"ประยุทธ์" ฉุน! ถูกมองเผาโรงเรียนใต้ตบหน้านายกฯ ชี้ปัญหาใต้ซับซ้อนสะสมนับ 100 ปี ยันต้องเดินหน้าดับไฟใต้ เจรจาสันติสุขต่อไป เผยเหลือพื้นที่สีแดงเพียง 136 หมู่บ้าน เชื่อผู้ก่อเหตุไม่ใช่คนมุสลิม แต่เป็นพวกไร้ศาสนา ด้าน "ผบ.ทบ." สั่งเข้มใต้เน้นจุดล่อแหลม ล่าตัวคนผิดยึดหลักฐาน พร้อมประเมินทุก 3 เดือนจ่อตั้งทุ่งยางแดงโมเดล เตือนภัย "ผบช.ศชต." เชื่อเหตุเผาโรงเรียน 6 แห่งที่ปัตตานีฝีมือทีมงาน "อันวา"
ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ วานนี้ (13 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์สื่อด้วยท่าทีดุเดือดถึงสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ล่าสุดมีการก่อเหตุเผาโรงเรียนในพื้นที่ว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่ทับซ้อนมานาน และวันนี้ได้ปรับโครงสร้างแล้ว ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนโดยรัฐบาลแม้ว่ากฎหมายจะแยกกันก็ตาม แต่ก็มีคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย 3 แท่ง ประกอบด้วยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกระทรวง ทบวง กรม โดยขับเคลื่อนทั้งหมด ปัญหาเหล่านี้สลับซับซ้อนมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ตามประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ ซึ่งมีคนยุแหย่เรื่องต่างๆ เหล่านี้ก็ต้องพยายามปรับเปลี่ยนไป ถ้าเราไม่ทำแบบนี้และใช้การปราบปรามอย่างเดียวเราเสียแน่นอน จะทำให้มีคนเจ็บคนตายมากกว่านี้
"วันนี้แม้ว่าสถิติเหตุจะลดลงการสูญเสียจะลดลง แต่พวกเราทุกคนไม่เคยมีความสุข เพราะมนุษย์ตายคนเดียวก็ไม่ได้ จึงไม่อยากใช้คำว่าสถิติลดลงหรือคนตายลดลงจาก 100 เหลือ 50 คน ผมจะไม่พูดอย่างนี้ เพราะเป็นเรื่องของชีวิตเขาและเจ้าหน้าที่ก็ตายด้วย"
**ฉุน! ถูกมองดจรใต้ตบหน้านายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่สื่อต้องช่วย คือ ต้องไปสร้างการรับรู้ว่าคนเหล่านี้ทำไมใช้ความรุนแรงกับเราแบบนี้เพราะอะไร เพราะเราไปฝืนใจหรือไปบังคับเขาหรือเปล่า วันนี้ทำให้ทุกอย่างหมดแล้ว คนไทยพุทธยังได้ไม่มากเท่านี้ ตนรักทุกคนที่อยู่ในพื้นที่มาโดยตลอด วันนี้พอมีเรื่องขึ้นมาก็บอกว่าตบหน้านายกฯ มันตบตรงไหน ก็มันเกิดตนก็ทำให้ลดลง ปรับแก้ตรงนี้เป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานต่างๆ เดินหน้าแก้ปัญหาไป 7 ยุทธศาสตร์ ความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน การพัฒนา การสร้างความเข้าใจมีคนทำงานอยู่ 6 หมื่นกว่าคน
"ถามว่าทำไมยังไม่จบเพราะมันสู้กันด้วยความคิด มีการปลุกระดมว่าไม่เป็นธรรม ยากจนเพราะรัฐเป็นอย่างนี้ เพราะศาสนาซึ่งเราต้องแก้ทั้งหมด ฉะนั้น การประเด็นการพูดคุยสันติสุข เราไม่ได้พูดสันติภาพ เพราะไม่ได้มองว่าคนเหล่านี้คือศัตรู เพราะเป็นคนไทยมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทุกพื้นที่หลายสิบปีนานมาแล้ว ถึงยังอยู่ได้จนถึงวันนี้ ถ้าไม่ทำวันนู้น วันนี้คงไม่อยู่กับเราแล้ว ไปแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งเสมอว่าคนใต้เป็นคนน่ารัก เป็นคนมีฝีมือ ปักเย็บอะไรก็ชนะได้ที่หนึ่ง ไม่มีภาคไหนปักผ้าสวยได้เท่าภาคใต้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯให้สัมภาษณ์ได้หันมาถามสื่อว่าเคยดูฝีมือการปักผ้าของคนใต้หรือไม่ หรือไม่เคยรู้เรื่องการปักผ้า ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้แล้วเมื่อไหร่จะแต่งงานได้
