ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังเสร็จสมอารมณ์หมาย “ผู้มากบารมี ” กับเก้าอี้สูงสุดของกระทรวงตาชั่ง โดยสามารถสยายปีกสถาปนารัฐตำรวจใหม่ด้วยการส่งออก “คนในสังกัด” เข้ามาเป็นใหญ่ในหน่วยงานนี้ได้สำเร็จ เป้าหมายต่อไปของ “ผู้มากบารมีคนเดิม” ก็ใช้กำลังภายในที่มีอยู่ล้นฟ้าล้นแผ่นดินเข้ามายึดเก้าอี้ “อธิบดีกรมสอบสอบคดีพิเศษ” หรือ “ดีเอสไอ” เป็นคำรบที่สอง ด้วยรูปแบบและวิธีการเหมือนเดิม
เก้าอี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษคือใบเสร็จใบที่สองซึ่งตอกย้ำให้เห็น ชัดเจนถึงการสยายปีกสถาปนา “รัฐตำรวจใหม่” จนผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองตั้งคำถามดังๆ ว่า ปลัดกระทรวงยุติธรรมตกเป็นของ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ข้ามห้วยมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้ว เก้าอี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็จะตกเป็นของ “นายพลตำรวจที่ข้ามห้วย” มาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับคำสั่งพิเศษ “ห้ามยุ่ง” อีกเช่นนั้นหรือ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ มี 3 นายพลตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาข้องเกี่ยวกับเก้าอี้อธิบดีดีเดสไอ คนแรกคือ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์” ซึ่งได้รับคำสั่งให้ย้ายจากรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมากินตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอก่อนที่จะเกิดปัญหาบางประการ แต่ด้วยความที่เป็น “ตำรวจสายแข็ง” สายเดียวกับ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ทำให้มีการปูนบำเหน็จให้ขึ้นหิ้งในเก้าอี้ปลัดกระทรวงยุติธรรมเพื่อปลอบใจก่อนเกษียณอายุราชการ
คนที่สองก็คือ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ได้รับการทาบทามให้มาเป็นอธิบดีดีเอสไอหลังอกหักพ่ายแพ้ในศึกชิงเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้กับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แต่สุดท้าย “บิ๊กเอก” ปฏิเสธที่จะย้ายออกจากต้นสังกัด เพราะยังมีสิทธิลุ้นเก้าอี้สูงสุดในกรมปทุมวันหลัง “บิ๊กอ๊อด” เกษียณอายุราชการในปี 2558 ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ความฝันของบิ๊กเอกจะเป็นจริงหรือไม่ เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างยืนยันกันออกมาแล้วว่า เก้าอี้ตัวนี้ถูกตีตราจองเอาไว้ให้กับ “บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คนที่สามคือเจ้าของฉายา “นวยนิ่ม” ที่โด่งดังสะท้านปฐพี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ทว่า สุดท้ายก็บิ๊กนวยก็เลือกที่จะเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มากกว่าอธิบดีดีเอสไอ เพราะรู้ดีว่าภารกิจในเก้าอี้ตัวนี้ใหญ่หลวงเพียงใด
เมื่อ “สายแข็ง” หาคนมาลงไม่ได้ ปัญหาจึงเกิดขึ้น เพราะเกิดแรงกระเพื่อมอย่างหนัก โดยเฉพาะจาก “คนใน” หรือ “ลูกหม้อ” ในกระทรวงยุติธรรมและกรมสอบสวนคดีพิเศษเอง เพราะเห็นตัวอย่างจากเก้าอี้ปลัดกระทรวงมาแล้วครั้งหนึ่ง
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของ “พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์” ที่ทนไม่ไหวถึงกับต้องระบายออกมาผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
ขณะที่ “สายคนอกหัก” ก็ได้แต่กลืนเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า และพร่ำบ่น อะไรไม่ได้นอกจาก “อดทน” และรอวันให้ “สายแข็ง” ส่งคนของตัวลงมากินตำแหน่งพร้อมกับคำสั่ง “ห้ามยุ่ง” สถานเดียว
และในที่สุด “สายแข็ง” ที่สยายปีกสถาปนารัฐตำรวจใหม่เข้าฟากมายังกระทรวงยุติธรรมก็โยนหินถามทางด้วยการเปิดรายชื่อ “นายพลตำรวจ” คนใหม่(อีกแล้วครับท่าน) ที่จะเข้ามาเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นายพลที่ตกเป็นข่าวคนนั้นมีนามกรว่า “พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา” ซึ่งเพลานี้รั้งตำแหน่งรักษาราชการผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
รายงานข่าวแจ้งด่วนจี๋เข้ามาให้สั่นสะเทือนอีกแล้วว่า กระทรวงยุติธรรมจะเสนอชื่อ พล.ต.ท.เดชณรงค์เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า
