แม้เฉลิม อยู่บำรุงจะเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือมากที่สุดในวงการการเมืองในทัศนะของผมเสมอมา แต่คำพูดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ผมต้องเก็บความเชื่อนั้นเอาไว้ชั่วคราว เมื่อเขาพูดถึงการยึดอำนาจภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เฉลิมบอกว่า คนที่ได้กำไรจากการปฏิวัติที่สุดไม่ใช่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) หรือพรรคประชาธิปัตย์ พวกนั้นแทบจะกระอักเลือดไม่ได้อะไร คนที่ได้กำไรที่สุดเป็นพรรคเพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดูจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด เพราะช่วยแก้ปัญหาการเมืองในพรรคเพื่อไทยให้หลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาวะที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงกำลังเคลื่อนไหวจนกระทบกระทั่งกับรัฐบาลเองในตอนนั้น ปัญหาความวุ่นวายหลายอย่างในปลายรัฐบาล ที่ทำอะไรลำบาก ปฏิวัติรอบนี้ทักษิณต้องส่งไวน์เปตรุส ไวน์ชั้นยอดราคาแพงมาให้ พล.อ.ประยุทธ์ สัก 12 ลัง
เฉลิมบอกด้วยว่า ตอนนี้คนในพรรคเพื่อไทยไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ รอรัฐธรรมนูญใหม่ กระบวนการเลือกตั้งออกมาจะเป็นอย่างไร เมื่อประเทศคืนสู่ภาวะปกติ เปิดให้มีการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยยังจะชนะเลือกตั้งได้กลับมาเป็นรัฐบาลเหมือนเดิม
คำพูดของเฉลิมดูเหมือนจะสวนทางกับความเชื่อของมวลมหาประชาชนที่ออกมาแสดงความยินดีกับทหารที่ออกมายึดอำนาจ เพราะคนจำนวนมากเชื่อว่า ทหารจะออกมาจัดการกับรัฐบาลของทักษิณและระบอบทักษิณ จึงมีคำพูดทำนองว่า ให้ดูเขาไปก่อน ให้โอกาสทำงานก่อน ซึ่งมีคำถามตามมาว่า จะให้โอกาสเขาทำงานถึงเมื่อไหร่ หรือจนถึงวันที่จัดให้มีการเลือกตั้งและปรากฏผลว่า พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้กลับมาเป็นรัฐบาลใช่ไหม
ถ้าผ่านการเลือกตั้งแล้วผ่านการปฏิรูปทางการเมืองที่เราเรียกร้องกันแล้ว จะยอมรับผลการเลือกตั้งกันไหม
ถึงวันนี้เราต้องยอมรับความจริงนะครับว่า ทัศนคติของทหารที่ออกมารัฐประหารครั้งนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่จัดการกับระบอบทักษิณและรัฐบาลของทักษิณ เพราะไม่มีการกล่าวหาใดๆ ต่อรัฐบาลเลย นอกจากอ้างเหตุว่า เกิดความขัดแย้งของคนในชาติที่จะลุกลามบานปลายไปจนทหารต้องออกมาแก้วิกฤตของบ้านเมือง
แต่ถ้าทหารไม่ออกมามวลมหาประชาชนก็ไม่มีวันที่จะโค่นล้มรัฐบาลของทักษิณได้ ในตอนนั้นจึงมีเสียงเรียกร้องให้กองทัพออกมาแก้วิกฤตของบ้านเมือง แล้วสุดท้ายทหารก็ออกมาจริงๆ ตอนแรกใครก็เชื่อว่า ทหารจะออกมาจัดการกับระบอบทักษิณรัฐบาลของทักษิณ (ตอนนี้มวลชนที่ยัง “งุนงง” ก็ยังเชื่ออยู่) แต่สุดท้ายพฤติกรรมที่แสดงออกกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย พวกเขากลับมองว่า มวลชนทั้งสองฝ่ายต่างเป็นมวลชนที่มีปัญหาไม่แตกต่างกัน ทหารไม่ได้ออกมาสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะที่มวลมหาประชาชนเชื่อกัน
