มีงานวิจัยที่เชื่อถือได้รายงานว่าคนที่รับประทานอาหารมังสวิรัติที่เป็นเพศชายจะมีอายุยืนยาวขึ้น 8 ปีกว่า และเพศหญิงจะมีอายุยืนยาวขึ้น 7 ปี กว่า เมื่อเทียบกับคนที่ไม่กินอาหารมังสวิรัติ (Seventh-day Adventist Dietetic Association)
คนทั่วไปมักเข้าใจว่า ถ้าไม่กินเนื้อสัตว์จะไม่แข็งแรง และเป็นโรคขาดอาหาร แต่ความเป็นจริงปรากฏว่า คนที่กินอาหารมังสวิรัติ มีสุขภาพสมบูรณ์กว่า และไม่เป็นโรคขาดอาหาร กลับจะเป็นโรคน้อยกว่าด้วย เช่น โรคหัวใจวาย โรคมะเร็ง โรคพยาธิ และโรคที่ติดเชื้อจากสัตว์
อาหารมังสวิรัติไม่ใช่มีไว้เฉพาะสำหรับกลุ่มคนที่ถือศีล หรือเคร่งครัดในเรื่องศาสนาเท่านั้น แต่ปัจจุบันคนทั่วโลกหลายล้านคนหันมากินอาหารมังสวิรัติ เพื่อสุขภาพเป็นหลักใหญ่
นักมังสวิรัติ จำแนกได้ 4 ประเภท
1. กินธัญพืช ( ข้าวหรือข้าวกล้อง) ถั่ว พืชผักและผลไม้ ( Vegan)
2. กินเหมือนข้อ 1 แต่ดื่มนมด้วย ( Lacto-vegetarian)
3. กินเหมือนข้อ 1 แต่ดื่มนมและกินไข่ด้วย ( Lacto-ova-vegetarian)
4.กินเจ กินเหมือนข้อ 1 แต่ งด กุยช่าย ต้นหอม ผักชี กระเทียม (Chinese vegetarian)
ประมาณ 500 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์และคนส่วนมาก คิดว่าโลกแบน มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่เชื่อว่าโลกกลม เช่น โคลัมบัส ซึ่งกล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อพิสูจน์ให้ชาวโลกได้รู้ว่าที่แท้โลกเรากลม โดยแล่นเรือจนค้นพบอเมริกาแต่กระนั้นต้องอาศัยเวลานานกว่าคนทั่วไปจะยอมรับในความจริงข้อนี้ ก็เช่นเดียวกันกับสมัยนี้ที่คนส่วนใหญ่ยังคิดว่า การกินอาหารมังสวิรัติ จะทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเท่ากับคนที่กินเนื้อสัตว์ ทั้งที่ในต่างประเทศ หรือแม้แต่ในเมืองไทยเองก็มีแพทย์ และนักโภชนาการหลายท่านยืนยันว่าคนกินอาหารมังสวิรัติไม่มีปัญหาด้านการเจริญเติบโตหรือด้านสุขภาพเลย เพราะมีหลักฐานชัดเจนอยู่ใน 2 ข้อ ต่อไปนี้ คือ
1.หลักฐานทางโภชนาการ หรือทางวิทยาศาสตร์
2.หลักฐานจากชีวิตจริงของนักมังสวิรัติ
ข้อ 1 มีหลักฐานทางโภชนาการ พิสูจน์ แล้วว่า อาหารมังสวิรัติมีคุณค่าทางธาตุอาหารครบทุกหมู่ โปรตีนในถั่วเหลืองและถั่วต่างๆ ตลอดจนธัญพืช มีคุณภาพเท่าเทียมกับเนื้อสัตว์ จึงไม่ต้องห่วงว่า คนกินอาหารมังสวิรัติ จะได้โปรตีนไม่เพียงพอ โปรตีนบางชนิดที่ถั่วมีน้อยนั้น เราจะเสริมได้ง่ายๆโดยการกินอาหารประเภทข้าว ซึ่งมีโปรตีนที่สำคัญจำนวนมาก คือ เมไธโอนิน methionine การกล่าวอ้างที่ว่าโปรตีนจากถั่วเป็นโปรตีนที่ไม่สมบูรณ์ (incomplete protein) และเนื้อสัตว์เป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ (complete protein) นั้นไม่ค่อยถูกต้องเพราะในทางปฏิบัติไม่มีใครไม่กินข้าว ดังนั้น การกินโปรตีนจากถั่วและข้าว ก็จะได้โปรตีนที่สมบูรณ์ทดแทนกันได้จึงไม่มีปัญหา
