ASTVผู้จัดการรายวัน-"ผบ.ทบ."ลั่น 3 พ.ย.ทุกโรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ต้องเปิดเรียนได้ เตรียมลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พร้อมจัดสรรงบซ่อมโรงเรียน ชี้หาก "โมเดล ทุ่งยางแดง" เข้มแข็ง จ่อขยายพื้นที่อื่น ประกาศไม่ยอมให้ใครแบ่งแยกดินแดน "เจะอามิง" ชี้กลุ่มก่อการร้ายเลือกเผา ร.ร. ในพื้นที่รัฐอ่อนแอ เพื่อโชว์ศักยภาพ แนะใช้โรงเรียนดึงมวลชน คนร้ายยิงชาวนราฯ ดับอีก 1 ราย พร้อมลอบวางระเบิดทหารในสุไหงโก-ลกเจ็บ 4 นาย
วานนี้ (15 ต.ค.) ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดทำ "ทุ่งยางแดงโมเดล" เพื่อแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่า เป็นข้อเสนอของ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ส่วนหน้าภาค 4 ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อต้องการกระชับการทำงานทุกภาคส่วน ให้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ ทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ใน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี สามารถควบคุมดูแลได้ รวมถึงประชาชนมีความเข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี โดยจะเน้นให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ดูแลความปลอดภัยโรงเรียนให้มีความครอบคลุมและแน่นหนามากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาเสริม หากสามารถทำให้ทุ่งยางแดงโมเดล เข้มแข็ง เราก็จะขยายไปพื้นที่อื่นต่อไป กองทัพจะพยายามทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ดีขึ้นในปี 2558 ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
"กรณีอำเภอทุ่งยางแดง เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการประสานงานกับ กอ.รมน. โดยทาง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ก็จะลงพื้นที่ในเร็ววันนี้ และในส่วนของผมเองก็เช่นกันที่ต้องลงไปดูแลปัญหาต่างๆ พร้อมทั้งจะพิจารณางบประมาณในการซ่อมแซมโรงเรียนที่ถูกเผา และต้องทำให้มีโรงเรียนชั่วคราว ส่วนโรงเรียนที่มีความเสียหายมากจนต้องมีการก่อสร้างใหม่ จะเร่งดำเนินการเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามการเปิดภาคเรียนที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.เป็นต้นไปจะต้องพร้อมเปิดเรียนในทุกพื้นที่ แม้จะต้องมีการจัดพื้นที่เรียนชั่วคราวก็จะต้องให้เกิดความพร้อมที่จะให้เปิดเรียนได้ทัน" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
เมื่อถามว่าได้มีการประเมินผู้ก่อเหตุความไม่สงบหรือไม่หลังจากห่างหายไปนาน พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมาเรามีการควบคุมตัวแกนนำ โดยสามารถจับกุมได้ในส่วนของบุคคล อาวุธ อุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ และสร้างภาพข่าวขึ้นมา ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว หากทางเจ้าหน้าที่มีการจับกุมแกนนำในพื้นที่ไหนก็จะมีการตอบโต้กลับมา แต่ขอยืนยันว่า เราสามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ได้ ส่วนที่ยังมีการก่อเหตุอยู่บ้าง ต้องพยายามแก้ไขกันต่อไป พร้อมทั้งได้เน้นย้ำให้เพิ่มเติมในเรื่องของงานด้านการข่าว และการปฏิบัติการในระดับพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีนโยบายที่จะต้องเอาชนะในหมู่บ้าน แต่นโยบายใหม่ เราไม่ได้ที่จะเข้าไปต่อสู้เพื่อเอาชนะใคร แต่จะไปทำให้เกิดสันติสุขเท่านั้น ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องเข้าใจและให้ความร่วมมือ
"ผมมั่นใจว่าหากดำเนินงานตามแผนที่ได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีจะสามารถทำให้สถานการณ์นั้นดีขึ้นก็หวังเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่เห็นต่าง ต้องเข้ามาร่วมมือ เพื่อที่จะให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้คือการแบ่งแยกดินแดนไทย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ตามรัฐธรรมนูญไมได้กำหนดไว้ ซึ่งคนในพื้นที่เองก็ไม่เคยคิดจะแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่าจะไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
