00 ไม่น่าเชื่อว่าพฤติกรรมของคนเพียงไม่กี่คนไม่มีกลุ่มในวงการตำรวจได้ส่งผลสั่นสะเทือนต่อภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือขององค์กรโดยรวมได้รุนแรงถึงเพียงนี้ และกำลังจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในอนาคตอีกด้วย หากไม่อาจเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้โดยเร็ว ตัวอย่างล่าสุดก็คือ คดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่หาดทรายรี เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อกลางดึกวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมาและตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาเป็นแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 2 คน ชื่อ นายวิน และ นายซอลิน อายุ 21 ปีเท่ากัน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ตำรวจได้ส่งสำนวนถึงอัยการ เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลจังหวัดเกาะสมุยต่อไป เรื่องก็น่าจะจบ ตำรวจก็น่าจะได้รับการชื่นชมที่จับกุมคนร้ายได้ ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่กลายเป็นว่า ยังมีชาวบ้านจำนวนมาก "ไม่เชื่อ" ยังมั่นใจว่า "จับแพะ" ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสื่อต่างประเทศที่เกาะติดคดีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการการันตีจาก ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รวมทั้ง นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองนายกฯ ด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่างยืนยันหนักแน่นว่า ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ผิดตัว ไม่ใช่แพะ ก็ตาม แล้วมันเกิดอะไรขึ้น !!
00 ทุกอย่างกำลังกลับตาลปัตรอย่างนั้นหรือ หากพิจารณาตามความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ ส่วนสำคัญมาจาก "ความไม่ไว้วางใจ" การทำงานของตำรวจในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน การเล่นพรรค เล่นพวก การรีดไถ เคยมักง่ายจับแพะสร้างความเจ็บปวดให้กับชาวบ้านมานักต่อนัก ตำรวจรับใช้การเมือง รับใช้โจร นับถือโจรไม่ต่างจากบิดา เราก็เห็นมาแล้ว แน่นอนว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ตำรวจทั้งหมด แต่ความรู้สึกของชาวบ้านมั่นใจว่า "มีไม่น้อย" นี่คือภาพลบที่ตามหลอกหลอนวงการตำรวจมาจนถึงวันนี้ เพราะล่าสุดแม้แต่ ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก็ยังยอมรับกลายๆว่า "ต้องทำให้ประชาชนกลับมารักตำรวจให้ได้" ซึ่งเชื่อว่าต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกนาน
00 สาเหตุหลักอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้กดดันให้ตำรวจต้องทำคดีให้"เคลียร์"ก็คือ "โลกโซเชียลฯ" ยุคสมัยเปลี่ยนไป เพราะด้วยระบบการสื่อสารฉับไว มีทั้งภาพและเสียง มีเทคนิกเปรียบเทียบ หลักฐาน มีการแชร์หลักฐานมีเหตุผลที่มีน้ำหนัก บางครั้งก็หักล้างเหตุผลของตำรวจ ทำให้ชาวบ้านที่ได้เห็นได้ฟังเริ่มหวั่นไหว เอนเอียงไปเหมือนกัน ถึงบอกว่าในปัจจุบันและในอนาคต การทำงานของข้าราชการ ตำรวจ นักการเมืองมันไม่หมู ทุกอย่างต้องชัดเจน อธิบายให้เคลียร์ด้วยหลักฐานอย่างครบถ้วน มันถึงจะมั่นใจและเรียกศรัทธาคืนมา จะทำงานแบบเดิมๆ คิดว่าเมื่อผู้บังคับบัญชาระดับสูง
การันตีแล้วชาวบ้านเขาจะเชื่อ มันเริ่มเป็นไปไม่ได้แล้ว และแม้ว่าสำหรับคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวอังกฤษคราวนี้โดยส่วนตัวยังเชื่อลึกๆว่า ตำรวจคง "ไม่กล้าจับแพะ" เพราะทุกฝ่ายจับตาดูอยู่ ทั้งในและต่างประเทศ หลักฐานทุกอย่างต้องได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ต้องอธิบายได้
00 เข้าใจดี ถึงความกดดันในการทำงาน แต่ทุกอย่างต้องเคลียร์อย่างที่ว่า เพราะถ้า"พลาด"งานนี้ก็ถือว่ากู่ไม่กลับ เดิมพันกันทั้งประเทศ อย่างไรก็ดีต้องให้กำลังใจนาทีนี้ ต้องไว้ใจคนทำงาน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ขณะเดียวกันถึงเวลาแล้วสำหรับการ "ปฏิรูป" องค์กรตำรวจอย่างขนานใหญ่อย่างที่สังคมเรียกร้อง ซึ่งความหมายของคำว่า ปฏิรูป ไม่ใช่เพียงแค่การโยกย้ายสับเปลี่ยนคนใหม่ พวกใหม่เข้าไปแทนคนเก่าอย่างที่เป็นอยู่ อย่างไรก็ดีก็ต้องรอยกยอดไปติดตามจาก สปช. ที่เพิ่งประกาศแต่งตั้งกันหมาดๆว่า จะการปฏิรูปตำรวจจะเป็นหนึ่งในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ตามที่กำหนดเอา ไว้แบบไหนกันบ้าง เพราะถึงเวลาแล้ว ไม่ทำก็เละแน่ !!
