ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กลายเป็นเรื่อง ! อีกครั้ง สำหรับการผลักดัน จัดตั้ง “จังหวัดบัวใหญ่” แยกจาก “จังหวัดนครราชสีมา” และ ดูเหมือนว่าปัญหาความขัดแย้งแตกแยกในหมู่ประชาชนชาวลูกหลานย่าโมระหว่างกลุ่มสนับสนุนกับฝ่ายคัดค้าน ยังคงลุกลามบานปลายต่อเนื่อง แบบไม่จบง่าย เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
การปะทุในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการประชุมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา สมัยสามัญ ครั้งที่ 2/2557 ในช่วงบ่ายวันที่ 11 กันยายน 2557 ในวาระที่ 8 ซึ่งถูกบรรจุเข้าเป็นวาระด่วนเพื่อพิจารณาเรื่องการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ ด้วยการผนวก 8 อำเภอ ของ จ.นครราชสีมา เข้าด้วยกัน ประกอบด้วย อ.บัวใหญ่, อ.คง, อ.ประทาย, อ.โนนแดง, อ.บ้านเหลื่อม , อ.แก้งสนามนาง, อ.สีดา และ อ.บัวลาย จากปัจจุบัน จ.นครราชสีมา มีทั้งหมด 32 อำเภอ
โดยมี นายกิตติพงศ์ วงศ์สุรเวท ประธานสภา อบจ.นครราชสีมา นั่งเป็นประธานในที่ประชุม และมีสมาชิก ส.อบจ. เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 39 คน จากทั้งหมด 48 คน โดยสมาชิกสภาในเขต 8 อำเภอ กลุ่มจัดตั้ง จ.บัวใหญ่ ต่างอภิปรายด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าเป็นพื้นที่ห่างไกลจากตัวจังหวัดกว่า 100 กิโลเมตร เหมือนเป็นโซนแอฟริกา หรือ เมืองชายขอบ ไม่ได้รับการพัฒนาดูแลเท่าที่ควรและเพื่อลดกระแสต้าน การแยกเป็นจังหวัดใหม่ไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อบัวใหญ่เสมอไป อาจใช้ชื่อ “จังหวัดสุรนารี” ที่เกี่ยวข้องและผูกพันกับ จ.นครราชสีมา
หลังเปิดให้เปิดแสดงความเห็นอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง สมาชิกสภาฯ ได้ลงมติยกมือเห็นด้วยกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ จำนวน 32 คน ส่วนอีก 7 คน งดออกเสียง
ทันทีที่ข่าว สภา อบจ.มีมติเห็นด้วยกับการจัดตั้ง จ.บัวใหญ่ เผยแพร่ออกได้เกิดกระแสการคัดค้านต่อต้านอย่างกว้างขวางและขยายวงรวดเร็วดุจไฟลามทุ่ง โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ประชาชนชาวโคราชได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความไม่พอใจผ่านทางเครือข่ายเฟซบุ๊ก ไลน์ และอื่นๆ กันเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งต่อว่าสาปแช่งด้วยถ้อยคำรุนแรง โดยมุ่งโจมตีในประเด็นว่า เป็นการแบ่งแยกแผ่นดินย่าโม หรือ แบ่งแยกอัตลักษณ์ดินแดนลูกหลานย่าโม ที่พี่น้องประชาชนชาวโคราชเคารพศรัทธา
ถึงขั้นตั้งเพจ “กลุ่มชาวโคราชคัดค้านการแยกจังหวัดบัวใหญ่” ขึ้นมาเปิดแนวรบในโลกออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ
วันที่ 13 กันยายน ประชาชนกลุ่มคัดค้านได้ประกาศรวมตัวแนวร่วมเป็นครั้งแรก ที่โรงแรมศรีพัฒนา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นำโดย “นายวินัย กีรติอุไร” อายุ 35 ปี เจ้าของเพจ “กลุ่มชาวโคราชคัดค้านการแยกจังหวัดบัวใหญ่” พร้อมร่วมกันแสดงพลังถือป้าย “คัดค้านการแบ่งแยกแผ่นดินย่า คัดค้าน พ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่” พร้อมเปิดตัวแนวรบบนโลกออนไลน์อย่างเป็นทางการ