แม้ว่าตอนแรกดูเหมือนทหารจะแสดงบทบาทเข้มข้นกับคนเสื้อแดงมากกว่า เพราะทหารกลัวว่า คนพวกนั้นจะออกมาต่อต้าน แต่เมื่อทักษิณส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงว่า อย่าไปขัดขวางการทำงานของ คสช.คนเสื้อแดงทั้งหมดจึงพากันสงบปากคำ หลบอยู่ในที่ตั้ง หรือที่มีคนเรียกว่า “แกล้งตาย” นั่นเอง
ผมเชื่อว่า ทักษิณคิดเช่นนี้เพราะทักษิณมั่นใจเหมือนกับที่เฉลิมพูดว่า อย่างไรเสียเมื่อการเลือกตั้งกลับมาพรรคของเขาก็ต้องชนะอีก ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะถูกออกแบบมาอย่างไรก็ตาม
บางคนอาจบอกว่าถ้าเป็นเช่นนั้น เท่ากับเป็นการรัฐประหารที่สูญเปล่าอีกครั้ง คำพูดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นทัศนะของใคร ถ้าพรรคของทักษิณกลับมาชนะอีก ฝ่ายตรงข้ามของทักษิณก็ต้องคิดเช่นนั้นด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว ส่วนฝ่ายของทักษิณก็คงคิดเช่นนั้นเช่นเดียวกัน แต่อาจมีน้ำเสียงที่เยาะเย้ยเจือปนอยู่ด้วย
แต่ประเด็นก็คือ มีใครรู้บ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์และคณะของเขาคาดหวังแค่ไหนที่เข้ามายึดอำนาจรัฐประหารและตั้งรัฐบาลทหารในครั้งนี้ การคาดหวังว่าจะจัดการกับระบอบทักษิณนั้นค่อนข้างจะมีแนวโน้มที่ชัดเจนแล้วนะครับว่า ไม่ใช่ เท่าที่เห็นก็คือ ทหารออกมาเพียงเพื่อยุติความขัดแย้งในชาติเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น
ถ้าเราจะเรียกว่า กวาดขยะไว้ใต้พรมก็คงจะไม่ผิด
สมาชิกสภานิติบัญญัติสายทหารแสดงออกมาชัดเจนว่า ไม่ต้องการถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กรณีดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว. ว่าการกระทำส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่ต้องพูดเลยว่า การถอดถอนยิ่งลักษณ์จะสำเร็จลงได้
เมื่อชัดเจนแล้วว่า ทหารไม่ได้ออกมารัฐประหารเพื่อเลือกข้างทางการเมือง แต่เพื่อยับยั้งวิกฤตของบ้านเมืองเท่านั้น ผมคิดว่าคำพูดของเฉลิมครั้งนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงทีเดียวว่า เมื่อการเลือกตั้งกลับมาพรรคของทักษิณจะกลับมาชนะอีก แต่ผมอาจมีความเห็นแตกต่างกับเฉลิมตรงที่เฉลิมบอกว่ายกเว้นทักษิณตายหรือเลิกเล่นการเมือง เพราะผมคิดว่าถึงทักษิณตายถ้าพรรคของทักษิณยังอยู่พวกเขาก็ชนะการเลือกตั้งอีก ถ้าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติข้างมากของประชาชนในชนบทได้
ประชาชนชนบทในอดีตถูกทอดทิ้งจากอำนาจรัฐส่วนกลาง ความเจริญกระจุกอยู่ในเขตเมือง เมื่อระบอบทักษิณยื่นมือไปสัมผัสกับประชาชนในนามของกองทุนหมู่บ้าน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค การพักชำระหนี้เกษตรกร ฯลฯ อย่างที่ไม่เคยได้จากอำนาจรัฐส่วนกลางมาก่อน
