โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
ท่านผู้นำได้เข้าสู่เวทีสากลเกือบเต็มรูปแบบ เป็นเวทีการประชุมระหว่างกลุ่มประชาคมยุโรปและกลุ่มอาเซียน ที่กรุงมิลาน อิตาลี นับเป็นประสบการณ์ใหม่ เมื่อได้กระทบไหล่กับผู้นำกลุ่มประเทศซึ่งกุมอำนาจเศรษฐกิจในทวีปยุโรป
เพียงแต่ว่ายักษ์ใหญ่ยุโรปนั้นอยู่ในสภาพง่อยเปลี้ยเพลียแรงเพราะปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรัง 4-5 ประเทศอดีตนักล่าอาณานิคมต้องเผชิญวิกฤตหนี้สะสมจากการบริหารงานผิดพลาดเกือบเจ๊ง ต้องให้เพื่อนบ้านระดมเงินมาอุ้ม
ใหญ่แค่ไหนก็เจ๊งได้ ถ้าไม่ระวัง ขณะนี้แม้แต่เยอรมนี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรปก็ยังมีปัญหา หลังจากไปช่วยเหลือพวกหนี้เยอะก่อนหน้านี้ ดังนั้นความสง่างามจึงมีน้อย เสียงไม่ดังเท่าที่ควร ต้องง้อกลุ่มประเทศอื่นๆ
ท่านผู้นำประเทศไทยจึงไม่น่าจะเป็นเป้าหมายของการจ้องมองเข้ม เพ่งพินิจในฐานะเป็นผู้นำมาจากการรัฐประหาร บริหารบ้านเมืองโดยใช้กฎอัยการศึก ถ้าพูดแบบไม่อ้อมค้อมเกรงใจกัน ก็คือเป็นรัฐบาลเผด็จการทหารนั่นเอง
ไปครั้งนี้พวกยุโรปอาจมีใจ เผื่อใจไว้ว่า เมื่อเมืองไทยมีปัญหาการเมืองเรื้อรังจากการระบอบการเลือกตั้งซื้อเสียง ขอดูประชาธิปไตยแบบไทยๆ ดูซิว่าจะทำให้ดินแดนที่เคยมีการรัฐประหารตั้ง 17 ครั้งนั้นมีเสถียรภาพยั่งยืนหรือไม่
ถ้ามั่นคงถาวร ไร้วิกฤต บริษัทจากยุโรปและกลุ่มนักค้าข้ามชาติไม่ต้องกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง อย่างน้อยก็จะทำให้การกอบโกยทรัพยากรจากประเทศในโลกที่ 3 ไม่ต้องเผชิญปัญหารุนแรงเหมือนในตะวันออกกลาง หรือในแอฟริกา ละตินอเมริกา เพราะเอเชียมีความแข็งแกร่งด้านพื้นฐานใช้ได้
ท่านผู้นำออกแนวกร้าวแกร่ง ไม่กลัวใคร จัดอยู่ในประเภท “เอ็งล่อข้ามา ข้าก็ล่อเอ็งได้เหมือนกัน” ดังที่ได้ต่อปากต่อคำ วิวาทะกับสื่อไทย โชว์ให้เห็นความใจถึงหลายวาระ ดังนั้นจึงไม่น่าห่วงเรื่องคำถามจากสื่อต่างประเทศในประเด็นบาดความรู้สึกเช่นกรณีเหยื่อโหดชาวอังกฤษที่เกาะเต่า การรัฐประหาร
เพียงแต่ว่าความห้าวจัด หุนหันพลันแล่น การไม่ลดราวาศอกในการปะทะคารมของท่าน จะทิ้งซากความเสียหายไว้มากหรือน้อย ศพสวยหรือเปล่า ป่านนี้คงรู้แล้วว่าท่านเอาตัวรอดจากการพบปะกับสื่อฝรั่งได้อย่างไร
ถ้ามีคำถามบาดใจ ท่านคงตอบได้ว่า “ข้าพเจ้ามาวันนี้เพื่อประชุมงานอาเซ็ม ดังนั้น ขอตอบคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอียูกับอาเซียน” แค่นี้ก็เป็นการพลิ้วได้แบบมีลีลาไม่น่าเกลียด เว้นแต่ท่านใจถึง ถอยไม่เป็นเท่านั้น
จากการประเมินผลของความเป็นผู้นำของท่านในสภาพของหัวหน้า คสช. และนายกฯ ในช่วง 5 เดือนกว่าๆ ว่าไปแล้วความน่าสะพรึงกลัวที่สุดในบรรดาอุปสรรคของท่านไม่ใช่กลุ่มเสื้อแดง เสื้อเหลือง นักการเมืองขี้ข้าเหลี่ยม
