xs
xsm
sm
md
lg

ส่งสำนวนคดีฆ่า2นทท.กก.สิทธิฯจี้อย่าจับแพะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผบช.ภาค 8 พร้อมหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ นำสำนวนคดีส่งอัยการจังหวัดเกาะสมุยตรวจสอบก่อนส่งจริงวันนี้ ระบุอัยการพอใจสำนวน ด้าน กก.สิทธิฯ พร้อมตัวแทนเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติลงสมุยเตรียมเข้าเยี่ยม 2 ผู้ต้องหาชาวพม่า ระบุต้องการให้ตำรวจนำผู้ก่อคดีจริงมาลงโทษ เผย "ผบ.ตร.-ทูตอังกฤษ" นัดแถลงคดีเกาะเต่าวันนี้ ขณะที่สื่อต่างชาติโจมตีตำรวจไทย "มักใช้ต่างด้าวเป็นแพะ"

เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (6 ต.ค.) พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภาค 8) พร้อม พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รอง ผบช.ภาค 8 หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่หาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ได้นำสำนวนการสอบสวนมีความหนากว่า 800 หน้า พร้อมแผนผังการก่อคดีประกอบคำรับสารภาพของนายเวพิว หรือวิน และนายซอ ลิน หรือโวเรน 2 ผู้ต้องหาแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเชื้อสายยะไข่ ส่งให้อัยการจังหวัดเกาะสมุยตรวจสอบ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุย ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย โดยมีนายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 และนายวิสูตร พ่วงใส รองอธิบดีอัยการภาค 8 เป็นผู้ตรวจสำนวนโดยใช้เวลาในการตรวจสอบนานกว่า 1 ชั่วโมง

พล.ต.ต.ปวีณ เปิดเผยภายหลังว่า วันนี้ได้นำสำนวนของคดีมาให้อัยการตรวจสอบก่อนที่นำส่งในวันนี้ (7 ต.ค.) ในเวลา 10.00 น.โดยภาพรวมแล้วอัยการพอใจในสำนวนคดีที่จะนำเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมต่อไป

พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน กล่าวว่า สำหรับสำนวนการสอบสวนที่ส่งให้กับอัยการจังหวัดเกาะสมุยนั้นมีพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเชื่อว่าจะสามารถเอาผิดนายวิน และนายจอ ได้ โดยยืนยันว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริง ไม่ใช่เป็นแพะอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียขณะนี้

ทั้งนี้ ในวันที่ 7 ต.ค.นี้เวลา 13.00 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และเอกอัครทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทยจะร่วมแถลงข่าวในคดีนี้อีกครั้ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการทำคดีจะร่วมแถลงด้วย

กก.สิทธิฯเตรียมเข้าเยี่ยม2ผู้ต้องหา

ขณะที่ น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ อนุกรรมการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้นำนายไซไซ ตัวแทนจากเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ พร้อมที่ปรึกษากฎหมายฝ่ายต่างประเทศและล่ามชาวพม่าเข้าพบ พล.ต.ต.ปวีณ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีและเตรียมขอพบ 2 ผู้ต้องหาคือนายซอ และนายวิน

น.ส.พรเพ็ญ กล่าวว่า จากการเข้าพบและสอบถามถึงผลการทำคดี รอง ผบช.ภาค 8 ได้ชี้แจงถึงการเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายในคดีดังกล่าวโดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ใช้ผลจากการตรวจสอบดีเอ็นเอ และภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งวัตถุพยานต่างๆ ที่ระบุแน่ชัดว่าเป็นบุคคลทั้ง 2 ที่ก่อคดี เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เตรียมทนายไว้ให้กับสองผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแล้ว