ในการประชุมนักโภชนาการนานาชาติครั้งที่ 6 ที่ประเทศอังกฤษมีรายงานตามหลักโภชนาการออกมาว่า การรวมตัวของโปรตีนจากพืชต่างชนิดกันจะทำให้ได้โปรตีนไม่ต่างจากโปรตีนที่ได้จากสัตว์เลย
ส่วนที่เด็กกินอาหารมังสวิรัติจะได้โปรตีน และสารอาหารต่างๆ เพียงพอหรือไม่นั้น คำตอบคือ “ ไม่มีปัญหา” เพราะเด็กที่กินอาหารมังสวิรัติใช่ว่าจะกินพืชผักทันทีที่ลืมตาดูโลก เด็กจะดื่มนมแม่ก่อน (หรือไม่ก็นมผง) พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มกินข้าว พืชผัก และถั่วบด และผลไม้ เช่น ส้ม กล้วย แต่เด็กก็ยังดื่มนมต่อไปเรื่อยๆ เด็กหรือผู้ใหญ่ที่กินอาหารมังสวิรัติมักจะดื่มนมหรือนมถั่วเหลือง (น้ำเต้าหู้) ตลอดไป ในขณะที่บางคนก็กินไข่ด้วย ความกังวลที่ว่า เด็กจะขาดธาตุอาหารจึงเป็นอันตัดไป
ข้อ 2 หลักฐานจากชีวิตจริงของนักมังสวิรัติ เด็กหรือผู้ใหญ่ที่กินอาหารมังสวิรัติ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด มีความเฉลียวฉลาดเหมือนคนที่กินเนื้อสัตว์ สมองเจริญเติบโตดีเหมือนกันและอาจจะดีกว่าเสียด้วย จะเห็นได้จากประวัติศาสตร์ที่มีคนเก่งๆ ของโลกเป็นนักมังสวิรัติ เช่น เลียวนาโด ดาวินซี, เซอร์ไอแซค นิวตัน, มหาตมะคานธี และนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก อีกหลายท่าน เช่น Carl Lewis นักวิ่ง 9 เหรียญทอง Murray Rose นักว่ายน้ำ 6 เหรียญทอง และ Paavo Nurmi นักวิ่ง 9 เหรียญทอง หรือดูกันง่ายๆคือ ชนชาติ ต่างๆ เช่นที่ อินเดีย มีซิกข์ ฮินดู แยนหรือที่ อเมริกามีคริสเตียนคณะเซเว่นเดย์แอ็ดเวนตีสซึ่งกินอาหารมังสวิรัติกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เขาไม่มีปัญหา ถ้ามีปัญหาเขาก็คงสูญพันธ์ไปแล้วแต่ปรากฎว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีมากขึ้นด้วยซ้ำ
ผักเป็นอาหารจำเป็นสำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักมังสวิรัติหรือไม่ แต่ก็มีบางคนไม่ค่อยกินผักเสียเลย เขาก็จะขาดแร่ธาตุต่างๆตลอดจนกากใยที่มีอยู่ในผักซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ บางคนกลัวยาฆ่าแมลงตกค้างในผักก็เลยไม่ค่อยกล้ากินผัก ทางที่ถูกคือ ต้องล้างผักในน้ำที่ไหลริน หลายๆครั้ง เพื่อให้น้ำชะล้างยาฆ่าแมลงออกไป หรือถ้าทำได้ ก็ปลูกผักสวนครัวเองหรือเลือกซื้อผักปลอดสารพิษ
นักวิจัยในสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบว่าเนื้อสัตว์ต่างๆที่คนนำมาบริโภคมียาฆ่าแมลงมากกว่าพืชผัก บางทีมากกว่าถึง 13 เท่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะสัตว์ต่างๆ ก็กินพืชผัก หรือหญ้าที่มียาฆ่าแมลงเข้าไป ยิ่งอายุของสัตว์ยืนนานเท่าใด ก็ยิ่งสะสมไว้มากเท่านั้น
ดร. จี เอส ฮันติงตัน แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาระบบย่อยและฟันของมนุษย์ และยืนยันว่า มนุษย์เรามีระบบย่อยและฟัน ที่เหมาะสมที่จะย่อยหรือบดเคี้ยวพืชผักมากกว่าเนื้อสัตว์
ปัจจุบันเมืองไทยเรายังมีเด็กและผู้ใหญ่เป็นโรคขาดอาหาร และอาหารมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆดังนั้นการกินอาหารมังสวิรัติจะเป็นวิธีหนึ่งที่แก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของครอบครัวเพราะอาหารพืชผักและถั่วราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์
โปรตีนในเนื้อสัตว์มีราคาเป็นประมาณ 5 หรือ 6 เท่าของโปรตีนในถั่วเหลือง เช่น เนื้อวัวหรือเนื้อหมู 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 120 บาท ส่วนถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม ประมาณ 40 บาท แต่ ถั่วเหลืองให้โปรตีนเป็น 2 เท่าของเนื้อสัตว์ ( ส่วนคุณภาพทางโปรตีนเท่าเทียมกัน เมื่อกินข้าวด้วย )
ถ้าคนมีรายได้น้อยจะเลิกเห่อหรือหลงค่านิยมของการกินเนื้อสัตว์ ที่ต้องเอาเงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก ไปซื้อเนื้อสัตว์ที่มีราคาแพงมากิน แต่หันมาพึ่งถั่วเหลืองหรือถั่วเมล็ดแห้งต่างๆหรือเต้าหู้ ก็จะได้อาหารที่มีประโยชน์ในราคาประหยัดกว่ามาก และเขาจะได้อาหารที่เพียงพอ และช่วยไม่ให้เป็นโรคขาดสารอาหารด้วย (ไข่เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ราคาถูก คุณค่าไม่แพ้เนื้อสัตว์ ส่วนน้ำนมถั่วเหลืองหรือที่เรียกว่าน้ำเต้าหู้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงใช้ดื่มแทนนมได้และมีราคาถูกกว่านมสดมาก)
ในต่างประเทศได้มีผู้เชี่ยวชาญคำนวณแล้วว่า คนกินเนื้อสัตว์ 1 คน ต้องใช้เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ที่จะผลิตอาหารให้เขากิน แต่ถ้าเขากินแต่พืชผัก จะใช้เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เท่านั้น ดังนั้น เราจะมีที่ดินเหลือไปผลิตอาหารได้มากขึ้น
จะกินอาหารมังสวิรัติ (กินเจ) ได้อย่างไร....... ?
