จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ในการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่มีนายกิตติพงศ์ พงศ์สุรเวท ประธานสภา อบจ.นครราชสีมา ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีสมาชิกสภาเข้าร่วมประชุม 39 คน จากจำนวนสมาชิกทั้งหมด 48 คน โดยมีวาระสำคัญคือ การพิจารณาเรื่องการเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้ง "จังหวัดบัวใหญ่" โดยมี 8 อำเภอที่จะแยกเป็นจังหวัดใหม่ ได้แก่ อ.บัวใหญ่ , บ้านเหลื่อม , ประทาย , คง , โนนแดง , แก้งสนามนาง , บัวลาย , และสีดา ของ จ.นครราชสีมา โดยในที่ประชุมไม่มีผู้ใดอภิปรายคัดค้านร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ และที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 32 เสียง และงดออกเสียง 7 เสียง จนทำให้เกิดความขัดแย้ง และกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมานั้น
ต่อมานายกิติพงศ์ พงศ์สุรเวท ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด นครราชสีมา ส.จ.เขต อ.เมือง ได้เดินทางไปยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง ประธานสภา อบจ. ต่อนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยให้มีผลในวันที่ 30 กันยายน 2557 เพื่อแสดงความรับผิดชอบ กับการที่สภา อบจ.นครราชสีมา ผ่านมติเห็นชอบการเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา โดยในหนังสือลาออก ระบุว่า เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย และไม่ให้เกิดการขยายความขัดแย้งของประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา
ทั้งนี้ นายกิติพงศ์ พงศ์สุรเวท ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ตนยืนยันว่า สภา อบจ. นครราชสีมา กระทำไปตามหน้าที่ แต่หลังจากที่สภาฯ มีมติในเรื่องนี้ออกไปกลับเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ซึ่งตนได้ทบทวนเรื่องนี้แล้วเห็นว่า ควรต้องลาออกจากตำแหน่งประธานสภา อบจ. เพื่อลดกระแสความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามบานปลายต่อไป แต่ถึงตนจะลาออกจากประธานสภา อบจ. ตนก็ยังคงทำงานในตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาต่อไป
ด้านนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า การที่ประธานสภา อบจ.นครราชสีมา ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง คงเป็นเพราะท่านมีความวิตกกังวล ต่อผลการโหวตให้ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ผ่านสภา อบจ. อย่างไรก็ตาม กระบวนการจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่นั้น ยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เพราะเรื่องทั้งหมดจะต้องผ่านคณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งตนอยากให้ทุกฝ่ายฟังความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย ด้วยเหตุด้วยผล และแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งลุกลามบานปลายออกไป
ด้านนายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวถึงกรณีการแยกอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดใหม่อีก 1 จังหวัด ว่า เรื่องยังไม่เข้ามาเลย โดยถ้าเรื่องจะเข้าก็ต้องเข้ามาที่สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตอนนี้คงอยู่ในขั้นตอนของจังหวัดก่อน ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียด
สำหรับขั้นตอนของการแยกจังหวัดในชั้นนี้เป็นเพียงความเห็นชอบของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและนำเข้าสู้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เพื่อเห็นชอบตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ขณะที่ชาวนครราชสีมา มีทั้งเสียงสนับสนุน และคัดค้าน โดยต่างถกเถียงเรื่องปมแยก 8 อำเภอ เพื่อจัดตั้ง "จังหวัดบัวใหญ่" หลังมีผู้คัดค้านและเผยแพร่ต่อต้านข้อมูลในโลกออนไลน์
ต่อมานายกิติพงศ์ พงศ์สุรเวท ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด นครราชสีมา ส.จ.เขต อ.เมือง ได้เดินทางไปยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง ประธานสภา อบจ. ต่อนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยให้มีผลในวันที่ 30 กันยายน 2557 เพื่อแสดงความรับผิดชอบ กับการที่สภา อบจ.นครราชสีมา ผ่านมติเห็นชอบการเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา โดยในหนังสือลาออก ระบุว่า เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย และไม่ให้เกิดการขยายความขัดแย้งของประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา
ทั้งนี้ นายกิติพงศ์ พงศ์สุรเวท ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ตนยืนยันว่า สภา อบจ. นครราชสีมา กระทำไปตามหน้าที่ แต่หลังจากที่สภาฯ มีมติในเรื่องนี้ออกไปกลับเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ซึ่งตนได้ทบทวนเรื่องนี้แล้วเห็นว่า ควรต้องลาออกจากตำแหน่งประธานสภา อบจ. เพื่อลดกระแสความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามบานปลายต่อไป แต่ถึงตนจะลาออกจากประธานสภา อบจ. ตนก็ยังคงทำงานในตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาต่อไป
ด้านนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า การที่ประธานสภา อบจ.นครราชสีมา ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง คงเป็นเพราะท่านมีความวิตกกังวล ต่อผลการโหวตให้ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ผ่านสภา อบจ. อย่างไรก็ตาม กระบวนการจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่นั้น ยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เพราะเรื่องทั้งหมดจะต้องผ่านคณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งตนอยากให้ทุกฝ่ายฟังความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย ด้วยเหตุด้วยผล และแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งลุกลามบานปลายออกไป
ด้านนายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวถึงกรณีการแยกอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดใหม่อีก 1 จังหวัด ว่า เรื่องยังไม่เข้ามาเลย โดยถ้าเรื่องจะเข้าก็ต้องเข้ามาที่สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตอนนี้คงอยู่ในขั้นตอนของจังหวัดก่อน ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียด
สำหรับขั้นตอนของการแยกจังหวัดในชั้นนี้เป็นเพียงความเห็นชอบของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและนำเข้าสู้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เพื่อเห็นชอบตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ขณะที่ชาวนครราชสีมา มีทั้งเสียงสนับสนุน และคัดค้าน โดยต่างถกเถียงเรื่องปมแยก 8 อำเภอ เพื่อจัดตั้ง "จังหวัดบัวใหญ่" หลังมีผู้คัดค้านและเผยแพร่ต่อต้านข้อมูลในโลกออนไลน์