"จากการได้สอบถามรอง ผบช.ภ.8 เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่ทางกรรมการสิทธิมนุษยชนกำลังประสานไปยังศาลจังหวัดเกาะสมุย เพื่อขอเข้าพบ 2 ผู้ต้องหาชาวพม่าเพื่อสอบถามถึงความเป็นอยู่และสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ควรจะได้รับ รวมถึงความต้องการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย หรือต้องการจะเปลี่ยนทนายความจากที่ตำรวจหามาให้หรือไม่ หรือจะเป็นทนายขององค์กรใดองค์กรหนึ่งแทนทนายความที่ตำรวจหามาให้ ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ ต้องการให้ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายที่กระทำความผิดในคดีนี้ที่เป็นตัวจริงมาลงโทษ" น.ส.พรเพ็ญ กล่าว

ชาวพม่ากังขาเพื่อนถูกจับเป็นแพะ

มีรายงานข่าวแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการจับกุม 2 ผู้ต้องหาแรงงานพม่าที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าผู้ต้องหาน่าจะไม่ใช่คนร้ายตัวจริง ล่าสุดความเคลื่อนไหวของชุมชนแรงงานชาวพม่าบนเกาะเต่าแห่งนี้ มีแหล่งข่าวรายหนึ่ง ระบุว่า เมื่อคืนวันเสาร์ก่อนนี้เวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 27 ก.ย. ตำรวจชุดคลี่คลายคดีชุดหนึ่งได้นำกำลังเข้าจับกุมแรงงานชายชาวพม่า 9 คนทั้งหมดเป็นแรงงานชาวพม่าจากรัฐยะไข่ ที่อยู่อาศัยและทำงานบนเกาะเต่า โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งแรงงาน 6 ใน 9 คนพยายามวิ่งหนี เพราะรู้ว่าลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ถูกตำรวจจับได้ 6 คน ส่วนอีก 3 คนสามารถหลบหนีการจับกุมของตำรวจไปได้

ต่อมาเพื่อนทั้ง 3 คนได้ติดต่อมายังหัวหน้าแรงงานพม่า จึงบอกให้หนีออกจากเกาะเต่าให้ได้เพราะตำรวจกำลังกวาดล้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ซึ่งไม่คิดว่าเพื่อน 3 คนดังกล่าวคือนายซอลิน หรือโวเรน, นายเวพิว หรือวิน และนายมาว หรือนายเมา กระทั่งต่อมานายซอลิน กับนายวิน กลายเป็นผู้ต้องหา ส่วนนายเมา ถูกกันไว้เป็นพยาน

ทั้งนี้ แรงงานพม่าที่อยู่บนเกาะเต่าต่างตกใจอย่างมาก เพราะเกรงว่าเพื่อนทั้ง 2 คนจะถูกประหารชีวิต จึงได้พยายามติดต่อไปยังสถานทูตพม่าและสื่อต่างประเทศให้นำเสนอข่าวและต้องการให้กรมคุ้มครองสิทธิฯระหว่างประเทศได้เข้ามาช่วยเหลือ เพราะกลัวเพื่อนจะตายทั้งที่ไม่ได้ทำผิดร้ายแรง เพียงแต่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเท่านั้น

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า แรงงานพม่า 3 ใน 6 คนที่ถูกตำรวจไทยจับไปถูกซ้อมด้วยการใช้น้ำร้อนราดเพื่อบีบคั้นให้พวกเขาเผยข้อมูลเกี่ยวกับเพื่อนอีก 3 คนที่หลบหนีไป จากนั้นทั้งหมดก็ถูกปล่อยตัวออกมา ต่อมาหัวหน้าแรงงานพม่าในเกาะเต่า ได้รับทราบเรื่องที่มีแรงงาน 3 คนได้รับบาดเจ็บจากการถูกซ้อมจากการถูกน้ำร้อนราด จึงได้ถ่ายภาพสภาพร่างกายของพวกเขาไปยังสถานทูตพม่า และกรมคุ้มครองสิทธิฯให้รับทราบ เพื่อเร่งให้ทางสถานทูตช่วยเหลือ เพราะเชื่อได้ว่านายวิน กับนายโซเรน ที่ถูกคุมขังในขณะนี้จะต้องถูกประหารชีวิตแน่นอนทั้งที่ไม่ได้ทำผิด