การกินอาหารมังสวิรัติง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ หรือการศึกษาสูง และก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า อาหารชนิดใดที่มีแคลอรี่หรือคุณค่าทางอาหารเท่าไร ขอให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
1. กินอาหารหลายชนิด 4 ประเภทนี้หมุนเวียนกัน ก) ธัญพืชหรือข้าวกล้อง ข) พืชผัก ค) ผลไม้ ง) ถั่วเมล็ดแห้งและเมล็ดต่างๆเช่นงาและเมล็ดทานตะวัน ( กินนมหรือไข่ก็ได้แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ดี ส่วนคนที่กินเจจะต้องงดนมและไข่) ( ส่วนไขมันไม่ต้องห่วงเพราะมีอยู่แล้วในอาหารกลุ่มต่างๆ หรือใช้นำมันพืช)
2. กินอาหารให้เพียงพอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ( ไม่อ้วนและไม่ผอม)
3. กินอาหารธรรมชาติไม่ค่อยดัดแปลง (เช่น ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือดีกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว และผักผลไม้สด ดีกว่า ผักผลไม้ดอง) หลีกเลี่ยงอาหาร junk food ซึ่งมีแต่น้ำตาลและแป้งเช่น โดนัท ขนมเค็กและน้ำอัดลมหรือขนมขบเคี้ยวทอดกรอบต่างๆ
การกินอาหารมังสวิรัติง่ายมาก กินเหมือนที่คุณเคยกินทุกวันนั่นแหละ แต่เอาเนื้อสัตว์ทุกชนิดออก แล้วเอาถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว หรือผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่นเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ( นมถั่วเหลือง) ฟองเต้าหู้ หรือ โปรตีนเกษตร( เนื้อเทียม) หมี่กึน (gluten) แทน และใช้เกลือหรือซีอิ๊วแทนน้ำปลาเท่านั้นเอง
สรุป การกินอาหารมังสวิรัติ ดีกว่าการกินเนื้อสัตว์เพราะ
1. ประหยัดกว่า อาหารพืชผัก ( มังสวิรัติ) ถูกกว่าเนื้อสัตว์ แต่มีคุณค่าทางอาหารเท่าเทียมกัน
2. มีสุขภาพแข็งแรงกว่า เนื้อสัตว์มีไขมันอิ่มตัวมาก (คอเรสเตอรอล)ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดโรคหัวใจวายง่ายขึ้น คนกินเนื้อสัตว์จะมีโอกาสเป็น โรคมะเร็ง โรคพยาธิ และโรคต่างๆ เช่น โรควัวบ้า โรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่หมู และโรคอื่นๆที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้จากสัตว์มากกว่าคนที่กินมังสวิรัติ ส่วนคนที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นประจำจะมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งต่างๆ น้อยกว่าคนที่รับประทานอาหารเนื้อสัตว์ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคเส้นเลือดในสมองตีบและแตก น้อยกว่า และจะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่า 4 - 10 ปี
โปรดมั่นใจว่า การกินมังสวิรัติ จะทำให้มีสุขภาพดี และอายุยืนยาว ไม่เพียงแต่เท่านั้น ด้านสติปัญญาและจิตใจก็จะดีขึ้นด้วย
น.พ. โชติช่วง ชุตินธร
อ้างอิง ( National Geographic – Nov. 2005 pg. 25 ; Diet, Life Expectancy & Chronic Diseases by Dr Gary Fraser )
คนทั่วไปมักเข้าใจว่า ถ้าไม่กินเนื้อสัตว์จะไม่แข็งแรง และเป็นโรคขาดอาหาร แต่ความเป็นจริงปรากฏว่า คนที่กินอาหารมังสวิรัติ มีสุขภาพสมบูรณ์กว่า และไม่เป็นโรคขาดอาหาร กลับจะเป็นโรคน้อยกว่าด้วย เช่น โรคหัวใจวาย โรคมะเร็ง โรคพยาธิ และโรคที่ติดเชื้อจากสัตว์
อาหารมังสวิรัติไม่ใช่มีไว้เฉพาะสำหรับกลุ่มคนที่ถือศีล หรือเคร่งครัดในเรื่องศาสนาเท่านั้น แต่ปัจจุบันคนทั่วโลกหลายล้านคนหันมากินอาหารมังสวิรัติ เพื่อสุขภาพเป็นหลักใหญ่