ขณะที่ “นายกิตติพงศ์ วงศ์สุรเวท” ประธานสภา อบจ.นครราชสีมาเจ้าของเร่งนำวาระร้อนเข้าสภา พยายามอธิบายกับสาธารณะว่า ไม่มีเรื่องการเมืองอยู่เบื้องหลัง แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนกฎหมายเท่านั้น สืบเนื่องจากมีหนังสือทางราชการด่วนที่สุด ที่ 0018.1/19873 ให้สภา อบจ.นครราชสีมาปฏิบัติ ตามมติคณะรัฐมนตรี 1 ธันวาคม 2554 ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งจังหวัดใหม่และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นประชาชน 2548 โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รับฟังความเห็นสมาชิกว่าสมควรให้คำรับรองหรือไม่ ซึ่งมติเห็นชอบ ของ สภา อบจ.ดังกล่าวไม่ใช่ข้อยุติของการแยก 8 อำเภอของ จ.นครราชสีมา ไปจัดตั้งจังหวัดใหม่แต่อย่างใด เพราะยังเหลืออีกหลายขั้นตอน
ด้าน นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าฯนครราชสีมาเองผวาเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวลุกลามบานปลายจนยากเกินแก้ไข ได้เร่งชี้แจงในข้อเท็จจริง ว่า กระบวนการให้ อปท. แต่ละแห่งลงมติการจัดตั้ง จ.บัวใหญ่ นั้น เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น ซึ่งขณะนี้อปท.ของ จ.นครราชสีมา ดำเนินการไปแล้วกว่า 200 แห่ง จากทั้งหมด 334 แห่ง แต่ทั้งนี้การจัดตั้งจังหวัดใหม่ขึ้นอยู่นโยบายของรัฐบาลเป็นสำคัญ และ ต้องเสนอเข้าพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ละเอียดอ่อนต้องใช้เวลาอีกนาน และต้องใช้งบประมาณมหาศาล นับ 10,000 ล้านบาท และโดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า “ เป็นไปได้ยาก”
แต่สถานการณ์กลับโหมกระพือมากขึ้นอย่างมีนัยทางการเมือง เมื่อ “นายกิตติพงศ์ วงศ์สุรเวท ” บุกยื่นใบลาออกจากประธานสภ อบจ.นครราชสีมา กับ ผู้ว่าฯนครราชสีมาโดยตรง แบบสายฟ้าแลบ ในวันที่ 14 กันยายน โดยอ้างเหตุผลเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ท่ามกลางเสียงโจษจันว่า เป็นการจงใจซุกฟืนโหมแรงไฟ หรือเป็นเพราะเหตุผลทางการเมืองที่มีปัญหากับ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” นายใหญ่แห่งพรรคชาติพัฒนา ในระดับขั้น “แตกหัก” มาพักใหญ่แล้ว และกำลังถูกบีบพ้นจากเก้าอี้ “ประธานสภาอบจ.นครราชสีมา” จึงเปิดปฏิบัติการหักหน้านายใหญ่ ด้วยการรับงานตั้งจ.บัวใหญ่จากกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามเข้าสภาฯ ก่อน“โชว์แมน” ประกาศชิงลาออก แทนรอให้ถูกตะเพิดพ้นเก้าอี้อย่างไร้ศักดิ์ศรี
ทางด้านฝ่ายสนับสนุนผลักดันจัดตั้ง จ.บัวใหญ่ ต่างกระโดดรับลูกโหมกระแสกันเต็มพิกัด โดยเฉพาะในกลุ่มนักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่น ในพื้นที่ 8 อำเภอจัดตั้งจังหวัดใหม่ ซึ่งในทางการเมืองและฐานมวลชนแล้วได้รับขนานนามว่าเป็นกลุ่มอำเภอ “เมืองคนเสื้อแดงแห่งโคราช” ของแท้ นั้น พบว่ามีขบวนการจัดตั้งรองรับเป็นอย่างดีและระดมมวลชนออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมแสดงพลังแบบรายวันอย่างต่อเนื่อง กระจายขยายวงไปในพื้นที่ต่างๆ ใน 8 อำเภอ ทั้งที่ยังอยู่ภาวะประกาศใช้กฎอัยการศึก