***ชี้กลุ่มโจรเลือกป่วนพื้นที่รัฐอ่อนแอ
นายเจะอามิง โตะตาหยง อดีต ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์เผาโรงเรียน 6 แห่งในพื้น จ.ปัตตานีว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเผาโรงเรียนนั้นในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง ก็มีการก่อเหตุอยู่หลายครั้ง ซึ่งเหตุผลก็คือผู้ก่อการได้ประเมินแล้วว่าในพื้นที่ไหนที่อำนาจรัฐอ่อนแอ กลุ่มผู้ก่อการจะก่อเหตุเพื่อเป็นการแสดงแสนยานุภาพของกลุ่มตน
ส่วนที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เสนอให้ใช้ทุ่งยางแดงโมเดล เพื่อแก้ปัญหานั้น ตนเห็นว่าควรจะใช้โรงเรียนในพื้นที่ดึงมวลชนขึ้นมา โดยในแต่ละโรงเรียนจะมีคณะกรรมการโรงเรียนอยู่ ซึ่งคณะกรรมการโรงเรียนเหล่านั้นก็ควรมีแนวทางหารือถึงการประสานมวลชน ซึ่งถ้ามีอะไรขึ้นมาตนเชื่อว่าคณะกรรมการโรงเรียนก็จะสามารถสะท้อนความเห็นไปยังผู้บริหารโรงเรียนได้ เพราะฉะนั้น หากทำมวลชนให้ดีก็จะสามารถเป็นเกราะป้องกันได้
ส่วนประเด็นเรื่องการแต่งตั้ง พล.อ.อักษรา เกิดผล เป็นหัวหน้าชุดพูดคุยเพื่อสันติสุข เชื่อว่าการแก้ปัญหาภาคใต้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ และควรจะเน้นการทำงานเชิงรุก และติดตามสถานการณ์ในแต่ละวันตลอดเวลา ซึ่งการใช้รูปแบบเก่าๆ เพื่อแก้ไขปัญหานั้นก็คงเป็นเรื่องยาก ผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ ควรที่จะคิดรูปแบบใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหา และควรจะอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความอบอุ่น ดึงประชาชนมามีเป็นพวก
สำหรับกระแสข่าวว่า มาเลเซียต้องการจะให้พลเรือนมาเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เจรจา ตนขอยืนยันคำเดิมว่า มาเลเซียไม่ใช่ปัญหา ปัญหาใน 3 จังหวัดถือเป็นปัญหาภายในประเทศ และทางมาเลเซียก็ไม่ได้ก้าวก่ายในส่วนนี้ และคงไม่มีสิทธิจะมาก้าวก่ายด้วย แต่มาเลเซียสามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งเสริมการพูดคุยได้
**เจ้าหน้าที่ปัตตานียังตรึงกำลังคุมเข้ม
ด้านบรรยากาศยทั่วไปในพื้นที่ จ.ปัตตานี หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและคนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียน 6 แห่งใน 2 อำเภอของ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา อีกทั้งทางหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคง ยังคงแจ้งเตือนมาว่ากลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ยังมีแผนที่จะลอบวางเพลิงอาคารเรียนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองของจังหวัด รวมทั้งกำลังอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน มีการตรึงกำลังเพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนและสถานที่สำคัญต่างๆ
โดยมีการเน้นหนักในเวลากลางคืน มีการจัดชุดเคลื่อนที่เร็วที่ใช้เครื่องมือพิเศษในการเข้าไประงับเหตุ อีกทั้ง ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณพื้นที่เป้าหมาย เพื่อกดดันกลุ่มคนร้ายที่อาจเคลื่อนไหวเข้ามาก่อเหตุได้ จากการตรึงกำลังอย่างเข้มงวดและเป็นพิเศษ จนสามารถดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับพื้นที่ให้เกิดขึ้นอย่างเมื่อคืนที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้จึงไม่เกิดเหตุรุนแรงแต่อย่างใด
ร.ต.สมโภชน์ สุวรรณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายเผาโรงเรียน ทั้ง 6 แห่งว่า ทางจังหวัดได้ส่งวิศวกรไปประเมินดูว่าอาคารที่ถูกเผาจะปรับปรุงหรือซ่อมแซมอย่างไรได้บ้าง ส่วนเรื่องงบประมาณ ทางกระทรวงศึกษาธิการจะดูแลให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และยืนยันได้ว่าเด็กในโรงเรียนที่เกิดเหตุจะได้เรียนพร้อมกับเด็กอื่นๆ ในช่วงเปิดเทอมนี้แน่นอน
**ยิงชาวบ้านเสียชีวิตอีกรายที่รามัน
ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วานนี้ (15 ต.ค.) ศูนย์วิทยุ สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตที่บนถนนในหมู่บ้าน ที่บ้านตะโน๊ะมูดู ม.1 จะกว๊ะ อ.รามัน จึงได้แจ้ง ร.ต.ท.สุริยันต์ ภูนบทอง ร้อยเวรสอบสวน สภ.จะกว๊ะ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบนายอาดือลี วาแล๊ะ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 ม.1 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ริมถนนดังกล่าวสภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ลำตัว
