xs
xsm
sm
md
lg

สแกน“บิ๊กตู่”เวอร์ชั่นใหม่ สลัดท็อปบูตใส่สูทนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**มาดไม่เบาทีเดียว สำหรับ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลังขึ้นแท่นบริหารประเทศมาได้ร่วมสองสัปดาห์ ลีลาการพูดการจา ไม่เป็นสองรองนักการเมืองมืออาชีพเลย
ดูจากการวางตัวตั้ง แต่สวมสูทผูกเนคไท เป็นผู้นำรัฐบาลในช่วงไม่กี่วัน สะท้อนให้เห็นชัดเลยว่า ทำการบ้านกันมาเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะการวางตัวในฐานะฝ่ายบริหาร มีผ่อนหนักผ่อนเบา สลับกันไป ไม่ได้ตึงเป๊ะเหมือนตอนสวมยูนิฟอร์มท็อปบูตอยู่ในกองทัพ น่าจะมีการเทรนด์กันมาหนักหนาไม่น้อย
เอาว่า ตั้งแต่นับหนึ่งในหัวโขนนายกรัฐมนตรีของประเทศ กลายเป็น “นิวตู่”ไม่ดุดัน ไม่โผงผางเหมือนกับ “ลุงตู่”คนเก่าเมื่อครั้งยังมีแต่ คสช.ควบคุมอำนาจรัฐ หรือ “บิ๊กตู่”ครั้งยังเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตำแหน่งเดียว แต่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
ดุบ้าง เบาบ้าง แถมระยะหลังๆ หยอดหวานกันทุกวัน นักข่าวคนไหนทัก คนไหนแซว “นายกฯตู่”หันขวับมาตอบอย่างอารมณ์ดี บางครั้งบางคราว มีร้องเพลงให้ฟังกันดื้อๆ ไม่เหมือน “หัวหน้าตู่”ผู้กระทำการควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ใครแหย่ ใครแตะไม่ได้ รัวกลับอย่างกับปืนกลไฟ
ถ้าให้คะแนนเฉพาะการวางตัวในฐานะนายกรัฐมนตรีช่วงนี้ จัดอยู่ในเกรดเอ เกรดบี กันเลย แม้จะยังดูเก้ๆ กังๆ แข็งทื่อไปบ้างก็ตาม คงต้องให้เวลาในการปรับตัว
ทั้งนี้ทั้งนั้น จับปฏิกิริยา “บิ๊กตู่”เวอร์ชั่นผู้นำที่เหมือน “คุณลุงใจดี”ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากยุทธศาสตร์ลดโทน คณะรัฐประหาร หรือรัฐบาลท็อปบูตให้ซอฟต์ลง เหมือนเป็นรัฐบาลพลเรือนปกติ เพราะต้องยอมรับว่า ในสายตาชาวโลกที่จ้องมองไทย ต่อให้สถานการณ์ภายในประเทศสงบเรียบร้อยเพียงไหน และต่อให้คณะรัฐมนตรี มีพลเรือนเป็นองคาพยพมากน้อยเพียงใด แต่พอเห็นพะยี่ห้อลายพราง ถือธงนำ อย่างไรก็ติดภาพเผด็จการใช้ทางลัดพิเศษขึ้นมาอยู่ดี หาได้มาจากการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน ธรรมชาติคนไทยแม้จะเข้าใจการเมืองแบบบ้านเรา แต่ลองเอา “บิ๊กตู่” ในเวอร์ชั่นนายพลมาบริหารประเทศ อย่างไรคนดูก็อึดอัด ติดภาพเผด็จการ เจ้ากี้เจ้าการ เหมือนอะไรๆ ก็มีแต่กฎระเบียบ ขยับเขยื้อนลำบาก การทำตัวเป็นพลเรือนจึงน่าจะดูเนียนตากว่า