เริ่มจาก อ.บัวใหญ่ ก่อนขยายไปยัง อ.แก้งสนามนาง อ.ประทาย เป็นต้น และ จัดชุมนุมใหญ่เปิดหน้าชกร่วมกันทั้ง 8 อำเภอ บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ที่ว่าการอำเภอบัวใหญ่ เมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา พร้อมประกาศตั้งโต๊ะล่า 50,000 รายชื่อ เตรียมยื่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ในบรรดาแกนนำระดับแถวหน้า ของกลุ่มมวลชน 8 อำเภอ หนุนจัดตั้ง จ.บัวใหญ่ นอกจากจะปรากฏชื่อของ “นายอรุณ อัครปรีดี” ประธานเครือข่ายสนับสนุนจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าเก่าขาเจ้าประจำที่ติดตามผลักดันจัดตั้งจ.บัวใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง แล้ว ยังมีบรรดาหัวคะแนน นักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำ อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ส.อบจ.ในเขต 8 อำเภอ กลุ่มสายพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นตัวหลักอยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในการขับเคลื่อนมวลชนเปิดศึกโหมกระแสวัดใจรัฐบาลทหาร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในครั้งนี้
เช่น นายสมชาย ภิญโญ ส.อบจ.นครราชสีมา เขต อ.แก้งสนามนาง น้องชาย นายสุชาติ ภิญโญ อดีต ส.ส.นครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 6 (อ.คง อ.ขามสะแกแสง อ.พระทองคำ อ.บ้านเหลื่อม ) พรรคเพื่อไทย (พท.) รวมทั้งกลุ่มของ นายโกศล ปัทมะ อดีต ส.ส.นครราชสีมา เขต 5 ( อ.แก้งสนามนาง อ.บัวใหญ่ อ.บัวลาย อ.สีดา ) พรรค พท. น้องชาย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายและทนายส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม การผลักดันจัดตั้ง จ.บัวใหญ่ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่มีมานานแล้วตั้งแต่ สมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม มีมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้ยกฐานะ อ.บัวใหญ่ รวมกับ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ เป็น “จ.ปทุมทอง” แต่ขาดงบประมาณ 500 ล้านบาท จึงชะลอไว้ และเรื่องจบลง เมื่อรัฐบาล จอมพล ป. ถูก จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำรัฐประหาร เมื่อต้นปี 2500
จากนั้น อ.บัวใหญ่ ถูกแยกออกเป็นอำเภอต่างๆ จนครบ 8 อำเภอ ในปี 2550 ซึ่งเรียกว่า เป็นกลุ่มอำเภอด่านนอก เนื่องจากเป็นด่านสุดชายขอบ ของ จ.นครราชสีมา
กระทั่งมายุคปัจจุบัน ปี 2555 นายอรุณ อัครปรีดี อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบัวใหญ่ เป็นแกนนำเคลื่อนไหว ล่ารายชื่อผู้สนับสนุนกว่า 2 หมื่นราย เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.จังหวัดบัวใหญ่ พ.ศ.2537 ต่อ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2555 เพื่อผนวก 8 อำเภอที่เคยแยกออกไปกลับมารวมกันเป็น จ.บัวใหญ่ จนกลายเป็นการจุดชนวนเคลื่อนไหวมาจนถึงวันนี้ กับการเปิดศึกมวลชนวัดใจกับรัฐบาลรัฐประหาร “ คสช.”
ล่าสุดรัฐบาล “คสช.” โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท. 1 ยังแสดงท่าทีแบบแทงกั๊ก
ดังนั้น คงต้องลุ้นกันต่อไปว่า ปมขัดแย้ง จัดตั้ง จ.บัวใหญ่ จะจบลงด้วยความสมหวังขอคน “ด่านนอก” ที่เรียกขานกันในอดีต หรือ จะถูกยกระดับตั้งเป็นจังหวัดใหม่ สมใจคนเสื้อแดงโคราช ตามที่ถูกขนานนามในยุคปัจจุบัน หรือไม่