สอบสวนทราบว่าในขณะที่ผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านในพื้นที่ ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มายัง ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบก่อนใช้อาวุธปืนยิงใส่จนเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายจึงหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ แต่ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว
**บึ้มทหารสุไหงโก-ลกบาดเจ็บ4นาย
ต่อมาเวลา 07.30 น. พ.ต.อ.แวสาแม สาและ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รับแจ้งคนร้ายวางระเบิดทหารสังกัด ร้อย ร.1913 ฉก.นราธิวาส 36 และผู้ใหญ่บ้านริมถนนสายตากใบ-สุไหงโก-ลก ช่วงบริเวณบ้านมือบา ม.4 ต.ปาเสมัส ทหารและผู้ใหญ่บ้านได้รับบาดเจ็บ 4 ราย จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบบริเวณโคนต้นไม้ริมถนนเป็นหลุมลึก 2 ฟุตกว้าง 3 ฟุต และเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 7 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน
นอกจากนี้ ที่บริเวณผิวถนนเจ้าหน้าที่พบข้อความภาษายาวีที่คนร้ายพ่นไว้ด้วยสีสเปรย์สีขาว เขียนข้อความว่า "ปัตตานีเมอร์เดก้า" พร้อมด้วยกองเลือดจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ไปก่อนหน้าแล้ว ประกอบด้วย 1.ร.ต.คุณานนท์ เพิ่มพรศรี หน.ชุด ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณสะโพกและขาซ้าย 2.จ.ส.อ.สถิตย์ เบ้าแก้ว ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว 3.นายสุรินทร์ เจ๊ะนุ ผู้ใหญ่บ้านมือบา และ 4.นายอัสรี เจ๊ะแว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมือบา ซึ่งถูกอานุภาพระเบิดมีอาการแน่นหน้าอก และหูอื้อ
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.คุณานนท์ ได้รับแจ้งจากนายสุรินทร์ ผู้ใหญ่บ้านมือบาว่า มีการพ่นสีสะเปรย์บนผิวถนน จึงระดมกำลังรวม 1 ชุดปฏิบัติการ นั่งรถยนต์หุ้มเกราะวีว่าไปตรวจสอบ โดยขณะที่ ร.ต.คุณานนท์ และเจ้าหน้าที่รวมถึงผู้ใหญ่บ้านกำลังใช้ทินเนอร์ลบข้อความที่ผิวถนน คนร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทางได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปวางไว้ใต้โคนต้นไม้ริมถนนจนเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่ก่อความไม่สงบเพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน
วานนี้ (15 ต.ค.) ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดทำ "ทุ่งยางแดงโมเดล" เพื่อแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่า เป็นข้อเสนอของ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ส่วนหน้าภาค 4 ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อต้องการกระชับการทำงานทุกภาคส่วน ให้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ ทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ใน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี สามารถควบคุมดูแลได้ รวมถึงประชาชนมีความเข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี โดยจะเน้นให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ดูแลความปลอดภัยโรงเรียนให้มีความครอบคลุมและแน่นหนามากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาเสริม หากสามารถทำให้ทุ่งยางแดงโมเดล เข้มแข็ง เราก็จะขยายไปพื้นที่อื่นต่อไป กองทัพจะพยายามทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ดีขึ้นในปี 2558 ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
"กรณีอำเภอทุ่งยางแดง เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการประสานงานกับ กอ.รมน. โดยทาง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ก็จะลงพื้นที่ในเร็ววันนี้ และในส่วนของผมเองก็เช่นกันที่ต้องลงไปดูแลปัญหาต่างๆ พร้อมทั้งจะพิจารณางบประมาณในการซ่อมแซมโรงเรียนที่ถูกเผา และต้องทำให้มีโรงเรียนชั่วคราว ส่วนโรงเรียนที่มีความเสียหายมากจนต้องมีการก่อสร้างใหม่ จะเร่งดำเนินการเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามการเปิดภาคเรียนที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.เป็นต้นไปจะต้องพร้อมเปิดเรียนในทุกพื้นที่ แม้จะต้องมีการจัดพื้นที่เรียนชั่วคราวก็จะต้องให้เกิดความพร้อมที่จะให้เปิดเรียนได้ทัน" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
