xs
xsm
sm
md
lg

บริษัทขายรถยนต์ตรังยอดขายร่วง หลังเจอปัญหายางราคาตก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - บริษัทจำหน่ายรถยนต์ จ.ตรัง เผยยอดขายร่วงหนักจากปีที่แล้วกว่า 50% เผยเหตุจากราคายางพาราร่วงหนัก พร้อมทุ่มงบเตรียมทำตลาดลงพื้นที่ออกบูทจัดกิจกรรม-แคมเปญกระตุ้น และพัฒนาระบบบริการให้ดีขึ้น มุ่งเจาะฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีกำลังซื้อ

วันนี้ (24 ก.ย.) นายวีรวัฒน์ ท่าจีน ผู้จัดการทั่วไป บริษัทโตโยต้าเมืองตรัง ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อปี 2556 มียอดขายรถยนต์ทั้ง จ.ตรัง อยู่ที่ประมาณ 7,200 คัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 600 คัน โดยจำนวนนี้เป็นยี่ห้อโตโยต้า มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 33% ส่วนปี 2557 ในระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายรถยนต์ทั้ง จ.ตรัง อยู่ที่ประมาณเดือนละ 400 คัน หรือลดลงถึง 35% ถือเป็นช่วงวิกฤตครั้งรุนแรงที่สุดของตลาดรถยนต์ในรอบ 10 ปี เลยทีเดียว และคาดว่าตลาดโดยรวมทั้งปีนี้จะตกลงไปจากปีก่อนประมาณ 35%

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ยอดขายร่วงลงมามาก เป็นผลพวงตั้งแต่โครงการรถคันแรกเมื่อปี 2556 ทำให้สัดส่วนการถือครองรถยนต์ของแต่ละครัวเรือนสูง หรือพอดีต่อความต้องการแล้ว สืบเนื่องมาถึงปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ และล่าสุดก็คือ ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ตรัง และจังหวัดอื่นในภาคใต้ จะเห็นได้ชัดว่าเมื่อราคายางพาราปรับตัวลดลงมาจนเหลือไม่ถึงกิโลละ 50 บาท ได้ทำให้ตลาดรถยนต์ทุกยี่ห้อหดหายไปอย่างมาก นับตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนที่ซื้อไปแล้วก็มีปัญหาผ่อนชำระไม่ไหวอีกจำนวนไม่น้อย

ขณะที่ในปี 2558 ก็ยังไม่เห็นทิศทาง หรือปัจจัยบวกที่จะทำให้ตลาดรถยนต์กลับมาฟื้นตัว ถึงแม้ทุกค่ายจะพยายามจัดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อ พร้อมกับทุ่มงบลงพื้นที่ออกบูทจัดกิจกรรมต่างๆ และพัฒนาระบบบริการให้ดีขึ้นในทุกด้าน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ราคายางพารามีส่วนสำคัญอย่างมากต่อตลาดรถยนต์ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่หรือ 60% เกี่ยวข้องกับอาชีพทางการเกษตร ซึ่งหากราคายางพาราขยับขึ้นไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท ก็จะทำให้ตลาดรถยนต์กลับมากระเตื้องอีกครั้ง

ด้าน นายศรัณย์ ลีลาชุติพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทตรังลีลายนต์ จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ของยี่ห้อมิตซูบิชิ ในปี 2557 ลดลงจากปีก่อน 50-60% เนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ โดยเฉพาะเมื่อราคายางพาราผันผวนจากกิโลกรัมละ 180 บาท จนเหลือไม่ถึงกิโลกรัมละ 50 บาท ทั้งนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเกษตรกร และมีกำลังซื้อลดลง ประกอบกับหลายคนมีภาระการผ่อนชำระค่ารถยนต์ที่เคยมีตลาดเติบโตสูงสุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว จึงไม่สามารถซื้อรถเพิ่ม หรือเปลี่ยนรถใหม่ในช่วงขณะนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ทางค่ายก็จำเป็นจะต้องใช้วิธีการอัดแคมเปญควบคู่กับดูแลงานบริการ เพื่อให้เกิดความประทับใจมากที่สุด พร้อมเจาะฐานลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อ เช่น มีเงินเดือนประจำ หรือเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนราคายางพาราที่เหมาะสมต่อสภาวะปัจจุบันก็คือ ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 70 บาท และต้องอยู่นิ่งในระดับนี้ 4-5 เดือน แต่หากรัฐบาลสามารถดูแลให้ราคาน้ำมันของไทยเท่ากับเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ก็จะเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่จะกระตุ้นตลาดรถยนต์ รวมทั้งเศรษฐกิจโดยรวมให้ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น