นักมังสวิรัติ จำแนกได้ 4 ประเภท
1. กินธัญพืช ( ข้าวหรือข้าวกล้อง) ถั่ว พืชผักและผลไม้ ( Vegan)
2. กินเหมือนข้อ 1 แต่ดื่มนมด้วย ( Lacto-vegetarian)
3. กินเหมือนข้อ 1 แต่ดื่มนมและกินไข่ด้วย ( Lacto-ova-vegetarian)
4.กินเจ กินเหมือนข้อ 1 แต่ งด กุยช่าย ต้นหอม ผักชี กระเทียม (Chinese vegetarian)
ประมาณ 500 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์และคนส่วนมาก คิดว่าโลกแบน มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่เชื่อว่าโลกกลม เช่น โคลัมบัส ซึ่งกล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อพิสูจน์ให้ชาวโลกได้รู้ว่าที่แท้โลกเรากลม โดยแล่นเรือจนค้นพบอเมริกาแต่กระนั้นต้องอาศัยเวลานานกว่าคนทั่วไปจะยอมรับในความจริงข้อนี้ ก็เช่นเดียวกันกับสมัยนี้ที่คนส่วนใหญ่ยังคิดว่า การกินอาหารมังสวิรัติ จะทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเท่ากับคนที่กินเนื้อสัตว์ ทั้งที่ในต่างประเทศ หรือแม้แต่ในเมืองไทยเองก็มีแพทย์ และนักโภชนาการหลายท่านยืนยันว่าคนกินอาหารมังสวิรัติไม่มีปัญหาด้านการเจริญเติบโตหรือด้านสุขภาพเลย เพราะมีหลักฐานชัดเจนอยู่ใน 2 ข้อ ต่อไปนี้ คือ
1.หลักฐานทางโภชนาการ หรือทางวิทยาศาสตร์
2.หลักฐานจากชีวิตจริงของนักมังสวิรัติ
ข้อ 1 มีหลักฐานทางโภชนาการ พิสูจน์ แล้วว่า อาหารมังสวิรัติมีคุณค่าทางธาตุอาหารครบทุกหมู่ โปรตีนในถั่วเหลืองและถั่วต่างๆ ตลอดจนธัญพืช มีคุณภาพเท่าเทียมกับเนื้อสัตว์ จึงไม่ต้องห่วงว่า คนกินอาหารมังสวิรัติ จะได้โปรตีนไม่เพียงพอ โปรตีนบางชนิดที่ถั่วมีน้อยนั้น เราจะเสริมได้ง่ายๆโดยการกินอาหารประเภทข้าว ซึ่งมีโปรตีนที่สำคัญจำนวนมาก คือ เมไธโอนิน methionine การกล่าวอ้างที่ว่าโปรตีนจากถั่วเป็นโปรตีนที่ไม่สมบูรณ์ (incomplete protein) และเนื้อสัตว์เป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ (complete protein) นั้นไม่ค่อยถูกต้องเพราะในทางปฏิบัติไม่มีใครไม่กินข้าว ดังนั้น การกินโปรตีนจากถั่วและข้าว ก็จะได้โปรตีนที่สมบูรณ์ทดแทนกันได้จึงไม่มีปัญหา
ในการประชุมนักโภชนาการนานาชาติครั้งที่ 6 ที่ประเทศอังกฤษมีรายงานตามหลักโภชนาการออกมาว่า การรวมตัวของโปรตีนจากพืชต่างชนิดกันจะทำให้ได้โปรตีนไม่ต่างจากโปรตีนที่ได้จากสัตว์เลย
ส่วนที่เด็กกินอาหารมังสวิรัติจะได้โปรตีน และสารอาหารต่างๆ เพียงพอหรือไม่นั้น คำตอบคือ “ ไม่มีปัญหา” เพราะเด็กที่กินอาหารมังสวิรัติใช่ว่าจะกินพืชผักทันทีที่ลืมตาดูโลก เด็กจะดื่มนมแม่ก่อน (หรือไม่ก็นมผง) พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มกินข้าว พืชผัก และถั่วบด และผลไม้ เช่น ส้ม กล้วย แต่เด็กก็ยังดื่มนมต่อไปเรื่อยๆ เด็กหรือผู้ใหญ่ที่กินอาหารมังสวิรัติมักจะดื่มนมหรือนมถั่วเหลือง (น้ำเต้าหู้) ตลอดไป ในขณะที่บางคนก็กินไข่ด้วย ความกังวลที่ว่า เด็กจะขาดธาตุอาหารจึงเป็นอันตัดไป
ข้อ 2 หลักฐานจากชีวิตจริงของนักมังสวิรัติ เด็กหรือผู้ใหญ่ที่กินอาหารมังสวิรัติ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด มีความเฉลียวฉลาดเหมือนคนที่กินเนื้อสัตว์ สมองเจริญเติบโตดีเหมือนกันและอาจจะดีกว่าเสียด้วย จะเห็นได้จากประวัติศาสตร์ที่มีคนเก่งๆ ของโลกเป็นนักมังสวิรัติ เช่น เลียวนาโด ดาวินซี, เซอร์ไอแซค นิวตัน, มหาตมะคานธี และนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก อีกหลายท่าน เช่น Carl Lewis นักวิ่ง 9 เหรียญทอง Murray Rose นักว่ายน้ำ 6 เหรียญทอง และ Paavo Nurmi นักวิ่ง 9 เหรียญทอง หรือดูกันง่ายๆคือ ชนชาติ ต่างๆ เช่นที่ อินเดีย มีซิกข์ ฮินดู แยนหรือที่ อเมริกามีคริสเตียนคณะเซเว่นเดย์แอ็ดเวนตีสซึ่งกินอาหารมังสวิรัติกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เขาไม่มีปัญหา ถ้ามีปัญหาเขาก็คงสูญพันธ์ไปแล้วแต่ปรากฎว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีมากขึ้นด้วยซ้ำ