เมื่อถามว่าได้มีการประเมินผู้ก่อเหตุความไม่สงบหรือไม่หลังจากห่างหายไปนาน พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมาเรามีการควบคุมตัวแกนนำ โดยสามารถจับกุมได้ในส่วนของบุคคล อาวุธ อุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ และสร้างภาพข่าวขึ้นมา ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว หากทางเจ้าหน้าที่มีการจับกุมแกนนำในพื้นที่ไหนก็จะมีการตอบโต้กลับมา แต่ขอยืนยันว่า เราสามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ได้ ส่วนที่ยังมีการก่อเหตุอยู่บ้าง ต้องพยายามแก้ไขกันต่อไป พร้อมทั้งได้เน้นย้ำให้เพิ่มเติมในเรื่องของงานด้านการข่าว และการปฏิบัติการในระดับพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีนโยบายที่จะต้องเอาชนะในหมู่บ้าน แต่นโยบายใหม่ เราไม่ได้ที่จะเข้าไปต่อสู้เพื่อเอาชนะใคร แต่จะไปทำให้เกิดสันติสุขเท่านั้น ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องเข้าใจและให้ความร่วมมือ
"ผมมั่นใจว่าหากดำเนินงานตามแผนที่ได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีจะสามารถทำให้สถานการณ์นั้นดีขึ้นก็หวังเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่เห็นต่าง ต้องเข้ามาร่วมมือ เพื่อที่จะให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้คือการแบ่งแยกดินแดนไทย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ตามรัฐธรรมนูญไมได้กำหนดไว้ ซึ่งคนในพื้นที่เองก็ไม่เคยคิดจะแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่าจะไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
***ชี้กลุ่มโจรเลือกป่วนพื้นที่รัฐอ่อนแอ
นายเจะอามิง โตะตาหยง อดีต ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์เผาโรงเรียน 6 แห่งในพื้น จ.ปัตตานีว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเผาโรงเรียนนั้นในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง ก็มีการก่อเหตุอยู่หลายครั้ง ซึ่งเหตุผลก็คือผู้ก่อการได้ประเมินแล้วว่าในพื้นที่ไหนที่อำนาจรัฐอ่อนแอ กลุ่มผู้ก่อการจะก่อเหตุเพื่อเป็นการแสดงแสนยานุภาพของกลุ่มตน
ส่วนที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เสนอให้ใช้ทุ่งยางแดงโมเดล เพื่อแก้ปัญหานั้น ตนเห็นว่าควรจะใช้โรงเรียนในพื้นที่ดึงมวลชนขึ้นมา โดยในแต่ละโรงเรียนจะมีคณะกรรมการโรงเรียนอยู่ ซึ่งคณะกรรมการโรงเรียนเหล่านั้นก็ควรมีแนวทางหารือถึงการประสานมวลชน ซึ่งถ้ามีอะไรขึ้นมาตนเชื่อว่าคณะกรรมการโรงเรียนก็จะสามารถสะท้อนความเห็นไปยังผู้บริหารโรงเรียนได้ เพราะฉะนั้น หากทำมวลชนให้ดีก็จะสามารถเป็นเกราะป้องกันได้
ส่วนประเด็นเรื่องการแต่งตั้ง พล.อ.อักษรา เกิดผล เป็นหัวหน้าชุดพูดคุยเพื่อสันติสุข เชื่อว่าการแก้ปัญหาภาคใต้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ และควรจะเน้นการทำงานเชิงรุก และติดตามสถานการณ์ในแต่ละวันตลอดเวลา ซึ่งการใช้รูปแบบเก่าๆ เพื่อแก้ไขปัญหานั้นก็คงเป็นเรื่องยาก ผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ ควรที่จะคิดรูปแบบใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหา และควรจะอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความอบอุ่น ดึงประชาชนมามีเป็นพวก
สำหรับกระแสข่าวว่า มาเลเซียต้องการจะให้พลเรือนมาเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เจรจา ตนขอยืนยันคำเดิมว่า มาเลเซียไม่ใช่ปัญหา ปัญหาใน 3 จังหวัดถือเป็นปัญหาภายในประเทศ และทางมาเลเซียก็ไม่ได้ก้าวก่ายในส่วนนี้ และคงไม่มีสิทธิจะมาก้าวก่ายด้วย แต่มาเลเซียสามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งเสริมการพูดคุยได้
**เจ้าหน้าที่ปัตตานียังตรึงกำลังคุมเข้ม
ด้านบรรยากาศยทั่วไปในพื้นที่ จ.ปัตตานี หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและคนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียน 6 แห่งใน 2 อำเภอของ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา อีกทั้งทางหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคง ยังคงแจ้งเตือนมาว่ากลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ยังมีแผนที่จะลอบวางเพลิงอาคารเรียนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองของจังหวัด รวมทั้งกำลังอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน มีการตรึงกำลังเพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนและสถานที่สำคัญต่างๆ