ต่อข้อถามว่ากลุ่มคนที่มาก่อเหตุที่มีรายงานว่ามี 40 คนที่มาเผาโรงเรียนเป็นคนในพื้นที่หรือคนนอกพื้นที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังติดตาม ผบ.ทบ.ดูแลอยู่แล้ว จำนวนคนดังกล่าวไม่เยอะ แต่เป็นการเดินตัดป่าแล้วมารวมกัน ต้องไปดูว่าเจ้าหน้าที่มีแผนกำลังป้องกันอย่างไร การข่าวว่าอย่างไร ต้องแก้กัน
ส่วนพื้นที่สีแดงมีเยอะหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มีแดง มีพื้นที่ความมั่นคง 136 หมู่บ้าน 3 จังหวัด 4 อำเภอมี 2 พันกว่าหมู่บ้าน แบ่งออกเป็น 3 เกรด 1 พื้นที่ที่มีเหตุเกิดขึ้น 136 หมู่บ้าน ระดับกลาง 1 พันเกือบ 2 พันหมู่บ้าน ที่เหลือเป็น 2.หมู่บ้านพัฒนาเพื่อความมั่นคง และ 3.พัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ ไม่มีการบาดเจ็บสูญเสีย วันนี้เหลือ 136 หมู่บ้านที่ไม่เกิดทุกวัน ซึ่งต้องให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา ส่วนสันติสุขก็คุยไป พัฒนาก็เร่งลงไป เวลานี้ก็เร่งไปทุกกระทรวงทั้งการศึกษา อาชีพและรายได้ไม่ใช้เฉพาะภาคใต้แต่เป็นทุกพื้นที่ ถ้าถามแบบนี้ก็ตอบแบบนี้ ถ้าประคับประคองตอบตนก็โดนทุกเรื่อง เวลานี้ตนแก้ปัญหาทุกเรื่องที่มีร้อยแปดพันเรื่อง ทำกันจนจะตายอยู่แล้ว ในส่วนการพัฒนาก็เร่งลงไปในพื้นที่ ตอนนี้ทุกกระทรวงเร่งทำงานกันทั้งหมด
**"ผบ.ทบ."สั่งเข้มใต้เน้นจุดล่อแหลม
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้แถลงภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) ที่มี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมภายหลังเกิดเหตุเผาโรงเรียน 6 แห่งในพื้นที่ จ.ปัตตานีว่า ผบ.ทบ.ได้สั่งการไว้ในที่ประชุม 6 ประเด็นได้แก่ 1.เพิ่มปฏิบัติการในตอนกลางคืนมากขึ้นโดยจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดเฝ้าจรวจ ชุดสกัดและใช้อุปกรณ์พิเศษที่กองทัพจัดหาให้ 2.จัดให้มีศูนย์สื่อสารระดับตำบลเพื่อรายงานสถานการณ์ตลอดเวลาและเป็นการทดสอบความพร้อมอยู่เสมอ
3.ให้ทบทวน ซักซ้อม การรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรละเลยหลักพื้นฐานในการลาดตระเวน 4.การควบคุมพื้นที่ และเส้นทางในพื้นที่ขอให้ทบทวนว่าพื้นที่ใดล่อแหลม และส่งมอบให้กำลังประชาชนรับผิดชอบไปแล้ว หากมีความจำเป็นให้ส่งตำรวจตระเวนชายแดนและทหารเข้ามาช่วยเสริม 5.การตรวจค้นต้องไม่เหวี่ยงแห แต่ทำไปตามพยานหลักฐานที่มี 6.ไม่ต้องการให้เกิดเหตุซ้ำรอย และจะประเมินผลงานทุก 3 เดือน
"สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางหน่วยงานในพื้นที่ได้ข้อสรุปว่าจะจัดทำทุ่งยางแดงโมเดล โดยมีการเสนอติดตั้งระบบแจ้งสัญญาณเตือนภัยแบบรีโมทในทุกโรงเรียน เสนอจัดตั้งหมู่บ้านอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) เพิ่มเติม ขณะที่การดูแลโรงเรียนยังคงใช้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ส่วนการเยียวยาโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้นจะจัดเต็นท์เข้าไปเสริมให้ทำการเรียนการสอนได้ก่อนเปิดเทอม โดยกระทรวงศึกษาธิการจะจัดหางบประมาณมาสร้างอาคารให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน"
