ASTVผู้จัดการรายวัน "พีดีเฮ้าส์" ระบุตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 3 ยังไม่ฟื้นไข้ เหตุเศรษฐกิจไทย ส่งออก ท่องเที่ยว ชะลอตัว สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ฉุดตลาดรับสร้างบ้านปี 57 โตติดลบ 8-10% มูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท ปรับเป้ายอดขายเหลือ 1.7 พันล้านบาท เดินหน้าเปิดสาขาใหม่ขยายกำลังซื้อ เตรียมบุกตลาดเมืองค้าชายแดน พร้องขยายสู่ประเทศในอาเซียนโฟกัสพม่า-กัมพูชา
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของและผู้บริหารสิทธิ์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะกลับเข้าสู่ภาวะความสงบ นับตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่จากภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา กลับพบว่าตลาดไม่ได้เติบโต แม้ผู้ประกอบการต่างเร่งกระตุ้นกำลังซื้อ แต่ผู้บริโภคยังชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ การส่งออกและท่องเที่ยวไม่ขยายตัวตามที่คาดการณ์เอาไว้ จึงเขื่อว่าแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 4 นี้จะทรงตัว เพราะกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว
“เชื่อว่ากำลังซื้อยังมีอยู่ แต่ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะภาคใต้ที่ราคายางพาราตกต่ำอย่างมากทำให้ตลาดหดตัวมากที่สุด รองลงคือ ภาคเหนือ ส่วนภาคกลางและภาคอีสานยังขยายตัวได้ ซึ่งบริษัทโชคดีที่ใช้วิธีขยายสาขาออกไปยังจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ แม้ว่ายอดขายต่อสาขาจะลดลงแต่เมื่อนับยอดขายรวมทุกสาขาแล้วเพิ่มขึ้น"นายสิทธิพรกล่าว
จากแนวโน้วดังกล่าวจึงเชื่อว่า ตลาดรับสร้างบ้านปี 57 จะติดลบ 8-10% ในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยประเมินว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 13,500 ล้านบาท จากปีที่แล้วมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทมีการปรับยอดขายใหม่เหลือ 1,600-1,700 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 2,000 ล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนที่ผ่านมียอดขายแล้ว 1,300 ล้านบาท
สำหรับในไตรมาส 4 บริษัทเดินหน้าขยายตลาดในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นอีกกว่า 10 จังหวัด ซึ่งจะทำให้เข้าถึงกำลังซื้อ ขยายไปสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ได้มากขึ้น เป็นการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และลดความเสี่ยงที่จะแข่งขันกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่หรือตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง อย่างเช่น ตลาดรับสร้างบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
สำหรับสาขาใหม่ที่เปิดให้บริการในปี 2557 ประกอบด้วย สาขาจังหวัดสุพรรณบุรี ลำปาง ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ มุกดาหาร ประจวบคีรีขันธ์ (ปราณบุรี) และเลย ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาให้บริการรวม 43 สาขาทั่วประเทศ อย่างไรก็ดี ช่วงระยะเวลาที่เหลืออีก 3 เดือน บริษัทจะยังเน้นกลยุทธ์การเข้าถึงและเจาะกลุ่มกำลังซื้อใหม่ๆ เป็นหลัก รวมทั้งยังได้จัดโปรโมชั่นลุ้นรับรางวัลส่วนลดเงินสดสูงสุด 40% ของราคาบ้าน และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจลูกค้า
นายสิทธิพร กล่าวต่อว่า หลังจากที่มีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ในปี 2558 อย่างเป็นทางการ บริษัทมีแผนที่จะรุกขยายสาขาไปยังจังหวัดชายแดน อาทิ อรัญประเทศ สะเดา แม่สอด เป็นต้น และเมื่อเออีซีไปได้สักระยะบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังประเทศพม่าและกัมพูชา ในรูปแบบการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น หรือในรูปแบบแฟรนไชส์
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของและผู้บริหารสิทธิ์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะกลับเข้าสู่ภาวะความสงบ นับตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่จากภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา กลับพบว่าตลาดไม่ได้เติบโต แม้ผู้ประกอบการต่างเร่งกระตุ้นกำลังซื้อ แต่ผู้บริโภคยังชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ การส่งออกและท่องเที่ยวไม่ขยายตัวตามที่คาดการณ์เอาไว้ จึงเขื่อว่าแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 4 นี้จะทรงตัว เพราะกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว
“เชื่อว่ากำลังซื้อยังมีอยู่ แต่ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะภาคใต้ที่ราคายางพาราตกต่ำอย่างมากทำให้ตลาดหดตัวมากที่สุด รองลงคือ ภาคเหนือ ส่วนภาคกลางและภาคอีสานยังขยายตัวได้ ซึ่งบริษัทโชคดีที่ใช้วิธีขยายสาขาออกไปยังจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ แม้ว่ายอดขายต่อสาขาจะลดลงแต่เมื่อนับยอดขายรวมทุกสาขาแล้วเพิ่มขึ้น"นายสิทธิพรกล่าว
จากแนวโน้วดังกล่าวจึงเชื่อว่า ตลาดรับสร้างบ้านปี 57 จะติดลบ 8-10% ในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยประเมินว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 13,500 ล้านบาท จากปีที่แล้วมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทมีการปรับยอดขายใหม่เหลือ 1,600-1,700 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 2,000 ล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนที่ผ่านมียอดขายแล้ว 1,300 ล้านบาท
สำหรับในไตรมาส 4 บริษัทเดินหน้าขยายตลาดในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นอีกกว่า 10 จังหวัด ซึ่งจะทำให้เข้าถึงกำลังซื้อ ขยายไปสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ได้มากขึ้น เป็นการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และลดความเสี่ยงที่จะแข่งขันกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่หรือตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง อย่างเช่น ตลาดรับสร้างบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
สำหรับสาขาใหม่ที่เปิดให้บริการในปี 2557 ประกอบด้วย สาขาจังหวัดสุพรรณบุรี ลำปาง ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ มุกดาหาร ประจวบคีรีขันธ์ (ปราณบุรี) และเลย ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาให้บริการรวม 43 สาขาทั่วประเทศ อย่างไรก็ดี ช่วงระยะเวลาที่เหลืออีก 3 เดือน บริษัทจะยังเน้นกลยุทธ์การเข้าถึงและเจาะกลุ่มกำลังซื้อใหม่ๆ เป็นหลัก รวมทั้งยังได้จัดโปรโมชั่นลุ้นรับรางวัลส่วนลดเงินสดสูงสุด 40% ของราคาบ้าน และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจลูกค้า
นายสิทธิพร กล่าวต่อว่า หลังจากที่มีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ในปี 2558 อย่างเป็นทางการ บริษัทมีแผนที่จะรุกขยายสาขาไปยังจังหวัดชายแดน อาทิ อรัญประเทศ สะเดา แม่สอด เป็นต้น และเมื่อเออีซีไปได้สักระยะบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังประเทศพม่าและกัมพูชา ในรูปแบบการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น หรือในรูปแบบแฟรนไชส์