ผักเป็นอาหารจำเป็นสำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักมังสวิรัติหรือไม่ แต่ก็มีบางคนไม่ค่อยกินผักเสียเลย เขาก็จะขาดแร่ธาตุต่างๆตลอดจนกากใยที่มีอยู่ในผักซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ บางคนกลัวยาฆ่าแมลงตกค้างในผักก็เลยไม่ค่อยกล้ากินผัก ทางที่ถูกคือ ต้องล้างผักในน้ำที่ไหลริน หลายๆครั้ง เพื่อให้น้ำชะล้างยาฆ่าแมลงออกไป หรือถ้าทำได้ ก็ปลูกผักสวนครัวเองหรือเลือกซื้อผักปลอดสารพิษ
นักวิจัยในสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบว่าเนื้อสัตว์ต่างๆที่คนนำมาบริโภคมียาฆ่าแมลงมากกว่าพืชผัก บางทีมากกว่าถึง 13 เท่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะสัตว์ต่างๆ ก็กินพืชผัก หรือหญ้าที่มียาฆ่าแมลงเข้าไป ยิ่งอายุของสัตว์ยืนนานเท่าใด ก็ยิ่งสะสมไว้มากเท่านั้น
ดร. จี เอส ฮันติงตัน แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาระบบย่อยและฟันของมนุษย์ และยืนยันว่า มนุษย์เรามีระบบย่อยและฟัน ที่เหมาะสมที่จะย่อยหรือบดเคี้ยวพืชผักมากกว่าเนื้อสัตว์
ปัจจุบันเมืองไทยเรายังมีเด็กและผู้ใหญ่เป็นโรคขาดอาหาร และอาหารมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆดังนั้นการกินอาหารมังสวิรัติจะเป็นวิธีหนึ่งที่แก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของครอบครัวเพราะอาหารพืชผักและถั่วราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์
โปรตีนในเนื้อสัตว์มีราคาเป็นประมาณ 5 หรือ 6 เท่าของโปรตีนในถั่วเหลือง เช่น เนื้อวัวหรือเนื้อหมู 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 120 บาท ส่วนถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม ประมาณ 40 บาท แต่ ถั่วเหลืองให้โปรตีนเป็น 2 เท่าของเนื้อสัตว์ ( ส่วนคุณภาพทางโปรตีนเท่าเทียมกัน เมื่อกินข้าวด้วย )
ถ้าคนมีรายได้น้อยจะเลิกเห่อหรือหลงค่านิยมของการกินเนื้อสัตว์ ที่ต้องเอาเงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก ไปซื้อเนื้อสัตว์ที่มีราคาแพงมากิน แต่หันมาพึ่งถั่วเหลืองหรือถั่วเมล็ดแห้งต่างๆหรือเต้าหู้ ก็จะได้อาหารที่มีประโยชน์ในราคาประหยัดกว่ามาก และเขาจะได้อาหารที่เพียงพอ และช่วยไม่ให้เป็นโรคขาดสารอาหารด้วย (ไข่เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ราคาถูก คุณค่าไม่แพ้เนื้อสัตว์ ส่วนน้ำนมถั่วเหลืองหรือที่เรียกว่าน้ำเต้าหู้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงใช้ดื่มแทนนมได้และมีราคาถูกกว่านมสดมาก)
ในต่างประเทศได้มีผู้เชี่ยวชาญคำนวณแล้วว่า คนกินเนื้อสัตว์ 1 คน ต้องใช้เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ที่จะผลิตอาหารให้เขากิน แต่ถ้าเขากินแต่พืชผัก จะใช้เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เท่านั้น ดังนั้น เราจะมีที่ดินเหลือไปผลิตอาหารได้มากขึ้น
จะกินอาหารมังสวิรัติ (กินเจ) ได้อย่างไร....... ?