**"ประวิตร"เผยกำลังหาทีมคุยสันติสุข
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการประสานพูดคุยสันติสุขระหว่างฝ่ายไทยกับมาเลเซียว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาบุคคลที่จะไปพูดคุย
ส่วนกระแสข่าวมีชื่อของ พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก เป็นหัวหน้าทีมพูดคุยฯแต่ทางมาเลเซียต้องการให้ทีมพูดคุยให้มาจากพลเรือน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใครบอกมา ผมยังไม่ได้ยินเรื่องนี้ ซึ่งทางมาเลย์เองก็คงจะใช้ทหารเหมือนกัน ทั้งนี้คาดว่าจะตั้งคณะทำงานพูดคุยขึ้นในเร็วๆ นี้เพื่อประสานงานกันว่าจะพูดคุยกันเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งจะมีประเด็นเรื่องที่จะคุยสันติสุขขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมอยู่ด้วย"
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าฝ่ายไทยยืนยันจะส่งทหารเป็นตัวแทน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใช่" ซึ่งทาง พล.อ.อักษรา ถือว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดี และติดตามงานด้านนี้มาโดยตลอด
**เผยฝีมือ "อันวา" เผาโรงเรียน6แห่ง
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) เปิดเผยว่า เหตุคนร้ายวางเพลิงโรงเรียน 6 แห่งในนั้นจากการสอบพยานเบื้องต้นเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่ หลังเจ้าหน้าที่เร่งรัดจับกุมหัวหน้ากลุ่มที่ก่อเหตุยิงผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต ในพื้นที่เมื่อวันที่ 4 พ.ค.57 ก่อนนำปืนของผู้ใหญบ้านหลบหนีไปด้วย
"หลังจากการติดตามจับกุมคนร้ายที่ยิงผู้ใหญ่บ้านทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้เข้ามากบดานอยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่งในพื้นที่จึงได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบ ปิดล้อมตามยุทธวิธี ซึ่งในขณะที่เข้าปิดล้อมกลุ่มคนร้ายไหวตัวทันได้หลบหนีไป โดยพบว่าในกระท่อมที่กบดานนั้นมีอาวุธปืนขนาด .357 ที่ตรวจสอบพบเป็นปืนของ ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกยิงเสียชีวิต ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีนั้นทราบตัวแล้วคือนายอันวา ยือราแป ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งมีพยานหลักฐานจำนวนมาก และหลังเกิดเหตุก็ได้มีการประชุมเพื่อปรับแผน ในเรื่องมาตรการดูแล ทั้งการประสานงานกับฝ่ายทหารในพื้นที่ ในส่วนของตำรวจก็จะมีการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ทั้งกับครูและสถาบันการศึกษา"
**สพฐ.เยียวยาโรงเรียนละ 4 แสนบาท
นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายทันทีที่ได้รับรายงาน โดยทางสพฐ.ได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณเบื้องต้นให้โรงเรียนที่ถูกลอบวางเพลิงโรงเรียนละ 400,000 บาท เพื่อจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ สื่อการเรียนการสอน รวมถึงใช้ในการซ่อมแซมอาคารเรียน โดยขณะนี้ได้โอนเงินลงไปที่เขตพื้นที่เรียนร้อยแล้ว และขอให้โรงเรียนทำการสำรวจเพิ่มเติมหากอะไรที่ต้องการของบประมาณเพิ่มเติมก็ให้เร่งส่งเรื่องมาพิจารณา ขณะเดียวกันวันที่ 17 ตุลาคมนี้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายด้วยตัวเอง"
ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ วานนี้ (13 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์สื่อด้วยท่าทีดุเดือดถึงสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ล่าสุดมีการก่อเหตุเผาโรงเรียนในพื้นที่ว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่ทับซ้อนมานาน และวันนี้ได้ปรับโครงสร้างแล้ว ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนโดยรัฐบาลแม้ว่ากฎหมายจะแยกกันก็ตาม แต่ก็มีคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย 3 แท่ง ประกอบด้วยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกระทรวง ทบวง กรม โดยขับเคลื่อนทั้งหมด ปัญหาเหล่านี้สลับซับซ้อนมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ตามประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ ซึ่งมีคนยุแหย่เรื่องต่างๆ เหล่านี้ก็ต้องพยายามปรับเปลี่ยนไป ถ้าเราไม่ทำแบบนี้และใช้การปราบปรามอย่างเดียวเราเสียแน่นอน จะทำให้มีคนเจ็บคนตายมากกว่านี้
"วันนี้แม้ว่าสถิติเหตุจะลดลงการสูญเสียจะลดลง แต่พวกเราทุกคนไม่เคยมีความสุข เพราะมนุษย์ตายคนเดียวก็ไม่ได้ จึงไม่อยากใช้คำว่าสถิติลดลงหรือคนตายลดลงจาก 100 เหลือ 50 คน ผมจะไม่พูดอย่างนี้ เพราะเป็นเรื่องของชีวิตเขาและเจ้าหน้าที่ก็ตายด้วย"
**ฉุน! ถูกมองดจรใต้ตบหน้านายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่สื่อต้องช่วย คือ ต้องไปสร้างการรับรู้ว่าคนเหล่านี้ทำไมใช้ความรุนแรงกับเราแบบนี้เพราะอะไร เพราะเราไปฝืนใจหรือไปบังคับเขาหรือเปล่า วันนี้ทำให้ทุกอย่างหมดแล้ว คนไทยพุทธยังได้ไม่มากเท่านี้ ตนรักทุกคนที่อยู่ในพื้นที่มาโดยตลอด วันนี้พอมีเรื่องขึ้นมาก็บอกว่าตบหน้านายกฯ มันตบตรงไหน ก็มันเกิดตนก็ทำให้ลดลง ปรับแก้ตรงนี้เป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานต่างๆ เดินหน้าแก้ปัญหาไป 7 ยุทธศาสตร์ ความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน การพัฒนา การสร้างความเข้าใจมีคนทำงานอยู่ 6 หมื่นกว่าคน
"ถามว่าทำไมยังไม่จบเพราะมันสู้กันด้วยความคิด มีการปลุกระดมว่าไม่เป็นธรรม ยากจนเพราะรัฐเป็นอย่างนี้ เพราะศาสนาซึ่งเราต้องแก้ทั้งหมด ฉะนั้น การประเด็นการพูดคุยสันติสุข เราไม่ได้พูดสันติภาพ เพราะไม่ได้มองว่าคนเหล่านี้คือศัตรู เพราะเป็นคนไทยมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทุกพื้นที่หลายสิบปีนานมาแล้ว ถึงยังอยู่ได้จนถึงวันนี้ ถ้าไม่ทำวันนู้น วันนี้คงไม่อยู่กับเราแล้ว ไปแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งเสมอว่าคนใต้เป็นคนน่ารัก เป็นคนมีฝีมือ ปักเย็บอะไรก็ชนะได้ที่หนึ่ง ไม่มีภาคไหนปักผ้าสวยได้เท่าภาคใต้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯให้สัมภาษณ์ได้หันมาถามสื่อว่าเคยดูฝีมือการปักผ้าของคนใต้หรือไม่ หรือไม่เคยรู้เรื่องการปักผ้า ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้แล้วเมื่อไหร่จะแต่งงานได้
