4 องค์กรเครือข่ายยางพารายื่นหนังสือนายกฯ แก้ราคาตกต่ำพรุ่งนี้

 
กระบี่ - นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ค้านนโยบายระบายยางในสต๊อก 2.1 แสนตันเพื่อแก้ปัญหาราคายางตกต่ำในช่วงนี้ เพราะอยู่ในช่วงที่ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาดปริมาณมาก ยิ่งทำให้ราคาดิ่งลงไปอีก เป็นการซ้ำเติมเกษตรกร เตรียมจับมือเครือข่าย 4 องค์กร ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อขอให้แก้ปัญหาความเดือดร้อนเกษตรกร

นายบุญส่ง นับทอง นายสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีนโยบายแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำด้วยการเร่งระบายยางพาราในสต๊อก มีจำนวน 2.1 แสนตัน ที่ อคส.รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 100 บาท ด้วยการขายให้ผู้ประกอบการราคาต่ำกว่าต้นทุน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางพารา ว่า ทางสมาคมฯ ไม่เห็นด้วย เพราะหากระบายยางในสต๊อกตอนนี้ยิ่งทำให้ราคาตกต่ำลงไปอีก

เพราะขณะนี้ราคายางพารากำลังอยู่ในช่วงขาลง ถ้าหากมีการระบายออกมาขณะที่ยางในพื้นที่กำลังเปิดกรีด และให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น คาดว่าในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ก็จะทำราคาดิ่งลงไปอีก เป็นการซ้ำเติมเกษตรกร ซึ่งล่าสุด ราคายางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ตลาดกลางหาดใหญ่อยู่ที่กิโลกรัมละ 48 บาท

นายบุญส่ง กล่าวอีกว่า ในส่วนของการนำยางพารามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น ทางเครือข่ายเกษตรกร เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะได้เรียกร้องมาโดยตลอด และสิ่งที่สามารถทำให้เกิดการใช้ยางในประเทศจำนวนมากนั้น ก็คือ การนำยางพาราไปผสมกับแอสฟัลติก เพื่อทำถนน ซึ่งที่ผ่านมา ประเทศไทยทำถนนปีละประมาณ 60,000 กิโลเมตร ซึ่งจากการคำนวณทางวิชาการ พบว่า สามารถที่จะใช้ยางได้มากถึงปีละ 300,000 ตัน นอกจากนี้ ก็ยังทำสนามฟุตซอล สนามแบดมินตัน ทำบล็อกตัวหนอนปูทางเท้า เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกิดการระบายยางได้ปริมาณมาก และสามารถแปรรูเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค.) สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จะร่วมกับ 4 องค์กร เครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย สภาการยางพาราแห่งประเทศไทย ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมเครือข่ายเกษตรกร สถาบันเกษตรกรยางพาราไทย จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พร้อมกับ 63 จังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อให้แก้ปัญหาราคายาง ชะลอการระบายสต๊อกยาง และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องของปัจจัยการผลิตต่างๆ ซึ่งในส่วนของการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิต ขณะนี้สัดส่วนอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ ถ้าเปรียบเทียบกับพันธุ์ยางใหม่ๆ และประเทศเพื่อนบ้านที่มีการพัฒนาพันธุ์ยางพาราค่อนข้างรวดเร็ว จึงขอให้ช่วยเข้ามาดูแลในเรื่องการพัฒนาพันธุ์ยางพาราให้รวดเร็วยิ่งกว่านี้ด้วย