xs
xsm
sm
md
lg

อัยการตั้งคณะทำงานดูสำนวนฆ่าสองนักท่องเที่ยวเกาะเต่า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


อัยการสั่งตั้งคณะทำงานสำนวนคดีฆ่าสองนักท่องเที่ยวบนเกาะเต่า เหตุอยู่ในความสนใจของประชาชน ยันไม่ได้กดดันกระแสข่าว “จับแพะ” เพราะจะดูพยานหลักฐานในสำนวนเป็นหลัก

วันนี้ (7 ต.ค.) นางสันทนี ดิษยบุตร รองโฆษกสำนักงานอัยการ เปิดเผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดเกาะสมุย เพื่อพิจารณาสั่งฟ้อง นายเวพิว หรือวิน อายุ 21 ปี และนายซอลิน หรือโซเรน อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติพม่า ในคดีฆาตกรรมนายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ อายุ 24 ปี และ น.ส.ฮานนาห์ วิกตอเรีย วิเทอริดจ์ อายุ 24 ปี นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสัญชาติอังกฤษ ที่บริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า นายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 ได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อพิจารณาสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวเนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน

ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องนายเวพิว และนายซอลิน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กาลังประทุษร้าย โดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง และอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 276, 277 ตรี (2), 288, 335 (1) พระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 11, 12, 62 และ 81 ซึ่งคณะทำงานจะได้พิจารณาพยานหลักฐานต่างๆ ในสำนวนอย่างละเอียดรอบคอบและรวดเร็วเพื่อมีคำสั่งในทางคดีต่อไป

“อัยการไม่ได้รู้สึกกดดันหรือกังวลกับกระแสข่าวจับแพะ เนื่องจากการพิจารณาสำนวนของอัยการต้องดูจากพยานหลักฐานทุกอย่างให้รอบคอบว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาทั้งสองจริงหรือไม่ หากกระทำผิดจริงก็จะส่งฟ้อง จึงขอเวลาให้คณะทำงานพิจารณาก่อน ซึ่งกรอบระยะเวลาในการสั่งคดีนั้นกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่จะครบกำหนดฝากขังครั้งแรกในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ทางอัยการจึงยังมีเวลาในการพิจารณาคดีให้รอบคอบก่อนสั่งคดี หากผู้ต้องหาเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมได้เหมือนกับคดีทั่วไป” รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น