ต่อข้อถามว่ากลุ่มคนที่มาก่อเหตุที่มีรายงานว่ามี 40 คนที่มาเผาโรงเรียนเป็นคนในพื้นที่หรือคนนอกพื้นที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังติดตาม ผบ.ทบ.ดูแลอยู่แล้ว จำนวนคนดังกล่าวไม่เยอะ แต่เป็นการเดินตัดป่าแล้วมารวมกัน ต้องไปดูว่าเจ้าหน้าที่มีแผนกำลังป้องกันอย่างไร การข่าวว่าอย่างไร ต้องแก้กัน
ส่วนพื้นที่สีแดงมีเยอะหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มีแดง มีพื้นที่ความมั่นคง 136 หมู่บ้าน 3 จังหวัด 4 อำเภอมี 2 พันกว่าหมู่บ้าน แบ่งออกเป็น 3 เกรด 1 พื้นที่ที่มีเหตุเกิดขึ้น 136 หมู่บ้าน ระดับกลาง 1 พันเกือบ 2 พันหมู่บ้าน ที่เหลือเป็น 2.หมู่บ้านพัฒนาเพื่อความมั่นคง และ 3.พัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ ไม่มีการบาดเจ็บสูญเสีย วันนี้เหลือ 136 หมู่บ้านที่ไม่เกิดทุกวัน ซึ่งต้องให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา ส่วนสันติสุขก็คุยไป พัฒนาก็เร่งลงไป เวลานี้ก็เร่งไปทุกกระทรวงทั้งการศึกษา อาชีพและรายได้ไม่ใช้เฉพาะภาคใต้แต่เป็นทุกพื้นที่ ถ้าถามแบบนี้ก็ตอบแบบนี้ ถ้าประคับประคองตอบตนก็โดนทุกเรื่อง เวลานี้ตนแก้ปัญหาทุกเรื่องที่มีร้อยแปดพันเรื่อง ทำกันจนจะตายอยู่แล้ว ในส่วนการพัฒนาก็เร่งลงไปในพื้นที่ ตอนนี้ทุกกระทรวงเร่งทำงานกันทั้งหมด
**"ผบ.ทบ."สั่งเข้มใต้เน้นจุดล่อแหลม
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้แถลงภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) ที่มี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมภายหลังเกิดเหตุเผาโรงเรียน 6 แห่งในพื้นที่ จ.ปัตตานีว่า ผบ.ทบ.ได้สั่งการไว้ในที่ประชุม 6 ประเด็นได้แก่ 1.เพิ่มปฏิบัติการในตอนกลางคืนมากขึ้นโดยจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดเฝ้าจรวจ ชุดสกัดและใช้อุปกรณ์พิเศษที่กองทัพจัดหาให้ 2.จัดให้มีศูนย์สื่อสารระดับตำบลเพื่อรายงานสถานการณ์ตลอดเวลาและเป็นการทดสอบความพร้อมอยู่เสมอ
3.ให้ทบทวน ซักซ้อม การรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรละเลยหลักพื้นฐานในการลาดตระเวน 4.การควบคุมพื้นที่ และเส้นทางในพื้นที่ขอให้ทบทวนว่าพื้นที่ใดล่อแหลม และส่งมอบให้กำลังประชาชนรับผิดชอบไปแล้ว หากมีความจำเป็นให้ส่งตำรวจตระเวนชายแดนและทหารเข้ามาช่วยเสริม 5.การตรวจค้นต้องไม่เหวี่ยงแห แต่ทำไปตามพยานหลักฐานที่มี 6.ไม่ต้องการให้เกิดเหตุซ้ำรอย และจะประเมินผลงานทุก 3 เดือน
"สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางหน่วยงานในพื้นที่ได้ข้อสรุปว่าจะจัดทำทุ่งยางแดงโมเดล โดยมีการเสนอติดตั้งระบบแจ้งสัญญาณเตือนภัยแบบรีโมทในทุกโรงเรียน เสนอจัดตั้งหมู่บ้านอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) เพิ่มเติม ขณะที่การดูแลโรงเรียนยังคงใช้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ส่วนการเยียวยาโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้นจะจัดเต็นท์เข้าไปเสริมให้ทำการเรียนการสอนได้ก่อนเปิดเทอม โดยกระทรวงศึกษาธิการจะจัดหางบประมาณมาสร้างอาคารให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน"