ทำให้ประชาชนเชื่อว่า ทักษิณมอบประชาธิปไตยที่กินได้ให้พวกเขา สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะดีถ้าไม่คำนึงว่า จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวหรือไม่ ไม่ได้คำนึงถึงหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงขึ้นเพราะถูกกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายโดยไม่รู้ตัว ประชาชนอ่อนแอลงเพราะรอคอยโอกาสการช่วยเหลือจากรัฐ ไม่คิดว่าทักษิณเอาเงินของประชาชนนั่นแหละมาสร้างความนิยม และไม่ได้คิดถึงตัวเลขผลกำไรที่สูงขึ้นของบริษัทในวงศ์วานว่านเครือของทักษิณจากผลประโยชน์ทับซ้อนเชิงนโยบาย
นโยบายประชานิยมจึงทำให้ทักษิณกลายเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่ของคนยากจนในชนบท มีอำนาจล้นฟ้าจนรัฐมนตรี ส.ส. และข้าราชการเป็นเหมือนกับลูกจ้างของบริษัทในเครือชินวัตร จนกระทั่งเกิดสิ่งที่เรียกว่า ระบอบเผด็จการรัฐสภาของกลุ่มทุนพรรคการเมือง ที่ทำให้พรรคการเมืองเป็นบริษัทที่จัดการผลประโยชน์ของรัฐมาเป็นของกลุ่มทุนพรรคการเมือง
ประชาชนส่วนหนึ่งซึ่งมองเห็นกลไกอันพิกลพิการของระบอบทักษิณที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชนจึงออกมาต่อสู้เพื่อไม่ให้ผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนกลายเป็นผลประโยชน์ของกลุ่มทุนพรรคการเมือง แต่ถูกระบอบทักษิณปลุกประชาชนขึ้นมาต่อสู้จนเกิดเป็นความขัดแย้งของประชาชนในชาติ
ถ้าสิ่งเหล่านี้พล.อ.ประยุทธ์มองไม่เห็นถึงปัญหาของวิกฤตการเมืองที่สืบเนื่องมานับสิบปี ระบอบทักษิณก็กลับมาอีกอย่างที่เฉลิมพูด แล้วความขัดแย้งของคนในชาติก็จะดำรงอยู่ต่อไป
เฉลิมบอกว่า คนที่ได้กำไรจากการปฏิวัติที่สุดไม่ใช่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) หรือพรรคประชาธิปัตย์ พวกนั้นแทบจะกระอักเลือดไม่ได้อะไร คนที่ได้กำไรที่สุดเป็นพรรคเพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดูจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด เพราะช่วยแก้ปัญหาการเมืองในพรรคเพื่อไทยให้หลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาวะที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงกำลังเคลื่อนไหวจนกระทบกระทั่งกับรัฐบาลเองในตอนนั้น ปัญหาความวุ่นวายหลายอย่างในปลายรัฐบาล ที่ทำอะไรลำบาก ปฏิวัติรอบนี้ทักษิณต้องส่งไวน์เปตรุส ไวน์ชั้นยอดราคาแพงมาให้ พล.อ.ประยุทธ์ สัก 12 ลัง
เฉลิมบอกด้วยว่า ตอนนี้คนในพรรคเพื่อไทยไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ รอรัฐธรรมนูญใหม่ กระบวนการเลือกตั้งออกมาจะเป็นอย่างไร เมื่อประเทศคืนสู่ภาวะปกติ เปิดให้มีการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยยังจะชนะเลือกตั้งได้กลับมาเป็นรัฐบาลเหมือนเดิม