ปัญหามีอยู่ว่า ชื่อของ พล.ต.ท.ณรงค์เดชเป็นชื่อที่อยู่ๆ ก็ลอยมา ขณะที่ตัวเจ้ากระทรวงคือ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายาเอง มีความเห็นว่าจะเสนอคนในกระทรวงยุติธรรม มาเป็นอธิบดีดีเอสไอ และคาดว่า คนๆ นั้นน่าจะเป็น “ดร.เอ-พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์” อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้เป็นสามีของม่ายสาวพราวเสน่ห์ “ไฮโซแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ”
แต่เรื่องของเรื่องมีว่า พล.ต.ท.เดชณรงค์ ได้รับการสนับสนุนจาก “สายแข็ง” ที่ยากจะปฏิเสธได้
โดยรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าตัวอาสามารับตำแหน่งดังกล่าว 2 ปี จากนั้นจะขอโอนกลับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เนื่องจาก พล.ต.ท.เดชณรงค์ จะเกษียณอายุราชการปี 2561 และมีกระแสข่าวว่าได้ส่งทีมงานมาพบ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ เพื่อเตรียมห้องทำงานแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พล.ต.ท.เดชณรงค์ เคยดำรงตำแหน่ง รอง ผบช.ศชต. ก่อนขึ้นเป็น ผบช.สำนักงบประมาณและการเงิน หลังรัฐประหารถูกเลือกไปรักษาราชการแทน ผบช.ภ.4 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทั่งคำสั่งแต่งตั้งล่าสุดได้ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้รับมอบหมายให้คุมงานด้านความมั่นคง และเป็นหัวหน้าส่วนประสานงานด้านความมั่นคงฝ่ายตำรวจกับกระทรวงกลาโหม
ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบได้เกี่ยวกับการมาเป็นใหญ่ที่ดีเอสไอของ พล.ต.ท.ณรงค์เดช
แต่เจ้ากรมข่าวลือยังรายงานชนิดที่กลัวจะเป็นความจริงอีกด้วยว่า พล.อ.ไพบูลย์ เตรียมพูดคุยหารือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยอาจมีการโต้แย้งเรื่องนำคนนอกมาเป็นอธิบดีดีเอสไอ เนื่องจากเห็นว่า คนในกระทรวงยุติธรรมอาจมีความเหมาะสมมากกว่า
ย้ำอีกครั้งว่าเป็นข้อมูลที่สื่อหลายสำนักรายงานไปในทิศทางเดียวกัน
กระนั้นก็ดี หลังมีการโยนหินถามทางออกมา ได้มีการไปตรวจสอบข้อมูลกับ พล.ต.ท.เดชณรงค์โดยตรงถึงกระแสข่าวถูกทาบทามให้โยกย้ายข้ามหน่วยดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่ง พล.ต.ท.เดชณรงค์ตอบว่า ไม่มี ไม่ทราบเลย เป็นข่าวลือ ตนเองก็ไม่ทราบว่าออกมาได้อย่างไร
แต่เมื่อถามว่าหากถูกเลือกให้เป็นอธิบดีดีเอสไอ ตามที่เป็นข่าวจะตัดสินใจอย่างไร พล.ต.ท.เดชณรงค์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลานั้นอย่าเพิ่งพูดดีกว่า
และเมื่อถามว่ามีข่าวว่ามีการเจรจากันว่าจะไปดำรงตำแหน่งเพียง 2 ปี แล้วกลับรับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อ พล.ต.ท.เดชณรงค์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องอะไร ตนเองไม่ทราบว่าใครเขียนถึง ยังงงอยู่
ดูน้ำเสียงของ พล.ต.ท.ณรงค์เดชแล้วก็ต้องบอกว่า แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธและระบุว่าเป็นข่าวลือ แต่จากน้ำเสียงอันแปร่งปร่าและออกตัวอยู่ในทีก็มิใช่ว่า จะเป็นเพียงแค่ข่าวโคมลอยโดยไม่มีเค้ามูลของความเป็นจริงเอาเสียเลย
ขณะที่เมื่อไปตรวจสอบท่าทีล่าสุดของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวก็ดูเหมือนจะเก็บงำและสงวนท่าทีชนิดที่ไม่มีอะไรเล็ดลอดออกมาให้จับถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“เอา...ไล่ผมให้จนสิ”
“ไหน...คุณไปเอาแหล่งข่าวจากไหน บอกผมสิ?”
“ก็แหล่งข่าวใครเขาบอกกันหล่ะคะ!!!”
“ก็ในใจผม ทำไมผมต้องบอกคุณด้วยหล่ะ ถ้าผมพูดดัง ก็ไม่เรียกว่าอยู่ในใจสิ แต่มีอยู่ในใจแล้ว”
“มีอยู่ในใจก็แสดงว่ารู้ตัวแล้วสิคะ?”
“เอ้า ก็เรื่องของผม!”
นั่นคือบทสนทนาระหว่าง พล.อ.ไพบูลย์กับผู้สื่อข่าว ซึ่งจับใจความสำคัญได้ว่า บิ๊กต๊อกมีชื่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษคนใหม่อยู่ในใจแล้ว
เพียงแค่คนที่อยู่ในใจ พล.อ.ไพบูลย์จะเป็นคนเดียวกับคนที่ผู้มากบารมีส่งเข้าประกวดหรือไม่ ไม่ทราบได้
กระทั่งในที่สุดความชัดเจนก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยพล.อ.ไพบูลย์ได้เซ็นคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 385/2557 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการรักษาราชการแทนปลัดกระทรวง และอธิบดี โดย 1. แต่งตั้งให้พลตำรวจเอกชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม 2. แต่งตั้งให้ นางสาวสุวณา สุวรรณจูฑะ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม และ3. แต่งตั้งให้ นายวีระยุทธ สุขเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
งานนี้ ต้องบอกว่า “บิ๊กต๊อก” ทำ “บิ๊กเซอร์ไพรซ์” ที่เล่นเอาฮือฮากันทั้งบ้านทั้งเมืองเลยทีเดียว