ตัวท่านผู้นำเองนั่นแหละคือศัตรูตัวร้ายของตัวท่าน ไม่มีใครอื่น ที่เหลือเป็นเพียงตัวประกอบ เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมาความเสื่อมด้านความนิยม ผลงานต่างๆ ที่ไม่เข้าตาประชาชนถูกทำให้มองว่าเลวร้ายกว่าที่ควรจะเป็นเพราะลีลาท่าทาง ภาษา หน้าตาบอกบุญไม่รับ การพูดจากระโชกโฮกฮาก มะนาวไม่มีน้ำ
เห็นท่านทะเลาะกับสื่อมวลชน 2-3 รอบ จิกกัดติด คลุกฝุ่น ถ้าไม่มีใครห้ามไม่ยอมเลิกรานั้น เป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงของวุฒิภาวะผู้นำรัฐบาล
มีแต่นักการเมืองขาดดุลพินิจร้ายแรงเท่านั้นที่ชอบยืนหยัดซดไม่ถอยกับสื่อมวลชน นอกจากไม่ได้อะไรเป็นผลบวกแล้ว ยังเสียหาย สร้างความเกลียดชัง มีปัญหาด้านทัศนคติ ความรู้สึกการเป็นปฏิปักษ์ สื่อจ้องหาจุดเปราะบาง
เห็นได้ชัดว่าท่านผู้นำใช้ความพยายามพูดยาวหลากหลายเรื่องทุกค่ำวัน ศุกร์นั้น มีสักกี่เปอร์เซ็นต์ที่ได้เข้าหู มีการรับรู้ของประชาชน ไปทางไหนก็มีแต่คนบอกว่าเบื่อ ไม่อยากฟัง พูดเหมือนพล่าม คนฟังไม่อยากได้ยินเสียงห้วนๆ
อาจมีคนสงสัยว่าท่านได้เคยอ่านนิทานเรื่องโคนันทิวิศาลหรือไม่!
การสื่อสารด้วยคำพูดเป็นประเด็นสำคัญต่อความรู้สึกของผู้ฟัง...ในยุคผู้นำหนุ่มหล่อนั้น มีเสียงร่ำลือกันว่า ถ้าได้ยินผู้นำหนุ่มพูดครั้งใด ผู้ฟังรู้สึกว่า ตัวเองกำลังถูกบอกให้รู้ว่าฉลาดน้อย หรือโง่ จำเป็นต้องฟังให้เยอะต่อเนื่อง
ฟังไปนานๆ อาจลืมตัวยกมือลูบหัว ดูซิว่ามีเขางอกออกมาหรือเปล่า!
มาถึงยุคผู้นำหญิง แม่นางเจื้อยแจ้วยามเช้าวันเสาร์ แม้จะไม่มีสาระ เป็นเพียงการอ่านโพย ผู้ฟังส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกว่า “เฮ้ย! ตัวเราเองฉลาดกว่าเยอะที่หว่า!” ดังนั้นความไร้สาระสื่อผ่านแม่นางแสนดีวจีไพเราะจึงดูดี
คนฟังรู้สึกภูมิใจว่าระดับสติปัญญาของตัวเองไม่ด้อยกว่าผู้นำ!
ดังนั้น การที่ท่านผู้นำได้ประสบการณ์ พบปะแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้นำชาติอื่นๆ ควรใช้เป็นบทเรียนว่าการเป็นผู้นำต้องมีความครบเครื่องด้านความสุขุม ใจเย็น และท่านเองได้พูดไว้ว่ายิ่งตำแหน่งใหญ่ต้องยิ่งทำตัวให้เล็ก
ถ้านึกเห็นภาพอึ่งอ่างพยายามเบ่งตัวให้ใหญ่แข่งกับวัวก็รู้ว่าเป็นไง!
ความอยู่รอดของท่านผู้นำขึ้นอยู่กับความกล้าหาญในการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงแนวทางที่ผิดพลาดซึ่งกำลังนำท่านสู่วิกฤติ ความล้มเหลว เพราะท่านเห็นแก่ความเป็นไทยๆ เกรงใจ เห็นแก่หน้าพี่ๆ น้องๆ โดยอาจลืมนึกไปว่าคนแวดล้อมตัวท่านได้กอบโกยผลประโยชน์ ไม่สนใจว่าตัวท่านจะเสียหาย
บางคนอาจหวังด้วยซ้ำว่าถ้าท่านจำเป็นต้องไป ตัวเองจะได้มาแทนท่าน แนวคิดเช่นนี้ใช่ว่าจะไร้เหตุผล ตัวท่านเองรู้ดีที่สุดว่าใครหวังดี ใครประสงค์ร้าย เงินทอง ผลประโยชน์ทำให้พี่น้องฆ่ากันได้ การเมืองมีอำนาจเป็นเดิมพัน
เมืองไทยบางมิติ ไม่ต่างจากพาราสาวัตถี ไม่มีใครปราณีใคร!