คำพูดของเฉลิมดูเหมือนจะสวนทางกับความเชื่อของมวลมหาประชาชนที่ออกมาแสดงความยินดีกับทหารที่ออกมายึดอำนาจ เพราะคนจำนวนมากเชื่อว่า ทหารจะออกมาจัดการกับรัฐบาลของทักษิณและระบอบทักษิณ จึงมีคำพูดทำนองว่า ให้ดูเขาไปก่อน ให้โอกาสทำงานก่อน ซึ่งมีคำถามตามมาว่า จะให้โอกาสเขาทำงานถึงเมื่อไหร่ หรือจนถึงวันที่จัดให้มีการเลือกตั้งและปรากฏผลว่า พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้กลับมาเป็นรัฐบาลใช่ไหม
ถ้าผ่านการเลือกตั้งแล้วผ่านการปฏิรูปทางการเมืองที่เราเรียกร้องกันแล้ว จะยอมรับผลการเลือกตั้งกันไหม
ถึงวันนี้เราต้องยอมรับความจริงนะครับว่า ทัศนคติของทหารที่ออกมารัฐประหารครั้งนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่จัดการกับระบอบทักษิณและรัฐบาลของทักษิณ เพราะไม่มีการกล่าวหาใดๆ ต่อรัฐบาลเลย นอกจากอ้างเหตุว่า เกิดความขัดแย้งของคนในชาติที่จะลุกลามบานปลายไปจนทหารต้องออกมาแก้วิกฤตของบ้านเมือง
แต่ถ้าทหารไม่ออกมามวลมหาประชาชนก็ไม่มีวันที่จะโค่นล้มรัฐบาลของทักษิณได้ ในตอนนั้นจึงมีเสียงเรียกร้องให้กองทัพออกมาแก้วิกฤตของบ้านเมือง แล้วสุดท้ายทหารก็ออกมาจริงๆ ตอนแรกใครก็เชื่อว่า ทหารจะออกมาจัดการกับระบอบทักษิณรัฐบาลของทักษิณ (ตอนนี้มวลชนที่ยัง “งุนงง” ก็ยังเชื่ออยู่) แต่สุดท้ายพฤติกรรมที่แสดงออกกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย พวกเขากลับมองว่า มวลชนทั้งสองฝ่ายต่างเป็นมวลชนที่มีปัญหาไม่แตกต่างกัน ทหารไม่ได้ออกมาสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะที่มวลมหาประชาชนเชื่อกัน
แม้ว่าตอนแรกดูเหมือนทหารจะแสดงบทบาทเข้มข้นกับคนเสื้อแดงมากกว่า เพราะทหารกลัวว่า คนพวกนั้นจะออกมาต่อต้าน แต่เมื่อทักษิณส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงว่า อย่าไปขัดขวางการทำงานของ คสช.คนเสื้อแดงทั้งหมดจึงพากันสงบปากคำ หลบอยู่ในที่ตั้ง หรือที่มีคนเรียกว่า “แกล้งตาย” นั่นเอง
ผมเชื่อว่า ทักษิณคิดเช่นนี้เพราะทักษิณมั่นใจเหมือนกับที่เฉลิมพูดว่า อย่างไรเสียเมื่อการเลือกตั้งกลับมาพรรคของเขาก็ต้องชนะอีก ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะถูกออกแบบมาอย่างไรก็ตาม
บางคนอาจบอกว่าถ้าเป็นเช่นนั้น เท่ากับเป็นการรัฐประหารที่สูญเปล่าอีกครั้ง คำพูดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นทัศนะของใคร ถ้าพรรคของทักษิณกลับมาชนะอีก ฝ่ายตรงข้ามของทักษิณก็ต้องคิดเช่นนั้นด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว ส่วนฝ่ายของทักษิณก็คงคิดเช่นนั้นเช่นเดียวกัน แต่อาจมีน้ำเสียงที่เยาะเย้ยเจือปนอยู่ด้วย
แต่ประเด็นก็คือ มีใครรู้บ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์และคณะของเขาคาดหวังแค่ไหนที่เข้ามายึดอำนาจรัฐประหารและตั้งรัฐบาลทหารในครั้งนี้ การคาดหวังว่าจะจัดการกับระบอบทักษิณนั้นค่อนข้างจะมีแนวโน้มที่ชัดเจนแล้วนะครับว่า ไม่ใช่ เท่าที่เห็นก็คือ ทหารออกมาเพียงเพื่อยุติความขัดแย้งในชาติเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น
ถ้าเราจะเรียกว่า กวาดขยะไว้ใต้พรมก็คงจะไม่ผิด