00 พูดถึง สปช. ที่เพิ่งคลอดออกมา 250 คน มองในภาพรวมๆ ก็ถือว่าคละเคล้ากันไป มากันหลายสาย มากบ้าง น้อยบ้าง แต่เมื่อพิจารณาจากตัวบุคคล ที่แม้บางมุมจะดูหลากหลาย มีคนที่น่าเชื่อถือเข้ามาเพื่อทำให้ดูดี แต่สำหรับบุคคลที่จะมานั่งในตำแหน่งหลักเหมือนกับถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อมาเป็นเป็นผู้กำหนดทิศทางปฏิรูปในวันหน้า ตำแหน่งอื่นยังไม่ชัดนัก แต่สำหรับ ปธ.กรรมาธิการ ยกร่าง รธน. จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนชื่อ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ คอยดูก็แล้วกัน ว่าผิดหรือถูก !!
00 ทุกอย่างกำลังกลับตาลปัตรอย่างนั้นหรือ หากพิจารณาตามความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ ส่วนสำคัญมาจาก "ความไม่ไว้วางใจ" การทำงานของตำรวจในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน การเล่นพรรค เล่นพวก การรีดไถ เคยมักง่ายจับแพะสร้างความเจ็บปวดให้กับชาวบ้านมานักต่อนัก ตำรวจรับใช้การเมือง รับใช้โจร นับถือโจรไม่ต่างจากบิดา เราก็เห็นมาแล้ว แน่นอนว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ตำรวจทั้งหมด แต่ความรู้สึกของชาวบ้านมั่นใจว่า "มีไม่น้อย" นี่คือภาพลบที่ตามหลอกหลอนวงการตำรวจมาจนถึงวันนี้ เพราะล่าสุดแม้แต่ ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก็ยังยอมรับกลายๆว่า "ต้องทำให้ประชาชนกลับมารักตำรวจให้ได้" ซึ่งเชื่อว่าต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกนาน
00 สาเหตุหลักอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้กดดันให้ตำรวจต้องทำคดีให้"เคลียร์"ก็คือ "โลกโซเชียลฯ" ยุคสมัยเปลี่ยนไป เพราะด้วยระบบการสื่อสารฉับไว มีทั้งภาพและเสียง มีเทคนิกเปรียบเทียบ หลักฐาน มีการแชร์หลักฐานมีเหตุผลที่มีน้ำหนัก บางครั้งก็หักล้างเหตุผลของตำรวจ ทำให้ชาวบ้านที่ได้เห็นได้ฟังเริ่มหวั่นไหว เอนเอียงไปเหมือนกัน ถึงบอกว่าในปัจจุบันและในอนาคต การทำงานของข้าราชการ ตำรวจ นักการเมืองมันไม่หมู ทุกอย่างต้องชัดเจน อธิบายให้เคลียร์ด้วยหลักฐานอย่างครบถ้วน มันถึงจะมั่นใจและเรียกศรัทธาคืนมา จะทำงานแบบเดิมๆ คิดว่าเมื่อผู้บังคับบัญชาระดับสูง
การันตีแล้วชาวบ้านเขาจะเชื่อ มันเริ่มเป็นไปไม่ได้แล้ว และแม้ว่าสำหรับคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวอังกฤษคราวนี้โดยส่วนตัวยังเชื่อลึกๆว่า ตำรวจคง "ไม่กล้าจับแพะ" เพราะทุกฝ่ายจับตาดูอยู่ ทั้งในและต่างประเทศ หลักฐานทุกอย่างต้องได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ต้องอธิบายได้
00 เข้าใจดี ถึงความกดดันในการทำงาน แต่ทุกอย่างต้องเคลียร์อย่างที่ว่า เพราะถ้า"พลาด"งานนี้ก็ถือว่ากู่ไม่กลับ เดิมพันกันทั้งประเทศ อย่างไรก็ดีต้องให้กำลังใจนาทีนี้ ต้องไว้ใจคนทำงาน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ขณะเดียวกันถึงเวลาแล้วสำหรับการ "ปฏิรูป" องค์กรตำรวจอย่างขนานใหญ่อย่างที่สังคมเรียกร้อง ซึ่งความหมายของคำว่า ปฏิรูป ไม่ใช่เพียงแค่การโยกย้ายสับเปลี่ยนคนใหม่ พวกใหม่เข้าไปแทนคนเก่าอย่างที่เป็นอยู่ อย่างไรก็ดีก็ต้องรอยกยอดไปติดตามจาก สปช. ที่เพิ่งประกาศแต่งตั้งกันหมาดๆว่า จะการปฏิรูปตำรวจจะเป็นหนึ่งในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ตามที่กำหนดเอา ไว้แบบไหนกันบ้าง เพราะถึงเวลาแล้ว ไม่ทำก็เละแน่ !!
00 พูดถึง สปช. ที่เพิ่งคลอดออกมา 250 คน มองในภาพรวมๆ ก็ถือว่าคละเคล้ากันไป มากันหลายสาย มากบ้าง น้อยบ้าง แต่เมื่อพิจารณาจากตัวบุคคล ที่แม้บางมุมจะดูหลากหลาย มีคนที่น่าเชื่อถือเข้ามาเพื่อทำให้ดูดี แต่สำหรับบุคคลที่จะมานั่งในตำแหน่งหลักเหมือนกับถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อมาเป็นเป็นผู้กำหนดทิศทางปฏิรูปในวันหน้า ตำแหน่งอื่นยังไม่ชัดนัก แต่สำหรับ ปธ.กรรมาธิการ ยกร่าง รธน. จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนชื่อ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ คอยดูก็แล้วกัน ว่าผิดหรือถูก !!
