” ตั้งอยู่ในซอยสุคนธสวัสดิ์ มีจำนวน 91 ยูนิต เป็นอาคาร 3,4 และ 5 ชั้น บนพื้นที่ 11 ไร่ มูลค่าโครงการ 775 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท สำหรับโครงการนี้เปิดขายมาได้เพียง 2 เดือน ก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 70%.

"ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2557 ตลาดอสังหาฯ มีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง แต่หลังจากสถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นและได้มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำงาน และมีนโยบายเร่งอนุมัติรถไฟฟ้าสายต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางของประชาชนมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการ รายเล็กและรายใหญ่มีการเปิดตัวโครงการในเซ็กเมนต์ใหม่ๆ มากขึ้น ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง"

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายอยู่ที่ 800 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท จากเดิมตั้งที่เป้าทั้งปีไว้ 1,200 ล้านบาท ถือได้เป็นยอดขายที่ดี และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ที่ 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่ากว่า 10% และที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจเพื่อการขายและในปี 2558 ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,000 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ที่ 1,500 ล้านบาท.
กำลังโหลดความคิดเห็น