**เดินเครื่องลบภาพทหารบริหารประเทศ !!
ต่อเนื่องจากผลพวงเดียวกัน ยังทำให้ประชาชนรู้สึกใกล้ชิดเป็นกันเอง ไม่ห่างเหิน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับประเทศไทย ทำเป็นว่า ทุกอย่างยังอยู่ปกติ กลไกต่างๆ ยังขับเคลื่อน คณะรัฐประหารก็เป็นบุคคลธรรมดาแตะต้องได้ ไม่ต่างอะไรจากรัฐบาลปกติ
ซึ่งก็สอดคล้องกับปฏิกิริยาท่านผู้นำที่ย้ำกันวันละ 3 เวลา “ผมไม่ได้ไปยึดอำนาจใครมา แต่รัฐบาลก่อนหน้าไม่มีอำนาจบริหารประเทศ”เป็นการวางยุทธศาสตร์เพื่อปรับโหมดสังคมให้หันมากระโดดหนุน หรือจะไม่ร่วมก็ได้ แต่ไม่ควรออกมาขัดขวาง ให้ระยะเวลาสั้นๆ ของรัฐบาลสามารถขจัดปัญหาต่างๆ ให้ทุเลาไปได้ ชนิดเมื่อไม่พาย ก็ไม่เอาเท้ามาราน้ำ
แต่ว่ากันตามเนื้อผ้า นาทีนี้ดูแล้ว “นายกฯตู่” คงต้องสะสมชั่วโมงบินกันอีกเยอะ เพราะที่ทำๆ กันอยู่ ณ ตอนนี้ยังไม่จัดว่า เนียนตาจนเป็นธรรมชาติ แต่ยังมีหลุดๆ อารมณ์หงุดหงิดขึงขังซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวให้เห็นบ่อยๆ ซึ่งล่าสุดก็ยอมรับเหมือนกันระหว่างให้นโยบายต่อหัวหน้าส่วนราชการที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2557 ในลักษณะว่า ใจก็ยังร้อนอยู่ แต่พยายามเก็บซ่อน
“ทุกคนต้องเปิดใจ ทำแบบผม ผมเคยหน้างอ ขี้โมโห วันนี้ก็ยิ้มดีทั้งวัน ในใจก็ร้อนระอุอยู่ ต้องอดทน การบริการประชาชนต้องเปิดใจ ยิ้มแย้ม”
เอาที่เห็นชัดๆ กรณีตบะแตก ก็ปมนักเรียนที่ตีกันที่ฮึ่มเสียงดังๆ ให้กลัวกันเลย“ขอประกาศเลยว่าต่อไปนี้โรงเรียนไหนมีปัญหาปิดโรงเรียนนั้น ตีกันคณะไหนก็ปิดคณะนั้นไว้ก่อนชั่วคราว จนกว่าจะสอบสวนดำเนินคดี ไปหาทางว่าจะทำอย่างไร พวกรุ่นพี่รุ่นน้องคืนสู่เหย้ากัน ให้อภัยกัน ไม่งั้นจะถูกดำเนินคดีหมด โรงเรียนต้องถูกปิด ไม่อย่างนั้นไม่เลิกตีกัน ต้องเลิกให้ได้”
**หรือกรณี “เปิ้ล สหายสุดซอย” น.ส.กริชสุดา คุณะเเสน ผู้ต้องหาพัวพันคดีอาวุธสงครามที่ใช้ในการก่อเหตุช่วงระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่โดนชยันโตแบบถึงพริกถึงขิงชนิดคนฟังอ้าปากค้าง
“อย่าไปเชื่อ มันโกหก มีอย่างที่ไหน เป็นผู้หญิงหน้าตาก็ดูดี บอกว่าถูกควบคุมตัว 7 วัน แล้วเอาหัวไปกดน้ำ มันดูหนังมากไปรึเปล่า อีนี่ ใครจะไปทำวะ ผู้ชายด้วยกันยังไม่อยากทำเลย ทำไม่ได้ เพราะเราเป็นคนไทยพุทธ ใครจะไปทำคุณ จับมาควบคุมตัวไม่ได้ให้อดข้าวอดน้ำ วันนั้นหน้ามันผ่อง สามีมันก็ไปอยู่ด้วย สั่งให้กลับบ้านมันก็ไม่กลับ ขอให้อยู่ต่อ กลับบ้านอันตราย แต่เวลาไปพูดไปบอกว่าถูกทรมานถูกทำร้าย ตอกเล็บ ไอ้บ้าเอ๊ย ใครจะไปตอกเล็บมันวะ”
ช็อตนี้เรียกว่า ด่ากันสุดซอยกลางอากาศ แบบอดรนทนไม่ไหว สะท้อนให้เห็นเหมือนกันว่า ยังต้องปรับจูนกันอีกพอสมควร เพราะยังติดๆ อารมณ์เดือดๆ คำพูดคำจาแรงๆ เหมือนกัน
รวมไปถึงเรื่องคำพูดคำจาแรงๆ ที่แม้จะฟังดูจริงใจ แต่การขึ้น “อี” ต่อสุภาพสตรี ผนวกกับการที่หลุดมาจากปากผู้นำยังไงมันก็ดูไม่เหมาะไม่ควรในสังคมไทย ยิ่งกับเพศแม่ต้องให้เกียรติ ถึงแม้ “เปิ้ล สหายสุดซอย” จะทำกระทำการเลวเยี่ยงใด ก็ต้องให้กฎหมายเป็นคนจัดการ หรือสังคมเป็นคนประณาม ไปจิกกบาลแบบนี้ เสี่ยงจะถูกฝ่ายต้านเอาไปลากเป็นประเด็นเหมือนกรณี “อีโง่”
**เรื่องไม่เป็นเรื่องมันจะลุกลามบานปลายโดยใช่เหตุ !!
หนำซ้ำ ว่ากันตามความจริง “นายกฯตู่”ไม่ควรจะพูดถึงผู้ต้องหารายนี้ด้วยซ้ำ เพราะยิ่งพูดจะยิ่งเข้าทางฝั่งนู้น ให้ไปขยายปมต่อ เหมือนเป็นการลดตัวเปล่าๆ ให้กลไกลในมือในเป็นคนจัดการดีกว่า ในทางตรงกันข้ามควรจะหันไปฉะ “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้นตอของปัญหาทั้งหมดน่าจะเวิร์กกว่ากัน
**ในทำนองอย่าเอา “ขุน” มาแลก “เบี้ย”

เสือกระดาษ
กำลังโหลดความคิดเห็น