นักสิทธิฯอังกฤษส่งทีมทนายลงเกาะเต่า

ทางด้านเอเจนซีส์ ได้รายงานว่า "แอนดี ฮอลล์" นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติในไทย ได้ระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ต.ค.ว่า กำลังส่งทีมทนายความพร้อมทีมที่ปรึกษากฎหมายไปพบแรงงานทั้ง 2 คนที่ถูกทางการไทยตั้งข้อหา และหาทางเข้าถึงตัวผู้ต้องสงสัย เพื่อให้คำแนะนำแก่พวกเขาในเรื่องสิทธิที่พวกเขาพึงมีตามกฎหมายไทย และจัดหาล่ามที่เชื่อถือได้ให้

ฮอลล์ชี้ว่า เขาต้องการยื่นมือเข้าไปมีส่วนร่วมในคดีนี้ ภายหลังรับทราบรายงานที่ว่ามีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น แม้ว่านักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนผู้นี้จะยอมรับว่า เขาไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าชายที่ถูกตั้งข้อหาทั้ง 2 คนถูกทำร้ายร่างกาย รวมทั้งไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าผลตรวจดีเอ็นเอของตำรวจไม่ตรงตามความเป็นจริง

เมื่อวันเสาร์ที่ 3 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจจับมานั้นไม่ได้เป็นแพะรับบาป โดยเขาเน้นย้ำว่าตำรวจมีหลักฐานแน่นหนามัดตัวชายชาวพม่าที่ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ฮั่นนาห์ วิเทอริดจ์ และเดวิด มิลเลอร์ สองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สาเหตุที่พนักงานสอบสวนต้องใช้
เวลานานกว่าจะจับตัวผู้ต้องสงสัยได้ ก็เพราะพวกเขาต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอจากคนจำนวนมากและต้องตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดกว่า 300 ตัวที่ติดตั้งรอบจุดเกิดเหตุบนเกาะเต่า

นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องสงสัยช่วยทำให้นักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเดินทางไปเกาะเต่า กลับมามั่นใจในความปลอดภัยอีกครั้ง และได้มอบนโยบายในการดูและความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งเรื่องการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ การติดตั้งกล้องวงจรปิด การติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างในจุดเสี่ยง รวมทั้งการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานทุกภาคส่วนในการดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ ด้วย

ด้านนายทวีศักดิ์ อินพรหม นายอำเภอเกาะพะงัน รับผิดชอบท้องที่เกาะเต่า กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวที่เกาะเต่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ภายหลังจากจับตัวผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ได้

"ตอนนี้นักท่องเที่ยวเริ่มมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยบนเกาะนี้มากขึ้น และพวกเขาเชื่อมั่นการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่" นายทวีศักดิ์ กล่าว

สื่อนอกชี้ตร.ไทยมักใช้ต่างด้าวเป็นแพะ

ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่าการจับกุมแรงงานชาวเมียนมาร์ 2 คนนี้เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ตำรวจไทยถูกกดดัน และถูกวิจารณ์ถึงประสิทธิภาพการทำงานสอบสวน

นอกจากนี้รอยเตอร์ ยังได้หยิบยกคดีเมื่อปี 2543 มาอ้างอิงด้วยว่า ครั้งนั้น น.ส.คริสตี โจนส์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ อายุ 23 ปี เดินทางเข้ามาแล้วถูกข่มขืนและฆ่า ซึ่งตำรวจไทยได้จับกุมไกด์ชาวกะเหรี่ยงมาทำร้าย และพยายามบังคับให้เขารับสารภาพ

ทั้งนี้ รอยเตอร์สรุปว่า ทางการไทยมักจะใช้แรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะจากเมียนมาร์มาเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาใหญ่ๆ ที่ทางการไทยนั้นสะสางไม่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น