การกินอาหารมังสวิรัติง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ หรือการศึกษาสูง และก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า อาหารชนิดใดที่มีแคลอรี่หรือคุณค่าทางอาหารเท่าไร ขอให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
1. กินอาหารหลายชนิด 4 ประเภทนี้หมุนเวียนกัน ก) ธัญพืชหรือข้าวกล้อง ข) พืชผัก ค) ผลไม้ ง) ถั่วเมล็ดแห้งและเมล็ดต่างๆเช่นงาและเมล็ดทานตะวัน ( กินนมหรือไข่ก็ได้แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ดี ส่วนคนที่กินเจจะต้องงดนมและไข่) ( ส่วนไขมันไม่ต้องห่วงเพราะมีอยู่แล้วในอาหารกลุ่มต่างๆ หรือใช้นำมันพืช)
2. กินอาหารให้เพียงพอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ( ไม่อ้วนและไม่ผอม)
3. กินอาหารธรรมชาติไม่ค่อยดัดแปลง (เช่น ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือดีกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว และผักผลไม้สด ดีกว่า ผักผลไม้ดอง) หลีกเลี่ยงอาหาร junk food ซึ่งมีแต่น้ำตาลและแป้งเช่น โดนัท ขนมเค็กและน้ำอัดลมหรือขนมขบเคี้ยวทอดกรอบต่างๆ
การกินอาหารมังสวิรัติง่ายมาก กินเหมือนที่คุณเคยกินทุกวันนั่นแหละ แต่เอาเนื้อสัตว์ทุกชนิดออก แล้วเอาถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว หรือผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่นเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ( นมถั่วเหลือง) ฟองเต้าหู้ หรือ โปรตีนเกษตร( เนื้อเทียม) หมี่กึน (gluten) แทน และใช้เกลือหรือซีอิ๊วแทนน้ำปลาเท่านั้นเอง
สรุป การกินอาหารมังสวิรัติ ดีกว่าการกินเนื้อสัตว์เพราะ
1. ประหยัดกว่า อาหารพืชผัก ( มังสวิรัติ) ถูกกว่าเนื้อสัตว์ แต่มีคุณค่าทางอาหารเท่าเทียมกัน
2. มีสุขภาพแข็งแรงกว่า เนื้อสัตว์มีไขมันอิ่มตัวมาก (คอเรสเตอรอล)ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดโรคหัวใจวายง่ายขึ้น คนกินเนื้อสัตว์จะมีโอกาสเป็น โรคมะเร็ง โรคพยาธิ และโรคต่างๆ เช่น โรควัวบ้า โรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่หมู และโรคอื่นๆที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้จากสัตว์มากกว่าคนที่กินมังสวิรัติ ส่วนคนที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นประจำจะมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งต่างๆ น้อยกว่าคนที่รับประทานอาหารเนื้อสัตว์ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคเส้นเลือดในสมองตีบและแตก น้อยกว่า และจะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่า 4 - 10 ปี
โปรดมั่นใจว่า การกินมังสวิรัติ จะทำให้มีสุขภาพดี และอายุยืนยาว ไม่เพียงแต่เท่านั้น ด้านสติปัญญาและจิตใจก็จะดีขึ้นด้วย
น.พ. โชติช่วง ชุตินธร
อ้างอิง ( National Geographic – Nov. 2005 pg. 25 ; Diet, Life Expectancy & Chronic Diseases by Dr Gary Fraser )