สมาชิกสภานิติบัญญัติสายทหารแสดงออกมาชัดเจนว่า ไม่ต้องการถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กรณีดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว. ว่าการกระทำส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่ต้องพูดเลยว่า การถอดถอนยิ่งลักษณ์จะสำเร็จลงได้
เมื่อชัดเจนแล้วว่า ทหารไม่ได้ออกมารัฐประหารเพื่อเลือกข้างทางการเมือง แต่เพื่อยับยั้งวิกฤตของบ้านเมืองเท่านั้น ผมคิดว่าคำพูดของเฉลิมครั้งนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงทีเดียวว่า เมื่อการเลือกตั้งกลับมาพรรคของทักษิณจะกลับมาชนะอีก แต่ผมอาจมีความเห็นแตกต่างกับเฉลิมตรงที่เฉลิมบอกว่ายกเว้นทักษิณตายหรือเลิกเล่นการเมือง เพราะผมคิดว่าถึงทักษิณตายถ้าพรรคของทักษิณยังอยู่พวกเขาก็ชนะการเลือกตั้งอีก ถ้าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติข้างมากของประชาชนในชนบทได้
ประชาชนชนบทในอดีตถูกทอดทิ้งจากอำนาจรัฐส่วนกลาง ความเจริญกระจุกอยู่ในเขตเมือง เมื่อระบอบทักษิณยื่นมือไปสัมผัสกับประชาชนในนามของกองทุนหมู่บ้าน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค การพักชำระหนี้เกษตรกร ฯลฯ อย่างที่ไม่เคยได้จากอำนาจรัฐส่วนกลางมาก่อน
ทำให้ประชาชนเชื่อว่า ทักษิณมอบประชาธิปไตยที่กินได้ให้พวกเขา สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะดีถ้าไม่คำนึงว่า จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวหรือไม่ ไม่ได้คำนึงถึงหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงขึ้นเพราะถูกกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายโดยไม่รู้ตัว ประชาชนอ่อนแอลงเพราะรอคอยโอกาสการช่วยเหลือจากรัฐ ไม่คิดว่าทักษิณเอาเงินของประชาชนนั่นแหละมาสร้างความนิยม และไม่ได้คิดถึงตัวเลขผลกำไรที่สูงขึ้นของบริษัทในวงศ์วานว่านเครือของทักษิณจากผลประโยชน์ทับซ้อนเชิงนโยบาย
นโยบายประชานิยมจึงทำให้ทักษิณกลายเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่ของคนยากจนในชนบท มีอำนาจล้นฟ้าจนรัฐมนตรี ส.ส. และข้าราชการเป็นเหมือนกับลูกจ้างของบริษัทในเครือชินวัตร จนกระทั่งเกิดสิ่งที่เรียกว่า ระบอบเผด็จการรัฐสภาของกลุ่มทุนพรรคการเมือง ที่ทำให้พรรคการเมืองเป็นบริษัทที่จัดการผลประโยชน์ของรัฐมาเป็นของกลุ่มทุนพรรคการเมือง
ประชาชนส่วนหนึ่งซึ่งมองเห็นกลไกอันพิกลพิการของระบอบทักษิณที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชนจึงออกมาต่อสู้เพื่อไม่ให้ผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนกลายเป็นผลประโยชน์ของกลุ่มทุนพรรคการเมือง แต่ถูกระบอบทักษิณปลุกประชาชนขึ้นมาต่อสู้จนเกิดเป็นความขัดแย้งของประชาชนในชาติ
ถ้าสิ่งเหล่านี้พล.อ.ประยุทธ์มองไม่เห็นถึงปัญหาของวิกฤตการเมืองที่สืบเนื่องมานับสิบปี ระบอบทักษิณก็กลับมาอีกอย่างที่เฉลิมพูด แล้วความขัดแย้งของคนในชาติก็จะดำรงอยู่ต่อไป