**"ประวิตร"เผยกำลังหาทีมคุยสันติสุข
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการประสานพูดคุยสันติสุขระหว่างฝ่ายไทยกับมาเลเซียว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาบุคคลที่จะไปพูดคุย
ส่วนกระแสข่าวมีชื่อของ พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก เป็นหัวหน้าทีมพูดคุยฯแต่ทางมาเลเซียต้องการให้ทีมพูดคุยให้มาจากพลเรือน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใครบอกมา ผมยังไม่ได้ยินเรื่องนี้ ซึ่งทางมาเลย์เองก็คงจะใช้ทหารเหมือนกัน ทั้งนี้คาดว่าจะตั้งคณะทำงานพูดคุยขึ้นในเร็วๆ นี้เพื่อประสานงานกันว่าจะพูดคุยกันเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งจะมีประเด็นเรื่องที่จะคุยสันติสุขขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมอยู่ด้วย"
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าฝ่ายไทยยืนยันจะส่งทหารเป็นตัวแทน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใช่" ซึ่งทาง พล.อ.อักษรา ถือว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดี และติดตามงานด้านนี้มาโดยตลอด
**เผยฝีมือ "อันวา" เผาโรงเรียน6แห่ง
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) เปิดเผยว่า เหตุคนร้ายวางเพลิงโรงเรียน 6 แห่งในนั้นจากการสอบพยานเบื้องต้นเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่ หลังเจ้าหน้าที่เร่งรัดจับกุมหัวหน้ากลุ่มที่ก่อเหตุยิงผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต ในพื้นที่เมื่อวันที่ 4 พ.ค.57 ก่อนนำปืนของผู้ใหญบ้านหลบหนีไปด้วย
"หลังจากการติดตามจับกุมคนร้ายที่ยิงผู้ใหญ่บ้านทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้เข้ามากบดานอยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่งในพื้นที่จึงได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบ ปิดล้อมตามยุทธวิธี ซึ่งในขณะที่เข้าปิดล้อมกลุ่มคนร้ายไหวตัวทันได้หลบหนีไป โดยพบว่าในกระท่อมที่กบดานนั้นมีอาวุธปืนขนาด .357 ที่ตรวจสอบพบเป็นปืนของ ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกยิงเสียชีวิต ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีนั้นทราบตัวแล้วคือนายอันวา ยือราแป ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งมีพยานหลักฐานจำนวนมาก และหลังเกิดเหตุก็ได้มีการประชุมเพื่อปรับแผน ในเรื่องมาตรการดูแล ทั้งการประสานงานกับฝ่ายทหารในพื้นที่ ในส่วนของตำรวจก็จะมีการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ทั้งกับครูและสถาบันการศึกษา"
**สพฐ.เยียวยาโรงเรียนละ 4 แสนบาท
นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายทันทีที่ได้รับรายงาน โดยทางสพฐ.ได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณเบื้องต้นให้โรงเรียนที่ถูกลอบวางเพลิงโรงเรียนละ 400,000 บาท เพื่อจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ สื่อการเรียนการสอน รวมถึงใช้ในการซ่อมแซมอาคารเรียน โดยขณะนี้ได้โอนเงินลงไปที่เขตพื้นที่เรียนร้อยแล้ว และขอให้โรงเรียนทำการสำรวจเพิ่มเติมหากอะไรที่ต้องการของบประมาณเพิ่มเติมก็ให้เร่งส่งเรื่องมาพิจารณา ขณะเดียวกันวันที่ 17 ตุลาคมนี้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายด้วยตัวเอง"