โดยมีการเน้นหนักในเวลากลางคืน มีการจัดชุดเคลื่อนที่เร็วที่ใช้เครื่องมือพิเศษในการเข้าไประงับเหตุ อีกทั้ง ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณพื้นที่เป้าหมาย เพื่อกดดันกลุ่มคนร้ายที่อาจเคลื่อนไหวเข้ามาก่อเหตุได้ จากการตรึงกำลังอย่างเข้มงวดและเป็นพิเศษ จนสามารถดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับพื้นที่ให้เกิดขึ้นอย่างเมื่อคืนที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้จึงไม่เกิดเหตุรุนแรงแต่อย่างใด
ร.ต.สมโภชน์ สุวรรณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายเผาโรงเรียน ทั้ง 6 แห่งว่า ทางจังหวัดได้ส่งวิศวกรไปประเมินดูว่าอาคารที่ถูกเผาจะปรับปรุงหรือซ่อมแซมอย่างไรได้บ้าง ส่วนเรื่องงบประมาณ ทางกระทรวงศึกษาธิการจะดูแลให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และยืนยันได้ว่าเด็กในโรงเรียนที่เกิดเหตุจะได้เรียนพร้อมกับเด็กอื่นๆ ในช่วงเปิดเทอมนี้แน่นอน
**ยิงชาวบ้านเสียชีวิตอีกรายที่รามัน
ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วานนี้ (15 ต.ค.) ศูนย์วิทยุ สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตที่บนถนนในหมู่บ้าน ที่บ้านตะโน๊ะมูดู ม.1 จะกว๊ะ อ.รามัน จึงได้แจ้ง ร.ต.ท.สุริยันต์ ภูนบทอง ร้อยเวรสอบสวน สภ.จะกว๊ะ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบนายอาดือลี วาแล๊ะ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 ม.1 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ริมถนนดังกล่าวสภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ลำตัว
สอบสวนทราบว่าในขณะที่ผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านในพื้นที่ ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มายัง ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบก่อนใช้อาวุธปืนยิงใส่จนเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายจึงหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ แต่ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว
**บึ้มทหารสุไหงโก-ลกบาดเจ็บ4นาย
ต่อมาเวลา 07.30 น. พ.ต.อ.แวสาแม สาและ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รับแจ้งคนร้ายวางระเบิดทหารสังกัด ร้อย ร.1913 ฉก.นราธิวาส 36 และผู้ใหญ่บ้านริมถนนสายตากใบ-สุไหงโก-ลก ช่วงบริเวณบ้านมือบา ม.4 ต.ปาเสมัส ทหารและผู้ใหญ่บ้านได้รับบาดเจ็บ 4 ราย จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบบริเวณโคนต้นไม้ริมถนนเป็นหลุมลึก 2 ฟุตกว้าง 3 ฟุต และเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 7 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน
นอกจากนี้ ที่บริเวณผิวถนนเจ้าหน้าที่พบข้อความภาษายาวีที่คนร้ายพ่นไว้ด้วยสีสเปรย์สีขาว เขียนข้อความว่า "ปัตตานีเมอร์เดก้า" พร้อมด้วยกองเลือดจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ไปก่อนหน้าแล้ว ประกอบด้วย 1.ร.ต.คุณานนท์ เพิ่มพรศรี หน.ชุด ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณสะโพกและขาซ้าย 2.จ.ส.อ.สถิตย์ เบ้าแก้ว ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว 3.นายสุรินทร์ เจ๊ะนุ ผู้ใหญ่บ้านมือบา และ 4.นายอัสรี เจ๊ะแว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมือบา ซึ่งถูกอานุภาพระเบิดมีอาการแน่นหน้าอก และหูอื้อ
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.คุณานนท์ ได้รับแจ้งจากนายสุรินทร์ ผู้ใหญ่บ้านมือบาว่า มีการพ่นสีสะเปรย์บนผิวถนน จึงระดมกำลังรวม 1 ชุดปฏิบัติการ นั่งรถยนต์หุ้มเกราะวีว่าไปตรวจสอบ โดยขณะที่ ร.ต.คุณานนท์ และเจ้าหน้าที่รวมถึงผู้ใหญ่บ้านกำลังใช้ทินเนอร์ลบข้อความที่ผิวถนน คนร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทางได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปวางไว้ใต้โคนต้นไม้ริมถนนจนเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่ก่อความไม่สงบเพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน