ผบ.ทบ.เผยแนวทาง “ทุ่งยางแดงโมเดล” คือการกระชับการทำงานของทุกภาคส่วนทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ในการแก้ปัญหาภาคใต้ ปี 2558 ต้องลดเหตุการณ์ให้ได้ 50% ตามแนวทาง “บิ๊กตู่” เรียกคนเห็นต่างมาร่วมพูดคุย ยัน 3 พ.ย.ทุกโรงเรียนต้องเปิดได้ เล็งลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ก่อนจัดงบซ่อม ปัดตอบเรื่องการเมือง สนองนโยบายนายกฯ
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้ง “ทุ่งยางแดงโมเดล” เพื่อแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ว่า เป็นข้อเสนอของ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.กอ.รมน. ส่วนหน้าภาค 4 ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อต้องการกระชับการทำงานทุกภาคส่วน ให้มีส่วนร่วมโดยเฉพาะในระดับพื้นที่ ทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เราสามารถควบคุมดูแลได้อยู่แล้ว รวมถึงประชาชนก็มีความเข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ทั้งนี้จะเน้นให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ดูแลความปลอดภัยโรงเรียนให้มีความครอบคลุมและแน่นหนามากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่จะต้องเสริมเข้ามา ถ้าหากเรายังสามารถทำให้ทุ่งยางแดงโมเดลเข้มแข็ง เราก็จะขยายไปพื้นที่อื่นต่อไป เพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยทั้งในส่วนของโรงเรียน รวมถึงในระดับพื้นที่อื่นๆ
ทั้งนี้ นโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยากให้สถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้นในปี 2558 ซึ่งทางกองทัพจะพยายามอย่างยิ่ง ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก นโยบายตรงนี้ก็ได้สืบทอดสอดคล้องกันมา เราพยายามปรับในสิ่งต่างๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาในพื้นที่อาจจะยังเป็นช่วงรอยต่ออยู่เล็กน้อย ต้องพยายามทำความเข้าใจ และให้โอกาสผู้บังคับบัญชาที่ลงไปดูแลพื้นที่ใหม่ ในส่วนการสับเปลี่ยนกำลังพลซึ่งก็ยังเป็นกำลังพลชุดเดิม แต่ส่วนใหญ่กำลังพลจะเป็นในของกองทัพภาคที่ 4 เอง ในส่วนของกองทัพอื่นนั้นน้อยมาก ซึ่งกำลังพลทุกคนก็มีความเข้าใจดีอยู่แล้ว ในส่วนของผู้บังคับบัญชาเองก็ได้มีการติดตามสถานการณ์อยู่แล้ว ตรงนี้จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ส่วนที่ตนได้ตั้งเป้าว่าจะลดเหตุการณ์การก่อเหตุและควบคุมสถานการณ์ให้ได้อย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ในปี 2558 นั้น เป็นเพียงการตั้งตัวเลขเพื่อให้มีความเข้าใจ และให้กำลังพลปฏิบัติงานให้เห็นเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้เท่านั้น แต่หลังจากนี้ไปจะไม่พูดถึงเรื่องเปอร์เซ็นต์ของสถานการณ์ในภาคใต้จะดีขึ้นเมื่อไหร่ แต่ในส่วนของกองทัพบก และกอ.รมน.จะพยายามทำให้สถานการณ์ดีขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะให้ กอ.รมน.รับผิดชอบในการชี้เป้าว่าพื้นที่ไหนต้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วนนั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เรื่องการจัดลำดับความเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มีอยู่แล้ว ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ในแต่ละพื้นที่พร้อมทั้งจัดเป็น 3 ระดับ คือ รุนแรง ปานกลาง และเบาบาง และในแต่ละจังหวัดก็มีเหตุการณ์ทั้ง 3 ระดับนี้ที่ผสมกันไป ซึ่งการชี้เป้า เรารู้อยู่แล้วว่าพื้นที่ไหนหนัก-เบา การทำงานของเราในขณะนี้คือการบูรณาการ และให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยให้ทุกส่วนราชการเข้ามาแก้ปัญหา
“อย่างกรณีที่อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการประสานงานกับ กอ.รมน. โดยทาง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ก็จะลงพื้นที่ในเร็ววันนี้ และในส่วนของผมเองก็เช่นกันที่ต้องลงไปดูแลปัญหาต่างๆ พร้อมทั้งจะพิจารณางบประมาณในการซ่อมแซมโรงเรียนที่ถูกเผา และต้องทำให้มีโรงเรียนชั่วคราว ส่วนโรงเรียนที่มีความเสียหายมากจนต้องมีการก่อสร้างใหม่ จะเร่งดำเนินการเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามการเปิดภาคเรียนที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.เป็นต้นไปจะต้องพร้อมเปิดเรียนในทุกพื้นที่ แม้จะต้องมีการจัดพื้นที่เรียนชั่วคราวก็จะต้องให้เกิดความพร้อมที่จะให้เปิดเรียนได้ทัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการประเมินผู้ก่อเหตุความไม่สงบหลังจากห่างหายไปนาน พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมาเรามีการควบคุมตัวแกนนำ โดยสามารถจับกุมได้ในส่วนของบุคคล อาวุธ อุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ และสร้างภาพข่าวขึ้นมา ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว หากทางเจ้าหน้าที่มีการจับกุมแกนนำในพื้นที่ไหนก็จะมีการตอบโต้กลับมา แต่ขอยืนยันว่าเราสามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ได้
ส่วนที่ยังมีการก่อเหตุอยู่บ้างต้องพยายามแก้ไขกันต่อไป พร้อมทั้งได้เน้นย้ำให้เพิ่มเติมในเรื่องของงานด้านการข่าว และการปฏิบัติการในระดับพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีนโยบายที่จะต้องเอาชนะในหมู่บ้าน แต่นโยบายใหม่เราไม่ได้เข้าไปต่อสู้เพื่อเอาชนะใคร แต่จะไปทำให้เกิดสันติสุขเท่านั้น ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องเข้าใจและให้ความร่วมมือ
“ผมมั่นใจว่าหากดำเนินงานตามแผนที่ได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีจะสามารถทำให้สถานการณ์นั้นดีขึ้น ก็หวังเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่เห็นต่าง ต้องเข้ามาร่วมมือ เพื่อที่จะให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้ คือการแบ่งแยกดินแดนไทย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ตามรัฐธรรมนูญไมได้กำหนดไว้ ซึ่งคนในพื้นที่เองก็ไม่เคยคิดจะแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่าจะไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม” พล.อ.อุดมเดชกล่าว
พล.อ.อุดมเดชปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณี ที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวระบุให้ คสช. เลือกประธานคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งส่งตัวแทนเข้าร่วมคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 5 คน ภายหลังจากที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะเปิดประชุมในวันที่ 21 ต.ค.นี้ โดยกล่าวว่าเรื่องการเมืองมีผู้ที่หน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง ในการทำหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งตนของดที่จะตอบคำถามที่จะก้าวล่วงในเรื่องของการเมือง เมื่อถามว่าอาจจะมีการหารือในการประชุม คสช.ครั้งที่ 2 หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม